ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 259-3 เป้าหมายเดียวกัน ทางเดินแตกต่าง (3)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 259 เป้าหมายเดียวกัน ทางเดินแตกต่าง (3)

เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วว่า “ให้ตำแหน่งรองประธานกับนายก็เพื่อให้นายสามารถเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนปลายปีได้เท่านั้น ตอนนี้มหาวิทยาลัยกำลังตกที่นั่งลำบาก จะแพ้การแข่งขันไม่ได้ จากความก้าวหน้าของนาย ปลายปีน่าจะทะลวงขั้นสี่ได้ หากไม่มีฝีมือของขั้นสี่ คงยากจะชนะในการแข่งขันแลกเปลี่ยน…”

ฟางผิงส่ายหัวอีกครั้ง “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้ไม่รีบ ประธานจางพูดต่อสิ”

จางอวี่มองเขาอย่างลึกล้ำก่อนจะเอ่ยว่า “อย่างที่สาม ฉันหวังว่าหยวนฟางจะปิดระบบกู้ยืมคะแนน หรือว่าอาจจะเปลี่ยนจากปิดระบบเป็นเก็บคะแนนทั้งหมดคืนมา นำมารวมสะสมเป็นทรัพยากร เพื่อให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดยืมใช้ พวกเขาจะได้ทะลวงขั้นสามโดยเร็วที่สุด รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนกลางบางส่วนด้วย จะได้เข้าสู่ขั้นสามตอนปลายเร็วๆ ฟางผิง ไม่ใช่ว่าฉันพุ่งเป้าไปที่นาย หวังว่านายจะเข้าใจความคิดของฉัน ทรัพยากรของเซี่ยงไฮ้มีจำกัด เพื่อจัดสรรหนึ่งแสนคะแนนให้พวกนาย ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยไม่อาจจุนเจือทุกคนได้อีกแล้ว แต่ตอนนี้นายก็เห็นว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามของเซี่ยงไฮ้มีไม่ถึงร้อย นี่เป็นครั้งที่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อเกียรติศักดิ์ศรี ตำแหน่งและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย พวกเราอยากให้คนบางส่วนเข้าสู่ขั้นสามเร็วขึ้นหน่อย…”

ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยว่า “ประธานจาง ครั้งนี้เรียกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดและขั้นสามมารวมตัวกันก็เพื่อกดดันฉัน?”

“อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” จางอวี่อธิบาย “ตอนนี้ทรัพยากรหนึ่งแสนคะแนนกระจัดกระจายอยู่ในมือของคนธรรมดาและผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งจำนวนมาก ทุกคนเป็นนักศึกษาเหมือนกัน หากเป็นช่วงเวลาปกติ ทุกคนก้าวหน้าไปด้วยกัน ฉันยินดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน พวกเราควรรวบรวมทรัพยากรให้กับนักศึกษาที่มีความหวังจะทะลวงขั้นสามมากกว่า ไม่ใช่กระจัดกระจายแบบนี้”

“นี่เป็นความต้องการของมหาวิทยาลัย”

“ฟางผิง ความต้องการของมหาวิทยาลัยคือบ่มเพาะยอดฝีมือให้มีมากยิ่งขึ้น”

“ในเมื่อเป็นยอดฝีมือ งั้นก็ช่วงชิงด้วยตัวเอง นายพูดแบบนี้ ถ้าฉันจะเข้าใจว่านายกำลังช่วงชิงอำนาจของฉัน คงไม่ผิดสินะ?”

เซี่ยเหล่ยแทรกบทสนทนา “ฟางผิง เดิมทีการจัดสรรทรัพยากรก็อยู่ในอำนาจของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์!”

ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “งั้นพวกนายก็ไปทำแพลตฟอร์มของตัวเองขึ้นมาอีกสิ”

“นาย…” เซี่ยเหล่ยเอ่ยอย่างหงุดหงิดอยู่บ้าง “ประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องแพลตฟอร์ม แต่เป็นการรวบรวมทรัพยากรบ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ไม่ใช่กระจัดกระจายแบบนี้ ให้คนธรรมดาทะลวงขั้นหนึ่ง ให้ขั้นหนึ่งทะลวงขั้นสอง ขั้นสองหนึ่งร้อยคนเทียบกับขั้นสามตอนปลายหนึ่งคนไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

“นายก็มาจากขั้นหนึ่งขั้นสองก่อนจะเข้าสู่ขั้นสามเหมือนกัน”

“นายอย่ามาเบี่ยงประเด็นทำให้ซับซ้อน” เซี่ยเหล่ยพูดออกมาอีกครั้ง “ประธานและฉันบอกไปแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ ตอนนี้นักศึกษาขั้นสามขั้นสี่ตายในสงครามมากขึ้นเรื่อยๆ จากต้นปีจนถึงตอนนี้ปาไปยี่สิบคนแล้ว! พวกเราจำเป็นต้องประคองจำนวนนักศึกษาขั้นสามเอาไว้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามมีมากหรือน้อย นั่นเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้”

พูดจบ เซี่ยเหล่ยก็มองไปทางคนอื่นๆ “ทุกคน พวกนายพูดคุยความคิดเห็นของตัวเองได้เหมือนกัน สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นของพวกเราทุกคน ครั้งนี้ก็เพื่อมหาวิทยาลัย เพื่อนักศึกษาของพวกเรา…”

ฟางผิงตัดบททันที “ขอโทษนะ แพลตฟอร์มเป็นของฉัน หนึ่งแสนคะแนน ฉันก็เป็นคนไปช่วงชิงมาเอง ถ้านายคิดว่าคะแนนพวกนี้มาจากทรัพยากรของทุกคน นั่นผิดแล้ว ความเป็นจริงทรัพยากรพวกนี้ เป็นพวกอาจารย์ที่เก็บออมออกมาเพื่อให้นักศึกษาทั่วไปได้ประโยชน์ ตอนนี้จัดสรรให้ทุกคนที่นี่ก็ไม่สอดคล้องกับความตั้งใจเดิมแล้ว”

“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หรือไม่ว่าจะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งใดต่างไม่ได้ต้องการให้คนใดคนหนึ่งแข็งแกร่ง แต่เป็นภาพรวมต่างหาก ใครอยากจะแข็งแกร่ง นั่นต้องพึ่งตัวเอง ไปสังหารพวกถ้ำ ไปทำภารกิจ ไม่ใช่บีบเค้นให้มหาวิทยาลัยจัดสรรให้ มหาวิทยาลัยไม่ได้ต้องการแบบนี้ เซี่ยเหล่ย นายและประธานจางจะทำเพื่อส่วนรวมหรือว่าส่วนตัว ฉันคงไม่ถาม ฉันยอมที่จะเชื่อว่าพวกนายคิดเพื่อส่วนรวม ยังไงพวกนายสองคนก็มีฝีมือที่จะช่วงชิงโอกาสมาให้ตัวเอง แต่ฉันอยากจะบอกว่า อย่าได้ใช้จริยธรรมมุมมองอันสูงส่งไปตัดสินอะไรหรือปฏิเสธอะไร ถ้าพวกนายเอาทรัพยากรของตัวเองมาแจกจ่ายให้ทุกคน ฉันคงไม่คัดค้าน ทั้งคงไม่ตั้งคำถามสงสัยอะไรด้วย แต่นี่ไม่ใช่ของพวกนาย ทั้งไม่ใช่ของฉัน เดิมก็เป็นของนักศึกษาเซี่ยงไฮ้ทั้งหมดจุดประสงค์ของมหาวิทยาลัยคืออยากจะลองสักครั้ง ดูว่าจะสามารถกระตุ้นทุกคนให้ก้าวหน้าได้หรือเปล่า ตอนนี้พวกนายจะให้ฉันเก็บคืนมา ขอโทษที ทำไม่ได้หรอก”

จางอวี่เคาะโต๊ะเบาๆ เซี่ยเหล่ยไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเช่นกัน ทุกคนความเห็นไม่ตรงกัน อยู่ในตำแหน่งที่แตกต่าง มุมมองต่อปัญหาจึงไม่เหมือนกัน

หนึ่งแสนคะแนน ทรัพยากรอาวุธและยาเกือบสามพันล้าน

สามารถบ่มเพาะขั้นสามออกมาได้นับสิบคน

ตอนนี้มหาวิทยาลัยดึงทรัพยากรพวกนี้ออกมาให้ใช้กู้ยืม คนอื่นๆ ไม่อาจเคลื่อนย้ายไปได้

ฟางผิงกระจัดกระจายทรัพยากรพวกนี้ไว้กับนักศึกษานับพันคน ในสายตาของพวกเขา ฟางผิงกำลังทำเรื่องวุ่นวาย

บ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์แนวหน้าออกมากลุ่มหนึ่ง สิ่งนี้ต่างหากที่พวกเขาอยากเห็น

พวกเขาพูดเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ เป้าหมายสามอย่างของจางอวี่ สองข้อนั้นถูกโต้แย้งกลับมา

ช่วงเวลาสั้นๆ นั้น หลายคนในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็เผยสีหน้าดูไม่ได้

ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงไม่พูดมากอีก หยัดกายขึ้น “ฉันมีธุระ ขอตัวก่อน เรื่องศพของพวกอาจารย์และเพื่อนๆ ค่อยแจ้งอีกทีแล้วกัน ส่งพวกเขากลับบ้านเป็นความรับผิดชอบของพวกเราอยู่แล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องขอโทษด้วย”

รอฟางผิงไปแล้ว จางอวี่ก็คลึงขมับ เซี่ยเหล่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ฟางผิงกำลังทำเรื่องยุ่ง!”

เย่ฉิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ฟางผิงไม่ได้ฮุบทรัพยากรไว้คนเดียว เขาคิดเผื่อนักศึกษาทั้งหมดเหมือนกัน ทำไมประธานเซี่ยถึงพูดแบบนั้นออกมา?”

“เย่ฉิง นายอย่าทำเป็นมองไม่เห็น ฉันถามนายหน่อย นักศึกษาขั้นสามกับขั้นหนึ่งขั้นสองอะไรสำคัญกว่ากันล่ะ!”

“ฉันคิดว่าไม่ต่างกัน ในถ้ำใต้ดินขั้นสามก็กลายเป็นเถ้าธุลีได้เหมือนกัน!”

“นาย…”

เย่ฉิงลุกขึ้นทันที “มีแค่ข้อแรกเท่านั้นที่ฉันคิดว่าจำเป็นต้องทำ ข้ออื่นๆ ไร้สาระสิ้นดี เวลานี้ยังมีใจมาแย่งชิงอำนาจ ช่างกล้าจริงๆ นะ!”

เซี่ยเหล่ยเอ่ยอย่างโมโห “พวกเรากำลังแย่งชิงอำนาจ? พวกเราไม่ได้อยากให้เซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งขึ้น? ให้นักศึกษาปลอดภัยมากขึ้นหรือไง? นายคิดว่าพวกเราอยากให้เกิดการตายในสนามรบบ่อยๆ? การจัดสรรทรัพยากรควรจะมีไว้ให้นักศึกษาที่เข้าไปในถ้ำใต้ดิน ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ข้างนอกนี่!”

“ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องเข้าไปอยู่ดี”

“อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ตอนนี้!”

“ตอนนี้ยิ่งแข็งแกร่ง วันหน้าถึงจะปลอดภัยมากขึ้น”

“…”

โต้เถียงกันจนจบ สุดท้ายทุกคนก็แยกย้ายกันไปอย่างไม่ดีเท่าไหร่

สิ่งที่ฟางผิงกำลังคิดในตอนนี้คือคำพูดของตาเฒ่าหลี่ก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างมีความเห็นแก่ตัว

ครอบครัวใหญ่และครอบครัวเล็กนั้นมีความแตกต่าง

พวกเซี่ยเหล่ย บางทีอาจจะทำเพื่อเซี่ยงไฮ้จริงๆ แต่ครอบครัวของพวกเขาเป็นสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิงก็เหมือนกัน ครอบครัวของเขาคือตัวเอง ส่วนของอธิการคือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ของจางติ้งหนานคือหนานเจียง

แล้วหวังจินหยางล่ะ?

มหาวิทยาลัยหนานเจียงหรือว่าหนานเจียง? หรืออาจารย์ของเขาคนนั้น?

คนอย่างพวกเขาสุดท้ายแล้วเป้าหมายกลับเหมือนกัน กำราบถ้ำใต้ดิน แต่ทางเดินระหว่างทางกลับไม่เหมือนกัน

“ฉันมีความคิดของฉัน พวกนายมีความคิดของพวกนาย สุดท้ายยังต้องดูที่ฝีมือใครแข็งแกร่งอ่อนแอ ไม่อาจเอาชนะด้วยเหตุผล งั้นมีเพียงต้องวัดกันที่หมัดแล้ว”

ฟางผิงส่ายหัวเบาๆ บางทีนี่อาจเป็นความต้องการของมหาวิทยาลัย

“ช่างเถอะ อย่าเพิ่งสนใจเรื่องพวกนี้เลย ไม่กี่วันนี้จัดการเรื่องเงินแล้ว ฉันควรต้องเตรียมตัวทะลวงขั้นสี่สักหน่อย”

“อย่างน้อยต้องให้เร็วกว่าเหล่าหวัง!”

เหล่าหวังทะลวงขั้นสี่เดือนตุลาคม ฟางผิงกำหนดเป้าหมายให้ตัวเองแล้ว อย่างน้อยต้องเร็วกว่าเหล่าหวัง!

———————–

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท