ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 278 หาเงินยากจริงๆ (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 278 หาเงินยากจริงๆ (1)

ฤดูร้อนที่อบอ้าว

ตอนที่โลกข้างนอกยังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องพวกนี้ ฟางผิงก็ขับรถกลับมาที่เซี่ยงไฮ้แล้ว

เซี่ยงไฮ้ยังคงคึกคักเหมือนเช่นเคย

บนถนนมีเด็กสาวแต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อย ทำเอาฟางผิงอดมองหลายทีไม่ได้

เห็นความดุดันห้าวหาญของผู้ฝึกยุทธ์หญิงจนชิน มองเด็กสาวทั่วไปพวกนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างอยู่บ้าง

“ผู้ฝึกยุทธ์หญิง…”

ฟางผิงขับรถช้าๆ ส่ายหัวเล็กน้อย

ผู้ฝึกยุทธ์หญิงแทบจะสามารถจัดอยู่ในประเภทเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวได้

หยางเสี่ยวม่านที่เอาหัวโม่งหานซวี่ จ้าวเสวี่ยเหมยที่เตะเล็งระหว่างขา หลิงอีอีที่ถือค้อนใหญ่นั้น…

แม้จะเป็นเฉินอวิ๋นซีที่ดูเหมือนจะบอบบาง พอโมโหขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเช่นกัน

“สาวหวานกับผู้ฝึกยุทธ์หญิงคงไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ”

ฟางผิงรู้สึกเสียดายอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเขา คู่ชีวิตเป็นผู้ฝึกยุทธ์ย่อมดีที่สุดแล้ว สามารถพูดคุยเรื่องถ้ำใต้ดิน เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ การอุทิศตัว ความเสียสละได้…

ทุกคนสามารถแสดงความคิดโดยไม่ต้องกลัวอะไร

หากพูดคุยเรื่องพวกนี้กับคนธรรมดา อีกฝ่ายอาจไม่สามารถเข้าใจได้ มีช่องว่างเยอะเกินไป

ครุ่นคิดถึงเรื่องพวกนี้ ฟางผิงก็ตระหนักถึงปัญหาที่ร้ายแรงอีกอย่างได้!

ไม่มีค่าทรัพย์สินแล้ว!

“มีแค่เงินสด เงินสดสามสิบห้าล้าน…”

การเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้แทบหาเงินไม่ได้เลย ตอนแรกพอจะได้จากค่าโฆษณาอยู่บ้าง ประมาณยี่สิบแปดล้าน

แต่หลังจากหลอมไขกระดูกแกนกลางสำเร็จ ผ่านการประลองอีกหลายครั้ง ตอนนี้ค่าทรัพย์สินก็หมดเกลี้ยงแล้ว

“เตรียมทะลวงขั้นสี่ต้องใช้เงินอีกเหมือนกัน”

“ไปหาเงินจากไหนดี?”

ไม่มีค่าทรัพย์สินคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องต่อยตีกับขั้นสี่ ฟางผิงในตอนนี้พึ่งได้แค่พื้นฐานของร่างกาย หากสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามทั่วไปไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว

ปราณของเขาไม่ได้อ่อนด้อย ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว ต่อสู้กับระดับเดียวกัน แม้อีกฝ่ายจะอัดยาบำรุงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางผิงอยู่ดี

แต่นี่หมายถึงการสู้ตัวต่อตัวเท่านั้น หากมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดหลายคนล้อมโจมตีฟางผิง ไม่ได้เป็นผู้แข็งแกร่งเหมือนพวกหลิงอีอี ฟางผิงสู้หนึ่งต่อสิบอาจมีหวัง แต่หากมาเยอะกว่านั้นอีก สุดท้ายทำได้แค่พึ่งพื้นฐานของร่างกายเท่านั้น

“ต้องหาเงินแล้ว!”

ฟางผิงปวดหัวอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้นักศึกษาอย่างพวกเขาถูกห้ามไม่ให้เข้าถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ ภารกิจทั่วไปฟางผิงก็ไม่อยากทำเท่าไหร่

บริษัทเพิ่งขายหุ้นส่วนหนึ่งไปได้ไม่นาน ตอนนี้คิดจะหาเงินอีกเป็นเรื่องยาก

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

ตอนนี้มหาวิทยาลัยที่ใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ดูเงียบงันราวกับไร้ผู้คน

ปิดเทอมฤดูร้อน นักศึกษาต่ำกว่าขั้นสามลงไปแทบจะกลับบ้านกันหมด

นักศึกษาขั้นสามส่วนหนึ่งทำภารกิจอยู่ข้างนอก อีกส่วนหนึ่งไปฝึกฝนในที่ต่างๆ

ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ซึ่งเทียบได้กับเมืองเล็กๆ เกรงว่าจะมีนักศึกษาไม่ถึงห้าร้อยคนเท่านั้น

ประตูมหาวิทยาลัยยังคงปิดเงียบ เปิดเพียงประตูเล็กด้านข้าง…หากประตูที่กว้างสี่ห้าเมตรถือว่าเป็นประตูเล็กล่ะนะ

ป้อมยามนอกประตู ยามมหาวิทยาลัยที่เฝ้าประตูเห็นรถของฟางผิงก็ยื่นหน้าออกมาด้วยรอยยิ้ม “นักศึกษาฟางกลับมาแล้ว ครั้งนี้เป็นหน้าเป็นตาให้กับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกเราจริงๆ!”

“ไม่หรอกครับๆ…”

ฟางผิงเอ่ยถ่อมตัว ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณลุง คุณเป็นปรมาจารย์หรือเปล่า? ผมได้ยินจากมหาวิทยาลัยอื่นว่ายอดฝีมือของพวกเขาหากไม่เฝ้าประตู ก็จะอยู่ในห้องสมุดหรือห้องฝึกวิชาต่อสู้ คุณเป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือเหมือนกันใช่หรือเปล่า?”

ยามมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ถือว่าแก่มาก อายุประมาณสี่สิบห้าสิบปี

ฟังจบก็ตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “หากฉันเป็นปรมาจารย์ ยังจะอยู่ที่นี่ทำไมล่ะ คงจะลงไปถ้ำใต้ดินนานแล้ว แต่เพราะอาศัยบารมีของมหาวิทยาลัย ผ่านการขัดเกลามาหลายปีจึงสามารถเข้าสู่ขั้นสามได้เหมือนกัน ทำพวกเธอขายหน้าแล้ว”

ยามเฝ้าประตูขั้นสาม อันที่จริงแข็งแกร่งมากแล้ว หากเป็นเมืองเล็กๆ แม้ว่าจะขาดแคลนฝีมือเรื่องอื่นอยู่บ้าง เข้าไปเป็นผู้ช่วยในหน่วยสืบสวนของเมืองระดับจังหวัดยังคงทำได้

ผู้ช่วยไม่จำเป็นต้องพิจารณาอะไรมากมาย เป็นแค่ผู้ช่วยของหน่วยสืบสวนไม่ยากอยู่แล้ว

แต่อยู่เฝ้าในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จนชิน คนพวกนี้ไม่อยากออกห่างไปไหนเช่นกัน

ฟางผิงได้ฟังก็เสียดายอย่างเห็นได้ชัด หัวเราะว่า “คุณลุงเก่งมากแล้ว ขั้นสามไปมหาวิทยาลัยอื่น เป็นอาจารย์ได้ด้วยซ้ำ”

ยามเฝ้าประตูหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เนี่ยแหละ แก่แล้ว ตายแล้วก็หวังว่าจะฝังศพไว้ที่นี่ได้”

ระหว่างที่พูดยังมองไปทางเขตทางใต้ที่อยู่ไกลๆ

ที่นั่นเป็นที่พักพิงของอาจารย์ในเซี่ยงไฮ้

แม้เขาจะไม่ใช่อาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ แต่ชั่วชีวิตนี้แทบจะอุทิศให้เซี่ยงไฮ้ทั้งหมด ตายแล้วหวังว่าที่นั่นคงมีที่ว่างเล็กๆ ให้เขาเหมือนกัน

ฟางผิงเห็นเขามองไปเขตทางใต้ก็คาดเดาได้รางๆ โบกไม้โบกมือด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้พูดต่ออีก

กลับมาถึงหอพัก ฟางผิงนั่งอยู่พักหนึ่ง เขตหอพักเงียบเป็นพิเศษ

พวกนักศึกษาปีหนึ่งแทบจะกลับบ้านทั้งหมด ตอนนี้พวกฟู่ชางติ่งยังไม่กลับมา

“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นนักศึกษาปีสองแล้ว”

ฟางผิงทอดถอนหายใจ คิดจะออกไปฝ่ายบริการสักหน่อย หลู่เฟิ่งโหรวยังไม่กลับมา เรื่องทะลวงขั้นสี่ยังต้องขอคำชี้แนะจากตาเฒ่าหลี่

ฝ่ายบริการ

ตอนนี้ฝ่ายบริการเงียบเหงาอย่างยิ่ง มองแทบไม่เห็นเงาคน

ตาเฒ่าหลี่ที่มักนั่งเฝ้าอยู่ฝ่ายบริการตลอด ตอนนี้กลับไม่อยู่ซะงั้น

มีเพียงพนักงานที่นั่งเฝ้าคนเดียว พอเห็นฟางผิงก็รีบแจ้งทันทีว่าตาเฒ่าหลี่อยู่ที่ตึกสำนักงานของอาจารย์สาขายุทโธปกรณ์

ฟางผิงนิ่งไปพักใหญ่ สำนักงาน?

ช่างเป็นคำที่ไม่คุ้นหู!

ตาเฒ่าหลี่อยู่สำนักงาน?

ไม่คิดอะไรมาก ฟางผิงเลี้ยวไปทางตึกอาจารย์สาขายุทโธปกรณ์ทันที มหาวิทยาลัยยังมีอาจารย์เฝ้าอยู่ สอบถามข้อมูลแล้วจึงรู้ว่าตาเฒ่าหลี่อยู่ที่ไหน

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น

ฟางผิงเคาะประตูก่อนจะเดินเข้าไป เอ่ยด้วยสีหน้าตกตะลึงอยู่บ้าง “อาจารย์ คุณเป็นคณบดีแล้ว?”

ตาเฒ่าหลี่โยนเอกสารฉบับหนึ่งออกไป นวดขมับอย่างปวดหัว “แค่รองเท่านั้น!”

วันที่พวกฟางผิงเข้าไปในถ้ำ อธิการเฒ่าก็จัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว หวงจิ่งควบหน้าที่รองอธิการไปด้วย ถังเฟิงและหลี่ฉางเซิงรับหน้าที่รองคณบดีสาขายุทโธปกรณ์

เพราะเรื่องของถ้ำใต้ดิน ตอนนี้จึงยังไม่ได้ประกาศออกไปข้างนอก

อู๋ขุยซานยังไม่ได้รับตำแหน่งอธิการบดีอย่างเป็นทางการ รองคณบดีพวกนี้ย่อมไม่อาจเข้ารับตำแหน่งอย่างเปิดเผยด้วยเช่นกัน

แต่ตอนนี้หวงจิ่งและถังเฟิงยังไม่กลับมา หลี่ฉางเซิงขึ้นชื่อว่าเป็นรองคณบดี จำเป็นต้องเดินออกมาเริ่มจัดการกิจธุระในสาขา

ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้ายินดี “คุณเป็นรองคณบดีแล้ว ทั้งยังเป็นรองคณบดีสาขายุทโธปกรณ์ เรื่องดีนี่นา หรือจะให้คณบดีหวงจิ่งมอบตำแหน่งคณบดีให้คุณจบๆ ไปเลย…”

“คิดอะไรอยู่กัน!”

ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างหงุดหงิด “สาขายุทโธปกรณ์ของเซี่ยงไฮ้นั้นเลื่องชื่อ ทั้งยังเป็นหน้าเป็นตา หากไม่มีฝีมือระดับปรมาจารย์รับตำแหน่งคณบดี จะดึงเซี่ยงไฮ้ให้ตกต่ำเสียเปล่า คณบดีนั้นอย่าหวังเลย เปลี่ยนเป็นสาขาสังคมยังพอว่า”

พูดจบ ตาเฒ่าหลี่ก็มองเขาแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เลว บุคลิกเข้าที่เข้าทางแล้ว ไม่เหลาะแหละเหมือนก่อนหน้านี้ ดูรื่นหูรื่นตาไม่น้อย”

ฟางผิงยิ้มอย่างภูมิใจ “แน่อยู่แล้ว ขั้นสามไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ผมได้…”

“เอาเถอะ อวดให้มันน้อยๆ หน่อย เธอยังอ่อนหัดอยู่เล็กน้อย”

ตาเฒ่าหลี่ไม่ใส่ใจนัก บอกเป็นนัยให้ฟางผิงนั่งลง เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “ครั้งนี้กลับมหาวิทยาลัยไปสถาบันวิจัยเก็บรวบรวมตัวอย่างสักหน่อย”

ฟางผิงได้ยินก็ไม่สบายใจขึ้นมาทันที

“อาจารย์ ต้องไปจริงๆ เหรอครับ?”

“เก็บรวบรวมตัวอย่างนิดหน่อย ทำตัวอย่างออกมาชุดหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าวิจัยอะไรออกมาได้หรือเปล่า ถือเป็นการอุทิศอย่างหนึ่งให้มนุษยชาติเช่นกัน ยอดฝีมือขั้นเจ็ดขั้นแปดขั้นเก้าบางส่วน หลังจากทะลวงด่านแล้วจะเป็นฝ่ายเอาตัวอย่างเลือดหรือกระดูกมาให้กับสถาบันวิจัยเหมือนกัน”

ตาเฒ่าหลี่เบะปากว่า “แม้จะวิจัยของดีอะไรออกมาไม่ได้ แต่ยาบำรุงต่างๆ เธอสามารถวิจัยออกมาจากอากาศได้หรือไง? ก็มาจากของพวกนี้แหละ หลังจากทำการทดลองผ่านคลินิกถึงจะพัฒนาคุณสมบัติออกมาได้”

ฟางผิงได้ยินเขาบอกแบบนี้จึงไม่พูดอะไรอีก

ให้ตัวอย่างเลือดและเส้นผมบางส่วน ในเมื่อปรมาจารย์ทำแบบนี้กัน เขาทำก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรง

ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็นึกกลับมาเรื่องสำคัญได้ “อาจารย์ ผมอยากทะลวงขั้นสี่ มีอะไรต้องระวังหรือเปล่า?”

“ขั้นสี่…”

ตาเฒ่าหลี่ตกตะลึงเล็กน้อย เร็วเกินไปแล้ว

นี่เวลาไม่ถึงหนึ่งปีเท่านั้น

จำได้ว่าตอนที่ฟางผิงเข้ามหาวิทยาลัย เข้าร่วมการแข่งขันแบ่งสาขายังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ

แต่เวลาไม่ถึงหนึ่งปีจะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่แล้ว

ตะลึงไปพักหนึ่ง ตาเฒ่าหลี่ค่อยดึงสติกลับมา “ขั้นสี่ อันที่จริงเป็นขั้นตอนสร้างทางลำเลียงอย่างหนึ่ง”

——————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท