ตอนที่ 270 เล็กเกินไป ต่อยไม่ถึง (1)
วันเสาร์ที่ 25 กรกฏาคม
สวนสนุกฮวนเล่อปักกิ่ง
เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ทั้งอยู่ในวันเสาร์ รวมถึงก่อนหน้านี้มีการประกาศสถานที่ประลองออกมา ตอนนี้สวนสนุกฮวนเล่อจึงมีผู้คนคร่าครั่งเต็มไปหมด
จ่ายสิบห้าล้านเพื่อให้ฟางผิงเลือกสถานที่นี้เป็นที่ประลองนับว่าไม่ขาดทุน
เงินสิบห้าล้านเพียงพอให้เผยแพร่โฆษณาในพื้นที่รอบๆ ปักกิ่งแค่บางส่วนเท่านั้น จะสู้กระแสแบบนี้ได้ยังไง ทั่วประเทศต่างกำลังให้ความสนใจ
—
ผู้ที่รับผิดชอบในสวนสนุกต่างเบิกบานใจ
ฟางผิงก็เบิกบานใจ
แต่กลุ่มคนจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งกลับไม่สบอารมณ์!
เห็นคนเดินยั้วเยี้ยเต็มสวนสนุกฮวนเล่อ พวกหลี่หานซงพากันขมวดคิ้ว!
“คนเยอะอะไรอย่างนี้!”
หลิงอีอีทำหน้าไม่พอใจ เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “มาดูละครลิงหรือไง?”
หานซวี่ตามมาด้วยเหมือนกัน ได้ยินจึงเอ่ยว่า “บางทีอาจเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง ท่ามกลางสายตาคนมากมายต้องต่อสู้ด้วยแรงกดดัน นี่เป็นการฝึกฝนจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์อย่างหนึ่งเช่นกัน ฟางผิงก้าวหน้ารวดเร็วแบบนี้ อาจเป็นเพราะเขาไม่เกรงกลัวในเรื่องพวกนี้”
ตอนแรกหลี่หานซงไม่พอใจเท่าไหร่ ตอนนี้กลับเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ก็ถูก อีอี นี่เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งเหมือนกัน ผู้ฝึกยุทธ์ต้องไร้ความเกรงกลัว! ในการประลองแบบนี้ อยู่ท่ามกลางสายตาคนนับร้อยรับพัน ถือเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด ไม่ว่าจะสภาพแวดล้อมแบบไหนล้วนสามารถแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยม นั่นถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่ง!”
หลิงอีอีได้ฟังแบบนี้ ก็เอ่ยด้วยตาเป็นประกาย “ไม่น่าล่ะเขาถึงเลือกประลองในสถานที่ท่องเที่ยวพวกนี้มาโดยตลอด ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”
พวกเขาสบสายตากัน หลิงอีอีเผยสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คงไม่อาจดูถูกเขาได้แล้ว!”
ฟางผิงไม่เกรงกลัวอะไร มีความมั่นใจและแสดงฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยมท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ถึงกระทั่งคำนึงถึงผลกระทบของการพ่ายแพ้ บางทีฟางผิงอาจจะโอบกอดความคิดทุบหม้อข้าวจมเรือ เลือกสวนสนุกฮวนเล่อที่มีผู้คนไหลหลั่งเข้ามาไม่ขาดสายก็ได้
—
ในเวลาเดียวกัน
กลางอากาศมีชายชราผมสีดำขลับคนหนึ่งยืดตัวตรง มือซ้ายจูงเฉินอวิ๋นซีที่ก้มหน้ามองข้างล่าง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เด็กจากเซี่ยงไฮ้ของพวกนายไม่เลวเลยนี่ ผู้ฝึกยุทธ์ต้องไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด!”
ตาเฒ่าหลี่ขมุบขมิบปากพึมพำ!
ถ้าฉันบอกว่าเขารับค่าโฆษณามากว่าสิบล้าน นายยังจะคิดแบบนี้อีกหรือเปล่า?
ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด?
พวกนายช่างมโนเก่งจริงๆ!
ตาเฒ่าหลี่ไม่ปากมากเช่นกัน พูดไปรังแต่จะขายหน้าเท่านั้น
ชายชราไม่พูดต่ออีก ทว่ากลับเผยใบหน้าจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “สถานการณ์ถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้เป็นยังไงบ้าง?”
“ยังประคองได้อยู่ หลายวันนี้เมืองเทียนเหมินและเมืองความหวังปะทะกันหลายสิบครั้ง บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ทางพวกเราสูญเสียไปไม่น้อยเช่นกัน สถานการณ์หลักๆ ทางหน่วยทหารฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีอาจารย์ตายในสงครามหกคน…ปีนี้รวมทั้งหมดแล้ว อาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ตายในสนามรบสี่สิบสองคน!”
แววตาของตาเฒ่าหลี่เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมา “อาจารย์ระดับกลางของเซี่ยงไฮ้ ผ่านการสั่งสมมาหกสิบปี ต้นปีมีสี่ร้อยยี่สิบแปดคน เวลาไม่ถึงหนึ่งปีสูญเสียไปถึงหนึ่งในสิบ หากเป็นแบบนี้ต่อไป คงไม่พอให้สอนนักศึกษาแน่! รอนักศึกษาใหม่กว่าเจ็ดพันคนเข้ามา หากนับรวมคนที่ไปประจำถ้ำใต้ดิน และออกทำภารกิจข้างนอกแล้ว อาจารย์คนหนึ่งต้องรับผิดชอบนักศึกษายี่สิบกว่าคนถึงจะพอใช้ เมืองเทียนเหมิน…ไม่ช้าก็เร็วต้องฆ่าพวกเขาให้สิ้นซาก!”
อาจารย์เซี่ยงไฮ้ไม่ได้มีเยอะ แต่อาจารย์สายสังคมบางส่วนล้วนมีฝีมืออยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นสาม
อาจารย์ระดับกลางสี่ร้อยกว่าคน มีความสามารถขั้นนี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก
ทั่วทั้งหนานเจียง อาจไม่สามารถรวมผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางออกมาได้เยอะขนาดนี้
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แห่งเดียวเทียบเท่ากับหนานเจียงได้!
แต่ตอนนี้อาจารย์ระดับกลางตายในสงครามจำนวนมาก เวลาไม่ถึงหนึ่งปีสูญเสียไปสิบเปอร์เซ็นต์ก็แทบจะกระทบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว
พวกนักศึกษาคืออนาคต การสอนผู้ฝึกยุทธ์ในห้องเรียนขนาดใหญ่จะมีข้อบกพร่องมาก
สอนในห้องที่เล็กลงถึงจะมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
หากเป็นสถานการณ์ทั่วไป อาจารย์หนึ่งคนรับผิดชอบนักศึกษาสิบคนถือว่าพอดีแล้ว มากไปกว่านี้จะกระทบการเรียนการสอนได้
ก่อนหน้านี้อาจารย์ระดับกลางของเซี่ยงไฮ้ยังมีเยอะ แต่ไม่กี่ปีนี้ตายในสงครามติดต่อกัน
ทั้งหลังจากสงครามยังหาคนมาทดแทนยาก
ทุกปีเซี่ยงไฮ้จะมีนักศึกษาจบด้วยระดับกลางไม่กี่สิบคนเท่านั้น
คนพวกนี้ไม่อาจจะรั้งให้อยู่เซี่ยงไฮ้ได้ทั้งหมด รั้งได้แค่บางส่วนก็ถือว่าดีแล้ว รวมถึงอาจารย์ขั้นสามบางส่วนที่ทะลวงด่านด้วย
ก่อนหน้านี้ยังสามารถประคองจำนวนคนที่ทะลวงด่าน ทดแทนการสูญเสียได้
ตอนนี้สัดส่วนกลับถูกทำลายไปแล้ว อัตราการตายของอาจารย์ระดับกลางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า รวมกับการรับสมัครนักศึกษาใหม่ หากเป็นแบบนี้ต่อไป เซี่ยงไฮ้ทำได้แค่ลดการรับนักศึกษาเท่านั้น
ชายชราผมดำถอนหายใจเบาๆ “มีแต่เรื่องให้กลัดกลุ้ม ถ้ำใต้ดินของหนานเจียงก็กำลังจะปรากฏขึ้น หนึ่งปีก่อนถ้ำใต้ดินเทียนหนานสร้างความสูญเสียใหญ่หลวงไว้เช่นกัน ถ้ำใต้ดินอื่นๆ ก็เคลื่อไหวไม่หยุดหย่อน ตอนนี้ด้านหนึ่งต้องเพิ่มจำนวนผู้ฝึกยุทธ์ให้มากขึ้น อีกด้านยังต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการสอน ทั้งต้องเพิ่มจำนวนผู้ฝึกยุทธ์ลงไปในถ้ำให้มากขึ้นอีก…เป็นแบบนี้ต่อไป ต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่”
ถอนหายใจแล้ว ชายชราก็มองไปทางตาเฒ่าหลี่ “นาย…ไม่มีความหวังสักนิดจริงๆ งั้นเหรอ?”
จู่ๆ ตาเฒ่าหลี่ก็ยืดหลังที่ค่อมอยู่เล็กน้อยขึ้นมา “หมดหวังแล้ว หากสำเร็จ ฉันคงสำเร็จไปนานแล้ว ยังต้องรอถึงตอนนี้ทำไม? ตอนนี้ทางหลู่เฟิ่งโหรว เธอมีโอกาสที่จะเป็นปรมาจารย์มากกว่า…”
ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อย “เธอมีหวังกลายเป็นปรมาจารย์อยู่แล้ว แต่ถ้าหลู่เฟิ่งโหรวกลายเป็นปรมาจารย์ เธอต้องไปหาเจ้าเมืองเทียนเหมินแน่ แทบจะเป็นการเอาชีวิตไปทิ้ง ปรมาจารย์ใหญ่ไม่อาจสกัดยอดฝีมือขั้นเก้าให้เธอตลอดไปได้หรอก หากไม่ระวังก็มีแต่ตายเท่านั้น แทนที่จะให้เธอเอาชีวิตไปทิ้ง ยังไม่สู้ขัดขวางไม่ให้ทะลวงด่านสำเร็จ!”
เฉินอวิ๋นซีกำลังมองสำรวจลงไปด้านล่าง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “คุณปู่ งั้นสังหารเจ้าเมืองเทียนเหมินไม่ได้งั้นเหรอ?”
ชายชรายิ้มเฝื่อนๆ “ไม่ใช่ไม่ได้ พวกผู้บัญชาการหลี่ลงมือ ยังมีหวังจะสังหารอีกฝ่ายสำเร็จ แต่หากเกิดสงครามของขั้นเก้า คนอย่างผู้บัญชาการหลี่ลงมือ มีโอกาสถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ยอดฝีมือขั้นเก้าจากส่วนลึกของถ้ำใต้ดินจะปรากฏตัวขึ้น ถึงเวลานั้น ไม่ใช่แค่เรื่องสังหารเจ้าเมืองเทียนเหมินเพียงอย่างเดียวแล้ว พวกผู้บัญชาการหลี่เข้าร่วมสงคราม ก็หมายความว่าขั้นเก้าของถ้ำใต้ดินจะออกโรงเหมือนกัน อาจจะสิบกว่าคนหรือยี่สิบกว่าคน นี่แค่ถ้ำใต้ดินแห่งเดียวเท่านั้น ปรมาจารย์ใหญ่ของประเทศจีนเคลื่อนไหวทั้งหมด เอาชนะได้อยู่แล้ว แต่ก็เป็นการชนะที่เศร้าสลดเช่นกัน! อุโมงค์ทางเดินถ้ำใต้ดินที่เหลือจะเฝ้ากันยังไง?”
“ขั้นเก้าของพวกเขามีร่างกายเป็นอมตะงั้นเหรอคะ?” เฉินอวิ๋นซีขุ่นเคืองอยู่บ้าง
ชายชราส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ถึงขนาดนั้น พวกผู้บัญชาการหลี่แข็งแกร่งเกินไป หากเข้าไปในถ้ำใต้ดิน พลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ดังนั้นจึงดึงดูดผู้แข็งแกร่งของถ้ำเข้ามาโจมตี แต่ถ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นเก้าทั่วไปต่อสู้สังหารอีกฝ่าย พวกถ้ำใต้ดินไม่อาจบุกมาอย่างส่งเดชเช่นกัน ทว่ายอดฝีมือขั้นเก้าไม่ได้ถูกสังหารง่ายๆ ขนาดนั้น ทุกคนต่างฝีมือทัดเทียมกัน แม้ผู้บังคับการอู๋ ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางใต้ ก่อนหน้านี้รับมือกับเจ้าเมืองตงขุย ก็ไม่อาจขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบเช่นกัน ผู้บังคับการอู๋เป็นปรมาจารย์ใหญ่ที่ถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของขั้นเก้าเหมือนกัน เขาไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้ หลานว่าคนอื่นๆ จะฆ่าพวกเขายังไงล่ะ?”
เฉินอวิ๋นซีเอ่ยอย่างผิดหวัง “ปรมาจารย์ใหญ่ของประเทศจีนเอาชนะพวกเขาไม่ได้?”
ชายชราถอนหายใจ มีผู้ที่แข็งแกร่งขั้นสุดยอดอย่างผู้บัญชาการหลี่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น?
ยอดฝีมือของถ้ำใต้ดินไม่กล้าล้อมสังหารมนุษยชาติอย่างส่งเดช ความจริงแล้วเกี่ยวข้องกับขั้นเก้าพวกนี้เช่นกัน
ผู้บัญชาการหลี่ของหน่วยทหาร ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางเหนือหนึ่งในกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทั้งสี่ รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา รวมถึงยอดฝีมือขั้นสูงสุดในรัฐบาลกลางที่ไม่ได้ลงมือมาหลายปี
คนพวกนี้ต่างหากที่มีพลังต่อสู้จนข่มขวัญพวกถ้ำใต้ดินได้
ระหว่างขั้นเก้าและขั้นเก้ายังมีความแตกต่างอยู่เช่นกัน
ผู้บัญชาการสู้หนึ่งต่อสาม เคยสังหารขั้นเก้าของอีกฝ่ายได้ คนอื่นๆ ทำได้หรือเปล่า?
น่าเสียดาย ตอนนี้ผู้บัญชาการหลี่ไม่อาจลงมืออย่างบุ่มบ่าม หากเขาลงมือสังหารขั้นเก้าอีกฝ่าย ถ้ำใต้ดินก็จะมีการเคลื่อนไหวทันที ล้อมสังหารยอดฝีมือของมนุษยชาติ
ต่อสู้จนถึงเวลานั้น การล่มสลายของมวลมนุษยชาติคงมาถึงอย่างแท้จริงแล้ว
——————