บทที่ 180 หยางอวิ๋นตาย
บทที่ 180 หยางอวิ๋นตาย
[ระบบแจ้งเตือน บุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋นสูญเสียโชคชะตาดั้งเดิมไปแล้ว ค่าชะตาของเขาลดลง 4,000 แต้ม! ค่าชะตาปัจจุบันคือ 1,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 8,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายปัจจุบันคือ 64,000 แต้ม!]
หยางอวิ่นคุกเข่าลง ดวงตาหมองหม่น เขาพยายามระดมการบ่มเพาะในร่างกาย แต่กลับไม่สามารถสัมผัสถึงความผันผวนวิญญาณใด ๆ ได้
รากฐานบ่มเพาะ?!
รากฐานบ่มเพาะของข้าล่ะ?!
หยางอวิ๋นเริ่มรวบรวมพละกำลังราวกับคลุ้มคลั่ง หมายจะรวบรวมพลังวิญญาณรอบข้างเอาไว้ แต่พลังวิญญาณคล้ายกับไม่สามารถสัมผัสถึงการเรียกหาของเขาได้ พวกมันยังคงไม่ขยับไปไหน
บุตรแห่งโชคชะตาหยางคล้ายกับบ้าคลั่ง เขายกมือขึ้นมาคว้าจับรอบข้าง และดึงอากาศธาตุอย่างต่อเนื่อง ราวกับพยายามดึงพลังวิญญาณอันน้อยนิดเข้าสู่ร่างกาย
ทว่าทุกสิ่งช่างเปล่าประโยชน์
“เป็นไปไม่ได้ ข้าคือยอดฝีมือในขั้นเทียมเซียน จะไม่มีรากฐานบ่มเพาะเหลือเลยได้อย่างไร?!”
หยางอวิ๋นกล่าวอย่างสิ้นหวังว่า “ร่างมายาปรากฏกาย!”
“ปรากฏกาย!”
“ปรากฏกายเพื่อข้า!”
ไม่ว่าหยางอวิ๋นจะตะโกนแค่ไหน มันก็ล้วนเปล่าประโยชน์
ลู่หยวนมองหยางอวิ๋นผู้เข้าขั้นเพ้อเจ้อด้วยสายตาเฉยชา เขาสะบัดฝ่ามือ จนค่ายกลรอบข้างทั้งหมดหายไป พวกเขาสองคนปรากฏตรงหน้าทุกคนอีกครั้ง
ทั้งสองไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดิมมานาน แต่อาณาเขตทรงพลังนั้นมีแรงกดดันมหาศาลอยู่ข้างใน แม้แต่อวี๋ฉู่หากดึงสัมผัสเทวะออกมาจากพื้นที่ต่อสู้ก็ไม่พบอะไร คนที่เหลือไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าพื้นที่สีแดงหายไปแล้ว ลู่หยวนยังคงยืนตระหง่าน ส่วนหยางอวิ๋นคล้ายกับกำลังคุกเข่าอยู่กลางอากาศในสภาพคลุ้มคลั่ง ไม่ทราบได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
จากมุมมองนี้ หยางอวิ๋นแพ้แล้ว
ด้วยความคิดของบุตรศักดิ์สิทธิ์ พลังใต้ร่างของอีกฝ่ายสลายไปจนสิ้น ชายผู้นี้ไม่มีรากฐานบ่มเพาะให้เหาะอยู่กลางอากาศ ส่งผลให้ทั้งร่างตกลงสู่เบื้องล่าง
หลังจากนั้น เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้น ร่างของหยางอวิ๋นกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
โลหิตสาดกระเซ็น ความเจ็บปวดแล่นปลาบขึ้นมาจากแขนขาและกระดูก กระดูกหลายท่อนในร่างกายแตกหัก สติของเขาเริ่มเลือนราง
ในตอนนี้ เขาทราบชัดเจนว่า รากฐานการบ่มเพาะของตนหายไปแล้วจริง ๆ
แม้กระทั่งร่างกายก็กลายเป็นเพียงคนธรรมดา เขากลับสู่คืนวันตอนที่ตัวเองเป็นขยะ
หยางอวิ๋นพ่ายแพ้แล้ว
[ระบบแจ้งเตือน บุตรแห่งโชคชะตาอยู่ในสภาพจิตใจแตกสลาย ค่าชะตาลดลง 1,000 แต้ม! ค่าชะตาปัจจุบันคือ 0 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 2,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายในปัจจุบันคือ 66,000 แต้ม!]
ร่างของลู่หยวนวูบไหวเคลื่อนมาอยู่ข้างหยางอวิ๋น เขาก้าวเท้าออกไป เหยียบลงบนศีรษะของอีกฝ่าย
ชีวิตของบุตรแห่งโชคชะตาหยางอยู่ในกำมือแล้ว ขอเพียงปลดปล่อยพละกำลังออกมา ชีวิตของอีกฝ่ายจะถึงแก่ความตายทันที!
“ช้าก่อน! แค่ก ๆๆ”
เสียงผู้ชายอ่อนแรงพลันดังขึ้นจนลู่หยวนหันไปทางต้นเสียง ไกลออกไปบนท้องนภา กลุ่มคนจากยอดเขาวิถีเร้นลับของบรรพชนเสวียนกำลังมองมาที่เขา
ผู้นำไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสวียนเทียนชวน ซึ่งตอนนี้กำลังพิงรถเข็น ใบหน้าซีดเหมือนกับกระดาษ หากมองดูดี ๆ ก็จะพบว่ามือบนตักของเขายังคงสั่นไหว
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้น มองเสวียนเทียนชวนพยายามสุดความสามารถเพื่อปรับลมหายใจ กล่าวว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่าฆ่าเขาดีกว่า”
“เด็กคนนี้ได้รับโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ ข้าเคยตรวจสอบมาแล้ว ผลที่ได้คือโชคชะตาที่ไร้ขีดจำกัด”
“แค่ก ๆๆ ถ้าเจ้าฆ่าเขาในวันนี้ ไม่เพียงแค่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ทั่วทั้งแผ่นดินจะสั่นคลอน ส่วนตัวเจ้าจะถูกวิถีแห่งสวรรค์ลงโทษทันที”
“วิถีแห่งสวรรค์ลงโทษหรือ?”
ลู่หยวนยกยิ้ม ไม่มีร่องรอยความกังวลแม้เพียงนิด “เช่นนั้นข้าขอลองดูก่อน ถ้าหยางอวิ๋นตายที่นี่ แสดงว่าวันนี้โชคชะตาเขาคือการเป็นซากศพ!”
เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มออกแรงเหยียบที่เท้า เสียง ‘โผละ’ ดังขึ้น โลหิตไหลเจิ่งนองพื้นทันที
หยางอวิ๋นที่กำลังตายกลายเป็นศพไร้หัว
[ระบบขอแสดงความยินดี ท่านฆ่าหยางอวิ๋นผู้เป็นบุตรแห่งโชคชะตาได้!]
[รางวัลจากการฆ่าจะถูกสุ่มเลือก…]
[ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับทักษะศักดิ์สิทธิ์ ‘ร่างเงา’!]
ลู่หยวนยกเท้าขึ้นจากเศษซาก เปลวเพลิงลุกโชน โลหิตเหนียวระเหยทันที ก่อนที่ร่างของหยางอวิ๋นจะถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่อึดใจ ศพไร้หัวก็กลายเป็นธุลี ก่อนสลายไปในอากาศ
สายตาของเสวียนเทียนชวนยังคงจับจ้องไปที่ที่ศพของเจ้าหนุ่มหยางเคยอยู่ ผ่านไปหลายชั่วลมหายใจ เขาพลันเงยหน้าขึ้น มองขึ้นไปยังท้องนภา
บนฟากฟ้าที่กลายเป็นสีครามอันสุขสงบ ดวงอาทิตย์เจิดจรัสปรากฏ ไม่มีร่องรอยความปรวนแปรแต่อย่างใด สายลมพัดพาความเย็นชื้นระผิวกายอย่างนุ่มนวล
ตามสัญญาณนี้ ไม่มีสวรรค์ลงทัณฑ์แต่อย่างใด!
“วิถีแห่งสวรรค์เล่า?”
ลู่หยวนหัวเราะในลำคอ แต่เต็มไปด้วยการประชดประชัน เขาเงยหน้าขึ้นสบสายตาที่ก้มมองลงมาของเสวียนเทียนชวน “ถ้าข้าอยากฆ่าเขา วิถีแห่งสวรรค์ก็ห้ามข้าไม่ได้!”
เสวียนเทียนชวนผู้อยู่ในที่สูงกว่า เมื่อสบตากับอีกฝ่าย เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดูหมิ่น
ตอนนี้ความเย้ยหยันในดวงตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์แรงกล้ามากขึ้น จนเสวียนเทียนชวนไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตที่คืบคลานอยู่ใต้เท้าของเขา
หัวใจของศิษย์พี่ใหญ่ในสำนักวิถีเร้นลับหยุดเต้นไปครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดซาบซ่านอันคุ้นเคยก่อเกิดขึ้นในใจ
พรวด!
เขากระอักโลหิตออกมา หมอกโลหิตกระเซ็นไปตามผ้าเสี่ยงทาย แสงสว่างแห่งดวงดาราพลันพุ่งวาบออกมา ทำให้ใบหน้าของเสวียนเทียนชวนซีดมากยิ่งขึ้น ราวกับกำลังจะตาย
ศิษย์ของบรรพชนเสวียนเห็นดังนี้พลันหน้าเผือดสีด้วยความตกตะลึง ก่อนจะรีบหยิบโอสถจำนวนมากมาป้อนให้กับเสวียนเทียนชวน เพื่อลดความปั่นป่วนในร่างกาย
เสวียนเทียนชวนโบกมือ เป็นสัญญาณว่าเขาปลอดภัย จากนั้นจึงกลั้นหายใจ พิงกับรถเข็นอย่างอ่อนแรงด้วยสายตาเหนื่อยล้า บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมา
ลู่หยวนถอนสายตาจากศิษย์ยอดเขาวิถีเร้นลับ หันมาหาผู้ที่ยืนอยู่ข้างหยางอวิ๋น
ตอนนี้ใบหน้าของหลายคนซีดเผือด เมื่อเห็นแววตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์กวาดมอง แผ่นหลังของพวกเขาพลันชาวาบขึ้นมา และไม่สามารถหยุดอาการสั่นเทาได้
หนึ่งในพวกเขาก้าวไปหาชายหนุ่มอย่างหาญกล้า จากนั้นก้มศีรษะจนเอวแทบหัก “ท่านเป็นคนรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งทรงพลังยิ่งนัก! วันนี้ข้าตาสว่างแล้ว!”
คนที่เหลือคนแล้วคนเล่าเริ่มเข้าใจ พวกเขาล้วนก้มศีรษะตามพร้อมกล่าวประจบสอพลอว่า “ท่านช่างองอาจนัก พรสวรรค์ไม่ต่างจากปีศาจ นับเป็นบุญของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
“เช่นนั้นหยางอวิ๋นก็สมควรตายแล้ว เขาถึงกับกล้ามาต่อต้านบุตรศักดิ์สิทธิ์เสียได้! หากท่านไม่เผาสหายคนนั้นละก็ วันนี้ข้าคงกินเนื้อมันทั้งเป็น! พร้อมดื่มเลือดไปแล้ว!”
“ข้าแค่แสร้งเป็นสุนัขรับใช้ของหยางอวิ๋นเท่านั้น ถ้าต้องเป็นสุนัขรับใช้จริง ๆ ข้ายอมตายดีกว่า!”
“ใช่แล้ว ๆ ข้าแค่แสร้งทำเท่านั้น ข้ายังคิดว่าตัวเองเป็นสมาชิกของกลุ่มเทียนอยู่!”
“พวกข้าจะเป็นสุนัขรับใช้ของท่านนับจากนี้ไป ขอให้ท่านโปรดออกคำสั่งด้วย!”
หลายคนต่างแย้มยิ้มออกมา สายตาของพวกเขาชำเลืองมองลู่หยวน พบว่าอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งเฉย ไม่มีความผันผวนในดวงตา ทำให้ผู้คนไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้