บทที่ 93 เก็บตัวที่สุสานกระบี่ตระกูลเสิ่น (ปลาย)
บทที่ 93 เก็บตัวที่สุสานกระบี่ตระกูลเสิ่น (ปลาย)
ผู้นำตระกูลเสิ่นตอบอย่างไม่ลังเล “ได้หรือไม่ก็จงอดทน! ตอนนี้ชายคนนั้นไม่ได้เป็นเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลลู่เท่านั้น แต่สำนักอักขระสวรรค์ยังมีการถ่ายทอดคำสั่ง ประกาศให้โลกได้รับรู้ว่า ลู่หยวนคือนายน้อยของสำนักอักขระสวรรค์”
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า หากใครในตระกูลเสิ่นกล้าต่อต้านเขา รากฐานการบ่มเพาะทั้งหมดจะถูกทำลาย ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ส่วนผู้ที่จะแนะนำตัวกับลู่หยวน ต้องระมัดระวังตัวให้มาก ต่อให้กลายเป็นคนโปรดของเขา ก็อย่าลืมสถานะของตัวเองเด็ดขาด!”
“อีกอย่าง แยกห้องนอนของลู่หยวนจากคนที่เหลือในตระกูล กระจายข่าวว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว เอาให้แน่ใจว่าทุกคนรับรู้ด้วย”
ข้ารับใช้เฒ่าก้มศีรษะด้วยความเคารพ “ขอรับ!”
ก่อนร่างจะวูบไหว หายไปในพริบตา
ผ่านไปหลายอึดใจ เสิ่นโตวกล่าวว่า “เหยียนเอ๋อร์ ในเมื่ออยู่นี่แล้วก็ออกมาเถอะ”
หญิงสาวผู้หนึ่งออกมาจากด้านข้างหน้าผา นางมีใบหน้างดงาม กริยาจับใจ และทุกย่างก้าวน่าหลงใหล คนผู้นี้คือเสิ่นซูเหยียน
“ท่านพ่อ”
นางเดินมาหาเสิ่นโตว กอดแขนของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่
ชายวัยกลางคนยิ้ม ลูบศีรษะของบุตรสาวพลางถามว่า “ลูกบอกว่าจะตั้งใจฝึกฝนในช่วงสองสามวันนี้ เหตุใดถึงมีเวลามาหาพ่อได้?”
“เหยียนเอ๋อร์คิดถึงท่านพ่อจึงแวะมาหาเจ้าค่ะ”
“ลูกคิดถึงพ่อ หรือคิดถึงลู่หยวนกันแน่?”
ทันทีที่เสิ่นโตวถามเช่นนี้ นางก็หน้าแดงขึ้นมา “สิ่งที่ท่านพ่อพูด เหยียนเอ๋อร์ไม่เห็นเข้าใจเลย!”
เสิ่นโตวยิ้ม จงใจหยอกล้อว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ให้พ่อขอใครสักคนเตรียมห้องให้ลู่หยวนไว้ตรงห้องโถงทางเหนือก็แล้วกัน”
เสิ่นซูเหยียนได้ยินคำพูดดังกล่าว นางก็สะดุ้งทันที รีบกล่าวด้วยท่าทีกระเง้ากระงอดว่า “ท่านพ่อ!”
ห้องของนางอยู่ที่ห้องโถงทางใต้ หากลู่หยวนไปอยู่ห้องโถงทางเหนือขึ้นมา แบบนี้นางก็มีโอกาสพบลู่หยวนยากขึ้นไม่ใช่หรือ?
ผู้นำตระกูลเสิ่นหุบยิ้ม กล่าวอย่างจริงจังว่า “เหยียนเอ๋อร์ ลู่หยวนคนนี้ราวกับเป็นคนจากตระกูลขุนนาง เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลลู่ แถมยังเป็นนายน้อยของสำนักอักขระสวรรค์ มีอนาคตไร้ขีดจำกัด”
“อย่าว่าแต่เขามีสัญญาการหมั้นหมายเลย ด้วยพรสวรรค์ของเขา เกรงว่าในอนาคตคงมีผู้หญิงมากมาย ลูกต้องการเขาจริงหรือ?”
“ท่านพ่อ เหยียนเอ๋อร์ไม่เต็มใจที่จะผูกมัดตัวเองกับคนธรรมดาเหล่านั้น หากลูกจะแต่งงาน ก็ต้องแต่งกับคนที่ทรงพลังที่สุดในโลกนี้! พอดูที่แดนเหนือแล้ว มีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เท่านั้นที่มีภาพลักษณ์ของการเป็นผู้ปกครอง!”
เสิ่นซูเหยียนปล่อยมือ ก่อนคารวะบิดา “เหยียนเอ๋อร์ทราบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มีสัญญาการหมั้นหมาย แต่ว่า …ตระกูลที่เขาจะหมั้นหมายหายจากโลกไปนานแล้ว! เขาไม่มีใครในช่วงหลายปีมานี้ ท่ามกลางผู้หญิงในตระกูลต่าง ๆ เขาสนิทกับข้ามากกว่าผู้อื่น”
“ยิ่งกว่านั้น เหยียนเอ๋อร์คิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นของลูกเช่นกัน! หาไม่แล้ว ทำไมเขาถึงยอมพาลูกไปตระกูลเซียวเพื่อถอนหมั้นด้วย?”
นางกล่าวด้วยดวงตาร้อนผ่าว ราวกับต้องการแน่ใจว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะต้องสนใจตนเองแน่นอน!
ชายวัยกลางคนพยักหน้า หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เป็นลูกเขยของตระกูลเสิ่น ผลประโยชน์ย่อมมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย
“เหยียนเอ๋อร์ไม่ต้องห่วง พ่อจะพยายามสุดความสามารถเพื่อให้ความปรารถนาของลูกเป็นจริงแน่นอน!”
หญิงสาวยินดีขึ้นมา “ขอบคุณท่านพ่อ!”
เสิ่นโตวมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่ กล่าวว่า “ตอนนี้ลู่หยวนกำลังเก็บตัวอยู่ในสุสานกระบี่ ลูกรอให้เขาออกมาข้างนอกได้ หากเขาพบลูกแล้ว ย่อมเข้าใจความตั้งใจของลูกอย่างแน่นอน”
“ทราบแล้ว!”
เสิ่นซูเหยียนตอบรับก่อนถอยออกมา
ผู้เป็นบิดาเงียบสักพัก ก่อนจะเรียกข้ารับใช้ออกมา กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ่ายทอดคำสั่งของผู้นำผู้นี้ หากมีหญิงใดในตระกูลเสิ่นกล้าหว่านเสน่ห์ใส่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ให้ฆ่าทันที!”
“อีกอย่าง ตระเตรียมห้องของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไว้ทางห้องโถงทางใต้!”
ลู่หยวนอยู่ในสุสานกระบี่ โดยมีแก่นโลหิตมังกรลอยล่องอยู่ในอากาศเบื้องหน้า พลังของมังกรอันแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาอย่างต่อเนื่อง และกระจายไปทั่วพื้นที่
กระบี่ยาวในสุสานกระบี่หวาดกลัวพลังมังกรนี้ จนพวกมันล้วนส่งเสียงอย่างแผ่วเบา
วิ้ง!
บุตรศักดิ์สิทธิ์พลันลืมตาขึ้น พบว่าพลังมารมหาศาลแผ่ออกมาจากด้านหลังของเขา มันกระจัดกระจายออกไป ราวกับปีศาจจากนรกแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่ด้านหลังชายหนุ่ม
แก่นโลหิตมังกรตรงหน้าคล้ายกับรู้สึกถึงพลังชั่วร้ายดังกล่าว มันชะงักงันทันที ก่อนจะกระจายออกจากกันและรวมตัวอย่างรวดเร็ว จนก่อเกิดเป็นมังกรโลหิตขึ้นมา
มังกรโลหิตคำรามใส่ลู่หยวน ก่อนจะหันหลัง และทะยานขึ้นท้องนภาอย่างอลังการ เหนือท้องนภามีหมู่เมฆสีดำม้วนตัวอย่างบ้าคลั่ง สายฟ้าพลันฟาดลงมาจนทั่วโลกมืดมิด
พลังมังกรมหาศาลเคลื่อนลงมาจากท้องนภา ปกคลุมทั่วทั้งสุสานกระบี่ทันที
ตูม!
กระบี่ยาวนับหมื่นในสุสานกระบี่แตกสลาย แม้กระทั่งค่ายกลที่ติดตั้งในสุสานกระบี่ก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ
ยอดฝีมือมากมายในเมืองสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่นี่ทันที ผู้คนจำนวนมากจากตระกูลยิ่งใหญ่บินเข้ามาหา โดยยืนห่างจากสุสานกระบี่ออกไปหลายลี้
ค่ายกลจำนวนมากปกคลุมสุสานกระบี่ไว้ ทุกคนจึงมองไม่เห็นว่าข้างในมีอะไร แม้กระทั่งกลิ่นอายก็ไม่สามารถสัมผัสได้
“ใครกำลังเก็บตัวอยู่ที่นี่?”
ศิษย์ในตระกูลเค้นรากฐานการบ่มเพาะทั่วร่างเพื่อขัดขืนพลังมังกรทั่วท้องนภาทันที ผ่านไปหลายอึดใจ ใบหน้าของพวกเขาต่างซีดเซียวจนต้องก้าวถอยไป พลางกล่าวต่อว่า “คนผู้นี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นได้อย่างไร? พลังขนาดนี้ทำให้ข้ารู้สึกกลัวไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ!”
คนที่เหลือไม่สบายใจภายใต้พลังมังกรเช่นนี้ ต่างก็ล้วนจริงจังขึ้นมา
“นี่คือสุสานกระบี่ตระกูลเสิ่น …น่าจะมาจากตระกูลเสิ่น”
“ตระกูลเสิ่นมีสัตว์ประหลาดเช่นนั้น ข้าชักอยากเป็นสหายเสียแล้วสิ”
“ไม่ใช่ตระกูลเสิ่นหรอก” อีกคนพลันกล่าวขึ้น สายตาของทุกคนหันมามองเขา พบว่าคนผู้นั้นอยู่ภายใต้แรงกดดันดังกล่าว ใบหน้าซีด นั้นกล่าวออกมาสี่คำช้า ๆ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”
คนที่เหลือต่างครุ่นคิดพร้อมกัน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่หยวนจากตระกูลลู่หรือ?!”
ทุกคนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
พลังดังกล่าวอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของพละกำลังในสายตาคนอื่น แต่ในสายตาบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ สิ่งนี้นับว่าธรรมดาจนชวนให้ง่วงงุน
ภายในสุสานกระบี่ โลหิตมังกรปลดปล่อยพลังมังกรออกมา มันกำลังทะยานขึ้นท้องนภา เพื่อหลบหนีออกจากที่นี่
ลู่หยวนผู้อยู่ใจกลางสุสานกระบี่ยิ้มอย่างเย็นชา “เป็นแค่เลือดมังกร แต่อยากหนีจากข้าหรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียง ลู่หยวนก็ถอนหายใจออกมา พลังมารนับพันเข้าปกคลุมสุสานกระบี่ แผ่ไปทั่วทั้งพื้นที่ในทันที
แก่นโลหิตมังกรหลบหนีไปได้ไม่ทันไร มันก็ถูกปกคลุมด้วยพลังมารที่ทะยานออกไป!
พลังมังกรมหาศาลถูกกดข่มทันที ทำให้สุสานกระบี่กลับมาสงบดังเดิม
หลังจากผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม พลังมารที่กลืนกินทั่วพื้นที่ก็สลายหายไป
ลู่หยวนลืมตาขึ้นช้า ๆ ร่องรอยของพลังมังกรวูบไหวในดวงตาเย็นชา
[ขอแสดงความยินดี ท่านเลื่อนขั้นสำเร็จ ระดับการบ่มเพาะในตอนนี้ไปถึงขั้นจักรพรรดิยุทธ์ระดับสมบูรณ์!]
[ขอแสดงความยินดีกับท่านที่บ่มเพาะสายเลือดมังกรสำเร็จ ทำให้ได้รับพลังสวรรค์มังกรเจินหลง!]
“พลังสวรรค์มังกรเจินหลงหรือ?”
ลู่หยวนกล่าวออกมาไม่กี่คำอย่างแผ่วเบา จากนั้นลุกขึ้น กลิ่นอายรอบตัวผันผวน พลังของเนตรเทวะและพลังสวรรค์มังกรเจินหลงพลันแผ่ออกมา
ตูม!
ทุกสิ่งที่อยู่ใต้เท้าของลู่หยวนเริ่มพังทลาย ค่ายกลที่ติดตั้งในสุสานกระบี่ถูกบดขยี้ทันที ควันและฝุ่นธุลีพวยพุ่งนับหมื่นจั้ง ทั่วทั้งปฐพีสั่นสะเทือน
เหนือควันและธุลีดังกล่าว เสิ่นโตวมายืนอยู่ด้านข้าง รอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ออกจากการเก็บตัวอย่างเงียบ ๆ มาตลอด
ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
เมื่อเห็นสุสานกระบี่ตรงหน้าถูกบดขยี้จนสิ้น มุมปากชายวัยกลางคนพลันกระตุก ค่ายกลที่ติดตั้งในสุสานกระบี่นี้ไม่สามารถถูกทำลายได้แม้อีกฝ่ายจะเป็นขั้นเทียมเซียนก็ตาม ข้างในมีกระบี่ล้ำค่านับหมื่น รวมถึงเจตจำนงกระบี่บางส่วน
มรดกล้ำค่า…
ตอนนี้หายไปหมดแล้ว!