บทที่ 186 หลานชายของข้าเลื่อนขั้นสู่เทียมเทพ!
บทที่ 186 หลานชายของข้าเลื่อนขั้นสู่เทียมเทพ!
ไกลออกไป กระบี่ที่เกิดจากทะเลพลังวิญญาณฟาดฟันออกไปเสียงดังสนั่น ปลดปล่อยแรงกดดันออกมาตลอดทางจนทำให้ยอดเขาจำนวนมากพังทลาย
หางตาของซุนอวิ๋นถิงกระตุก เส้นโลหิตบนหน้าผากเต้นตุบ ๆ
ดี… ดีมาก!
เมื่อเห็นว่ากระบี่กำลังจะฟาดฟังลงมายังพื้นที่หนึ่ง ซุนอวิ๋นถิงกัดฟันอย่างรุนแรง ก่อนจะหลบแล้วพุ่งตามไปสวนคืน
ดาบเมฆาและดาบขนาดใหญ่ในท้องนภายังคงฟาดฟัน แต่เมื่อไม่มีการควบคุมของซุนอวิ๋นถิงตอนนี้ ดาบสองเล่มคล้ายกับเสียการควบคุม พลังลดลงไปมาก
ในขณะเดียวกัน… ฉินอี่หานผู้กำลังยืนอยู่ตรงหน้ายอดเขาหอกเองก็หมดแรง ตอนนี้ไม่เหลือพลังวิญญาณอยู่รอบกาย จึงไม่สามารถต้านทานดาบขนาดใหญ่ที่กำลังฟันลงมาซึ่งหน้าได้
สีหน้าของนางสงบ ร่างกายหลายส่วนได้รับบาดเจ็บตอนสู้กับดาบขนาดใหญ่ กระดูกจำนวนมากแตกหัก แต่นางยังยืนตระหง่าน ราวกับปราศจากบาดแผลบนร่างกาย
ดาบขนาดใหญ่สองเล่มที่อยู่ปลายหางตาของนางฟาดฟันมาจากท้องนภา ผู้ฝึกกระบี่หญิงหันไปมองเฉิงไท่ ก่อนก้มหัวให้กับอีกฝ่าย “รบกวนอาจารย์ช่วยข้าด้วย!”
น้ำเสียงสงบยิ่ง ราวกับนางมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องช่วยอย่างแน่นอน
หางตาของเฉิงไท่กระตุก
นางเป็นศิษย์ที่ดีเสียจริง!
นางคาดเดานิสัยของเขาได้ตรงเผง
แถมสาวน้อยคนนี้กำลังขอร้องเขางั้นหรือ?!
ทีตอนนี้หันมามองแล้วก้มหัวแต่โดยดี แต่ตอนเฉิงไท่ตะโกนเมื่อครู่ สาวน้อยไม่แม้แต่เหลียวแลเขาด้วยซ้ำ!
เฉิงไท่แทบจะกัดฟัน เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคาดเดาเช่นนี้
เมื่ออวี๋ฉู่ผู้อยู่ด้านข้างเห็นดังนี้ เขาจิบสุราคำหนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “เอาละ ๆ ไปช่วยเถอะ”
“ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ไม่เพียงแค่วันนี้ฉินอี่หานจะพ่ายแพ้ แต่ไป๋ชิวเอ๋อร์ที่เป็นศิษย์อีกคนของเจ้าจะตายด้วยเช่นกัน!”
เฉิงไท่คิ้วขมวดอย่างขุ่นเคือง แต่เมื่อเห็นว่าอดีตเจ้าสำนักยืดเอว พร้อมกับกล่าวเช่นนั้นออกมา เขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจ “แม่หนูของเจ้าโชคดีมากเช่นกัน ไป๋ชิวเอ๋อร์คนนั้นมีเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ แม้ตอนนี้ระดับจะยังต่ำ แต่อนาคตจะต้องไร้ขีดจำกัดแน่นอน”
“ในอนาคตหากสามารถคว้าโอกาสไว้จนเข้าถึงความลับของโลกและจักรวาลได้ นางอาจจะก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพก็ได้!”
ตอนนี้เองเฉิงไท่ถึงเข้าใจว่าอวี๋ฉู่หมายความว่าอย่างไร เดิมทีเขาคิดว่าลู่หยวนเป็นตัวต้นเหตุของปรากฏการณ์เหล่านี้ ถึงแม้ไป๋ชิวเอ๋อร์จะเป็นหนึ่งในนั้น แต่นางอาจจะไม่ได้กำลังทะลวงพร้อมกับชายหนุ่ม
เมื่อมองรูปการณ์จนถึงตอนนี้ หรือว่าเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ของไป๋ชิวเอ๋อร์กำลังจะได้รับการซ่อมแซมแล้ว?!
หาไม่แล้ว จะเกิดการปรากฏการณ์ของพลังวิญญาณเช่นนี้ได้อย่างไร?!
เฉิงไท่คิดว่าตัวเองสับสน เรื่องชัดเจนขนาดนั้น เขาน่าจะพบได้ไวกว่านี้!
หากเส้นชีพจรวิญญาณของไป๋ชิวเอ๋อร์ได้รับการฟื้นฟู วันนี้เขาจะต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้!
ดังที่อวี๋ฉู่กล่าว หากเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ของไป๋ชิวเอ๋อร์กลับมาเป็นปกติ เช่นนั้นความเร็วการบ่มเพาะของนางไม่เพียงแค่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังได้รับโอกาสสูงสุดอีกด้วย
ขอเพียงเฉิงไท่อยู่ข้างนาง ย่อมเหมือนกับหอคอยใกล้น้ำมักได้แสงจันทร์ก่อน*[1] อาศัยประโยชน์จากโอกาสยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เขาจะได้พบกับวาสนาสวรรค์!
ดาบสองเล่มที่อยู่ไม่ไกลนักฟาดลงมาเหนือศีรษะฉินอี่หาน เฉิงไท่เพียงพลิกฝ่ามือ ทำให้เหนือศีรษะของนางเกิดผนึกสีทองขึ้นมา
เคร้ง!
เสียงอันทรงพลังปกคลุมทั่วทั้งบริเวณทันที ดาบเมฆาและดาบขนาดใหญ่ที่เกือบจะบดขยี้โลกทั้งใบล้วนสลายหายไปเมื่อผนึกสีทองนี้ปรากฏขึ้น
ไกลออกไป ซุนอวิ๋นถิงเองก็จัดการกับกระบี่นั้นได้เช่นกัน ตอนนี้เขาจึงกลับมา
บรรพชนดาบเห็นเฉิงไท่ลงมือกับตาตัวเอง จนปราณดาบทั้งหมดสลายไป เขาจึงรู้สึกขุ่นเคืองมากยิ่งขึ้น
“เจ้าสำนักจะปกป้องลู่หยวนงั้นหรือ?!”
โทสะเจืออยู่ในคำพูดของซุนอวิ๋นถิง
เฉิงไท่กำลังจะพูด แต่ต้องชะงักไปชั่วขณะ
ยามนี้แสงสว่างสีทองปกคลุมทั่วท้องนภาเหนือยอดเขาหอก! ผ่านไปได้ครู่หนึ่ง พวกมันก็สลายหายไปพร้อมคลื่นพลังวิญญาณอันไพศาล
พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วทุกสารทิศ หวนคืนกลับสู่ต้นกำเนิดทั่วแดนมัชฌิมทันที ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ ผู้ที่เดิมติดขัดเพราะสูญเสียพลังวิญญาณไปตอนนี้เหมือนกับเจอสายฝนหลังจากผ่านหน้าแล้งอันยาวนาน พลังวิญญาณเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ปกคลุมทั่วฟ้า ทุกคนต่างส่งเสียงยินดี
ผ่านไปสักพัก ศิษย์จำนวนมากในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
วิ้ง!
ที่ด้านข้างและด้านหลังเฉิงไท่ แสงสว่างสีขาวหนึ่งวูบไหวพุ่งตรงเข้าสู่ท้องนภา
ทุกคนหันไปมอง หมู่เมฆสีดำราวกับน้ำหมึกเคลื่อนตัวในอากาศ สายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นในทันที และเคลื่อนไปตามเกลียวเมฆา
เสียงฟ้าร้องกระหน่ำยังคงดังต่อไป ราวกับสวรรค์เกรี้ยวกราด
หลายคนขมวดคิ้ว พบว่าสายลมรอบข้างกำลังผันผวน หมู่เมฆสีดำเคลื่อนตัวเป็นรูปทรงกรวยปกคลุมทั่วท้องนภา พร้อมสายฟ้าสีม่วงที่ยังคงแล่นปลาบ
ผ่านไปสักพักกลางหมู่เมฆ มังกรเกล็ดสีม่วงที่เกิดจากสายฟ้านับไม่ถ้วนกำลังทะยานฟ้าฉวัดเฉวียน
เมื่อซุนอวิ๋นถิงเห็นดังนี้ เขาก็รู้สึกยินดีขึ้นมา “ทะลวงขั้นหรือ?!”
ซุนซิงเหอกำลังบ่มเพาะอยู่ภายใต้จุดที่ฟ้าร้องเพื่อเตรียมการทะลวง
บรรพชนดาบไม่คาดคิดเช่นกันว่าหลานชายของตนจะทะลวงได้ทันทีหลังจากได้รับพลังวิญญาณกลับคืนมาแล้ว!
เขาเผยรอยยิ้มที่มุมปาก กระหยิ่มยิ้มย่องว่าตนเตรียมอาวุธวิเศษให้หลานชายไว้ป้องกันตัวระหว่างการทะลวงขั้นไว้แล้ว ครั้นทัณฑ์อัสนีมาถึง อีกฝ่ายเพียงต้องรอดจากทัณฑ์อัสนีสามครั้งก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพได้!
เมื่อซุนอวิ๋นถิงคิดว่าหลานชายกำลังก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพในช่วงวัยสามสิบปีเท่านั้น เขาก็ยิ้มกว้างออกมา การเข้าถึงรากฐานการบ่มเพาะขั้นนั้นด้วยอายุเท่านี้ นับว่าหายากยิ่งในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์!
ตอนนี้มังกรสีม่วงเคลื่อนไปมาในหมู่เมฆ หัวมันโผล่ออกมา ปากมังกรขนาดใหญ่พุ่งตรงมาทางด้านล่าง
“มังกรเกล็ดสามหัวหรือ?!”
ไม่ทราบได้ว่าอยู่ ๆ ใครตะโกนออกมา สายตาของทุกคนจึงหันไปมองตาม
มังกรเกล็ดที่เคลื่อนตัวในหมู่เมฆมีสามหัวจริง แต่ละหัวดูเกรี้ยวกราดน่าสะพรึงยิ่ง!
ปรากฏการณ์ทัณฑ์อัสนี!
นี่คือสัญลักษณ์ของโอกาส!
ทัณฑ์อัสนีนี้ในสายตาของซุนซิงเหอ มันคือโอกาสที่จะทะลวงขั้น!
หากสามารถทำความเข้าใจได้หนึ่งถึงสองอย่าง อนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด!
“ฮ่า ๆๆๆๆ!”
ซุนอวิ๋นถิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เอาละ ข้าต้องขอตัวก่อน! หลานชายซิงเหอของข้ามีคุณสมบัติที่จะเลื่อนขั้นเป็นเทียมเทพแล้ว!”
เขายังไม่ลืมที่จะบอกกับเฉิงไท่ว่า “ในเมื่อหลานชายข้าไม่ได้สูญเสียโอกาสไป เช่นนั้นข้าจะขอทำตัวมีเมตตาธรรมสักครั้งด้วยการไว้ชีวิตพวกลู่หยวนและไม่คิดหาเรื่องอีก แต่ว่าข้ายังหวังว่าเจ้าสำนักจะสามารถยับยั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ได้บ้าง เด็กคนนี้อวดดีเกินไป ดีที่วันนี้เป็นข้า แต่ถ้าเป็นใครคนอื่นขึ้นมา เกรงว่าคงไม่รามือจากเขาได้โดยง่าย!”
สีหน้าของเฉิงไท่ราบเรียบ ราวกับไม่เก็บคำพูดของบรรพชนดาบมาคิดจริงจังแม้แต่นิดเดียว
อวี๋ฉู่ชำเลืองมองเจ้าสำนัก พวกเขาทั้งสองต่างยิ้มหยันอยู่ในใจ
หนึ่งในสองคนนั้นคืออดีตเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ส่วนอีกคนคือเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบัน พวกเขาต่างเลื่องชื่อเรื่องพรสวรรค์มากที่สุดในแผ่นดินหลัก
ที่ซุนซิงเหอผู้นั้นได้รับวาสนามากมาย เกรงว่าน่าจะเป็นเพราะอิทธิพลของเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ หากไม่ใช่เพราะการระดมพลังวิญญาณของไป๋ชิวเอ๋อร์จากทั่วทั้งแดนมัชฌิมเพื่อซ่อมแซมมันในวันนี้ เช่นนั้นหลานชายอีกฝ่ายย่อมไม่มีทางได้รับโอกาสนั้นมา!
[1] เปรียบเปรยถึง ผู้ที่ได้เปรียบเนื่องจากอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าหรืออยู่ในสถานที่ดีกว่า