บทที่ 239 นาคามังกรแดงสองหัว
บทที่ 239 นาคามังกรแดงสองหัว
หลังจากลู่หยวนและชิวชิงหลีเข้าสู่เขตแดนลับ พวกเขารู้สึกถึงแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามา ก่อนทิวทัศน์เบื้องหน้าจะเปลี่ยนไปฉับพลัน หอคอยกลายเป็นทะเลทรายไร้พรมแดน
เม็ดทรายกระจายฟุ้ง ลอยล่องไปตามกระแสสายลม ยามหันมองรอบข้างก็พบเพียงความอ้างว้างที่ยากจะอธิบาย
ชิวชิงหลีขมวดคิ้ว ก่อนจะยกมือขึ้น และโบกนิ้วเรียวสองสามครั้ง ระลอกคลื่นพลันปรากฏขึ้น
ปราณวิถีคุณธรรมอันบริสุทธิ์ระเหยออกมาจากปลายนิ้วของนาง ริมฝีปากสีแดงใต้ผ้าคลุมเผยอออกเล็กน้อย ก่อนจะเค้นคำพูดอันคลุมเครือออกมา
ปราณวิถีคุณธรรมเคลื่อนตัวกลับมา กลายเป็นลูกศรแสงสว่างพุ่งทะยานออกไปไกล
ชิวชิงหลีและลู่หยวนออกเดินทางไปตามทางที่ลูกศรแสงสว่างพุ่งไป
พวกเขาไล่ตามมันไปในทะเลทรายไร้พรมแดนนานกว่าครึ่งชั่วยาม แต่กลับไม่เห็นร่องรอยของกลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมหรือเพลิงวิญญาณแม้แต่น้อย พบเพียงพื้นที่แห้งแล้งอยู่โดยรอบเท่านั้น ขณะลมหายใจร้อนผ่าวผสานเข้ากับกลิ่นโลหิตเจือจาง
พริบตานั้นทั้งสองรับรู้ได้ว่าพื้นเบื้องล่างแปลกไป จนต้องหยุดเคลื่อนที่
หนุ่มสาวกลั้นหายใจ ขณะตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
พายุส่งเสียงพัดหวีดหวิว ผืนทรายที่อยู่เบื้องล่างยังคงปกติ ราวกับเมื่อครู่พวกเขาเพียงกังวลไปเอง
หลังจากรอสักพักก็ไม่มีการเคลื่อนไหว ชิวชิงหลีขมวดคิ้วพลางผ่อนคลายจิตใจลง “หรือเมื่อครู่ข้าคิดไปเอง?”
ลู่หยวนหรี่ตาเล็กน้อยก่อนเนตรเทวะจะปรากฏขึ้น
ในสายตาของชายหนุ่ม พื้นทรายเบื้องล่างหายไปและปรากฏงูยาวหลายสิบตัวที่อยู่ลึกลงไปในใต้ดิน พวกมันกำลังเลื้อยวนไปมาอย่างเชื่องช้า จนเกิดเสียงเสียดสีไปมา
อสรพิษเหล่านี้มีขนาดใหญ่มาก เฉพาะหางของมันก็มีความหนาอยู่ที่เก้าหรือสิบจั้ง
พวกมันทั้งหมดมีลำตัวสีแดงและสองหัว ประดับเขาแปลกประหลาดงอกอยู่บนหน้าผาก
“นาคามังกรแดงสองหัวหรือ?”
ลู่หยวนพึมพำกับตัวเอง ขณะเอ่ยนามของสัตว์อสูรใต้ดิน
ก่อนชิวชิงหลีจะทันเข้าใจคำพูดของชายหนุ่ม นาคามังกรแดงสองหัวนับสิบตัวใต้ดินก็ราวกับได้รับคำสั่ง จนเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เม็ดทรายลอยขึ้น พื้นซึ่งเดิมมั่นคงกลับสั่นไหวประหนึ่งผืนผ้า ละอองทรายและหินรุกคืบเข้ามา พร้อมกับลำตัวโค้งของงูที่เคลื่อนตัวรอบข้าง
ลู่หยวนเหยียบย่ำพื้นก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ส่วนชิวชิงหลีเคลื่อนที่ตามมาติด ๆ เพื่อออกไปให้พ้นจากพื้นทราย
ฟ่อ! ฟ่อ! ฟ่อ!
บริเวณใต้พื้นทราย สัตว์อสูรแผดเสียงคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง นาคามังกรแดงสองหัวหลายสิบตัวขดร่างพลางเลื้อยไปมา
กระบี่ยาวในมือของชิวชิงหลีปรากฏ นางยกมันขึ้นและแผ่ปราณกระบี่กระจายไปทั่วทิศพร้อมฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง
ตูม! ตูม! ตูม!
นาคามังกรแดงสองหัวขดร่างเพื่อหลบเลี่ยง ร่างของพวกมันถูกปกคลุมอยู่ใต้พื้น
ปราณกระบี่ทั้งหลายทะลวงผ่านอากาศ และฟาดฟันทุกทิศทางจนเกิดเสียงดังสนั่น คลื่นเสียงคำรามทรงพลังปกคลุมบริเวณโดยรอบ แต่สัตว์อสูรบางส่วนไม่ได้รับบาดเจ็บ
นาคามังกรแดงสองหัวเป็นสัตว์อสูรที่ไม่ได้แข็งแกร่ง พวกมันแต่ละตัวอยู่เพียงครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเทพ
หากต้องสู้เพียงหนึ่งต่อหนึ่ง มีหรือพวกมันจะเทียบชิวชิงหลีได้?!
แต่ด้วยความช่วยเหลือของผืนทรายที่มีอยู่ทุกหนแห่ง นาคามังกรแดงสองหัวจึงสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีได้หมด แม้ผู้สืบทอดวิถีคุณธรรมจะลงมือก็ไม่อาจสังหารพวกมัน
รูปแบบการต่อสู้ของพวกอสรพิษเจ้าเล่ห์จนชิวชิงหลีต้องฟาดฟันอีกคราจนปราณกระบี่ทั้งหมดในมือหายไป
บริเวณใต้ดิน นาคามังกรแดงสองหัวยังคงขดร่างไปมา ชิวชิงหลีสะกดอารมณ์เอาไว้ก่อนเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า “อย่าเสียเวลาที่นี่ พวกมันไม่เกี่ยวอะไรกับการเดินทางของพวกเรา”
สิ้นคำ นางมองลูกศรแสงสว่างที่หยุดอยู่ไม่ไกล “ไปตามหากลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมกับเพลิงวิญญาณกันก่อน!”
ลู่หยวนยืนอยู่กลางอากาศ สายตาจับจ้องไปยังคลื่นทรายที่ทุรกันดาร ผ่านไปพักใหญ่ เขาคล้ายกับค้นพบบางอย่างจนมุมปากยกยิ้มขึ้น สายตาเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น “กลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมกับเพลิงวิญญาณอยู่ที่นี่!”
สิ้นคำ บุตรศักดิ์สิทธิ์ยกมือขวา พร้อมหอกพันมังกรเก้าสวรรค์ปรากฏขึ้นในอุ้งหัตถ์
มังกรเจินหลงปรากฏขึ้นข้างกาย พลังอันไร้เทียมทานแผ่ซ่านพร้อมแสงสว่างสีทองพุ่งจากปลายหอกพันมังกรเก้าสวรรค์ มันแข็งแกร่งและเจิดจรัสจนไม่อาจดูแคลน
ที่เบื้องล่าง นาคามังกรแดงสองหัวสัมผัสพลังของลู่หยวนได้ พวกมันจึงขยับร่างกายหลบหนีไปยังส่วนลึกของพื้นดิน เพื่อซ่อนตัวและต้านทานการโจมตีที่พุ่งเข้ามา
ลู่หยวนเห็นดังนั้น เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสัตว์อสูรเหล่านี้ต้องการทำอะไร
“ซ่อนตัวหรือ?”
“สายไปแล้ว!”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ถือหอกด้วยสองมือ ส่วนมังกรเจินหลงแผดเสียงร้องอันเกรี้ยวกราดออกมา ขณะหอกในมือของเขาสั่นไหวประหนึ่งดาวตกสีทองที่กระหน่ำฟาดลงไปอย่างรุนแรง
อาวุธนั้นไม่ได้เล็งไปที่สัตว์อสูรตัวใด แต่พุ่งตรงไปยังผืนทราย
ตูม!!
หอกจมลงไปกับพื้นเกือบมิดเล่ม จนกลิ่นอายพลังอันยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมท้องนภาแตกสลาย!
กลิ่นอายประหนึ่งสามารถทำลายฟ้าดินได้เมื่อครู่มลายหาย ราวกับก้อนหินที่จมลงสู่ท้องทะเล
ลู่หยวนยืนขึ้นด้วยสายตาเย็นเยือก
ผ่านไปหลายอึดใจ สัตว์อสูรที่อยู่ลึกลงไปจึงแผดเสียงคำรามจากไกล ๆ เข้ามาในระยะประชิด จนผืนทรายสั่นสะเทือน ราวกับพวกมันกำลังเฉลิมฉลองบางอย่าง
ฟ่อ! ฟ่อ! ฟ่อ!
สัตว์อสูรแผดเสียงคำรามพลางขดร่างไปมา สายตาของพวกมันที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นเต็มไปด้วยความละโมบ
พลังมังกรอันยิ่งใหญ่ที่แผ่ซ่านออกมาจากลู่หยวน นอกจากทำให้พวกมันหวาดกลัวแล้ว ยังเป็นสิ่งล่อตาล่อใจ!
นาคามังกรแดงสองหัวเหล่านี้ต่างมีโลหิตมังกร เพียงแต่ปัจจุบันเหลืออยู่น้อยนิด
หากชิงพลังมังกรมาอยู่ในร่าง พวกมันอาจจะสามารถทะยานเข้าสู่วิถีมังกรได้!
นาคามังกรแดงสองหัวหลายสิบตัวขดร่าง ก่อนจะเลื้อยเข้าหาลู่หยวนอย่างระแวดระวัง
เมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่เคลื่อนไหว แม้กระทั่งกลิ่นอายจากร่างกายก็ไม่แปรเปลี่ยน พวกมันต่างพากันฮึกเหิม เริ่มอ้าปากกว้างพร้อมฉกเข้าหา
“มากันแล้ว…”
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสยะยิ้มเย้ยหยัน
นาคามังกรแดงสองหัวที่อยู่เบื้องล่างพุ่งขึ้นมาหมายจะสังหารตัวเขา
หนึ่งร้อยจั้ง
สิบจั้ง
ไม่กี่จั้ง
ครั้นพบเห็นนาคามังกรแดงสองหัวใกล้ฉกถึงตัว ลู่หยวนจึงเคลื่อนไหว ปลายนิ้วซ้ายขยับรวดเร็ว ค่ายกลจำนวนมากปรากฏขึ้นปกคลุมทั่วร่าง ส่วนมือขวาควงหอกไปมาส่งผลให้พายุสะท้านฟ้าดิน
พลังมังกรที่ระเบิดออกมาพัดพาคลื่นทรายประหนึ่งพลังทำลายโลก
ตูม!!
สิ้นเสียงระเบิดครั้งใหญ่ รัศมีแสงสว่างสีทองในมือลู่หยวนแผ่ออกไป พร้อมปกคลุมพื้นที่รกร้างทั้งหมดเอาไว้
แรงกดดันนับไม่ถ้วนผันผวนอยู่ภายใน ก่อนแสงสว่างสีทองจะปรากฏขึ้นจากเหนือทะเลทราย แล้วกวาดราบไปทั่วพื้นที่
ตูม! ตูม! ตูม!
บริเวณที่ค่ายกลปกคลุมเกิดเสียงดังสะท้านปฐพีขึ้นต่อเนื่อง เลือดเนื้อกระจัดกระจายทั่ว นาคามังกรแดงสองหัวทั้งหลายดับสิ้น
ลู่หยวนดึงหอกกลับมาแล้วยืนขึ้น เท้าของเขาลอยอยู่กลางอากาศ ทุกสิ่งที่อยู่เบื้องล่างกลับสู่ความปกติ
วิ้ง!
บริเวณที่นาคามังกรแดงสองหัวเคยโลดแล่นฉกเหยื่อผู้โชคร้าย ร่างของพวกมันเลือนหายไปพร้อมกับมวลทรายนับไม่ถ้วน ก่อนที่ค่ายกลสีทองจะปรากฏขึ้น
บนค่ายกลเผยอักขระที่ดูยากเข้าใจ ทว่าเต็มเปี่ยมด้วยวิถีคุณธรรมอันแข็งแกร่ง ราวกับมันคือมรดกแห่งกลิ่นอายวิถีคุณธรรม