บทที่ 249 หุ่นเชิดกีฏ
บทที่ 249 หุ่นเชิดกีฏ
วิ้ง!
เสียงวิถีแห่งสวรรค์ดังขึ้น ภาพมายาของหัววิหคเพลิงพลันสั่นไหว ก่อนจะหายไป
อักขระทั้งหมดที่รวมตัวเริ่มสูญสลายทำให้เปลวเพลิงที่แผดเผารอบข้างมอดดับลง
ค่ายกลอักขระกลับสู่รูปลักษณ์เดิมพร้อมพลังมหาศาลปรากฏที่ใจกลางของมัน
เส้นด้ายโลหิตกระจายออกมา ก่อนมุ่งหน้ามาหาทั้งสอง
ลู่หยวนหรี่ตา ทันใดนั้นจิตสังหารกระหายโลหิตก่อตัวขึ้นภายใน
ยามกลิ่นอายนี้แผ่ซ่าน เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่ามีจิตสังหารก่อตัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
หอคอยอสูรสวรรค์เกิดการเคลื่อนไหวในจิตเทวะของบุตรศักดิ์สิทธิ์ พลังมารปรากฏก่อนจะกระจายเข้าสู่ทะเลลมปราณอย่างรวดเร็ว
พลังดังกล่าวพลุ่งพล่านพร้อมทำลายเส้นด้ายโลหิตที่ไหลหลั่งเข้าสู่ร่างของเขา
จิตสังหารในใจของลู่หยวนหายไป
อีกด้าน ฮ่วนซิงไป๋ไม่ได้รับการปกป้องร่างกายจากวัตถุศักดิ์สิทธิ์อย่างหอคอยอสูรสวรรค์ ทำให้ถูกเส้นด้ายสีโลหิตพันเอาไว้ ก่อนจิตสังหารจะก่อตัวขึ้นจนเกือบฝังลึกเข้าสู่กายา
ดวงตาของเขากลายเป็นสีเลือด
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”
ฮ่วนซิงไป๋กำมือแน่น ทั่วร่างสั่นไหว เขายังคงกระซิบบางอย่างออกจากปากดูน่ากลัวไม่น้อย
ทันใดนั้น คลื่นจิตสังหารสีแดงกระจายออกจากร่างของอีกฝ่ายและพุ่งไปทางค่ายกล ยามกลิ่นอายสีแดงหายไป จิตมุ่งร้ายก็ยิ่งมากขึ้น
ร่างของฮ่วนซิงไป๋โก้งโค้งราวกับจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา จิตสังหารในดวงตาของเขาเพิ่มพูนเท่าทวี
“ฆ่า!”
ฮ่วนซิงไป๋พลันเงยหน้าขึ้นมองลู่หยวนด้วยดวงตาสีโลหิต
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวปรากฏขึ้นในมือทันใด พร้อมฟาดฟันใส่อีกฝ่าย
บุตรศักดิ์สิทธิ์ร่นถอยพลางคิ้วขมวด เขาลุกขึ้นแล้วก้าวเท้าออกไป ก่อนจะทะยานห่างออกมาหลายสิบจั้ง
ขณะยืนอยู่ไกลออกไป ลู่หยวนมองเห็นชัดเจนว่าค่ายกลขนาดใหญ่มีเส้นด้ายโลหิตกระจายออกมา พวกมันปกคลุมทั่วร่างของฮ่วนซิงไป๋ ซึ่งไม่เพียงดึงพลังของเขาเท่านั้น แต่ยังควบคุมประหนึ่งหุ่นเชิดอีกด้วย
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”
ฮ่วนซิงไป๋คำรามเสียงต่ำ ประหนึ่งสัตว์ร้ายในพงไพร
เขาหันหลังแล้วมองมาทางลู่หยวนด้วยสีหน้าดุร้าย ยามเส้นด้ายโลหิตขยับ ร่างก็ขยับตาม
ภายในไม่กี่อึดใจ ฮ่วนซิงไป๋ทะยานเข้าหาบุตรศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การควบคุมของเส้นด้าย
ลู่หยวนหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนเนตรเทวะจะปรากฏขึ้น ทำให้ทุกสิ่งที่เขาเห็นต่างไปจากเดิม
เขาพบว่าในโลหิตของฮ่วนซิงไป๋มีเส้นด้ายแทรกเข้าไป และปลูกถ่ายปรสิตสีขาวสู่ร่างของอีกฝ่าย
ปรสิตขนาดเล็กดูดกลืนพลังอย่างต่อเนื่อง จนมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วคืบคลานเข้าสู่ทะเลลมปราณ
ลู่หยวนชำเลืองมองก่อนจะพบว่ามีร่างสีแดงประหนึ่งภูตผีกำลังกึ่งหมอบคลานอยู่ในค่ายกล นิ้วสีแดงของมันดูเหี่ยวย่นไร้ชีวิต
เส้นด้ายโลหิตยื่นออกมาจากสิบนิ้วของมัน แล้วทะลวงเข้าสู่ร่างของฮ่วนซิงไป๋
สิ่งที่น่าแปลกที่สุดก็คือ นอกจากร่างสีแดงแล้ว ยังมีชั้นพลังมารบริสุทธิ์ห่อหุ้มเอาไว้
“มารหรือ?” ลู่หยวนเอ่ยว่า “คาดไม่ถึงว่าจะมีมารอยู่ในซากปรักหักพังวิหคเพลิง ช่างน่าสนใจ”
เมื่อชายหนุ่มกำลังจะลงมือ เขาได้ยินเสียงตะโกนของสือจิ่วจากจิตเทวะ “นายท่าน!”
เขาพลันหยุดมือ “มีอะไร?”
เสียงของมารตัวน้อยยังคงดังขึ้น แต่มันเต็มไปด้วยความปรารถนา “นายท่าน ข้าอยากกินมัน”
ลู่หยวนคิ้วขมวด จากนั้นจึงคลายมือ “รอเดี๋ยว”
สิ้นคำ บุตรศักดิ์สิทธิ์พลันเคลื่อนไหว ก่อนจะมาอยู่ด้านหลังฮ่วนซิงไป๋ในบัดดล
ชิ้ง!
กระบี่วิถีโลกาพลันปรากฏในมือ
ลู่หยวนควงกระบี่ก่อนฟาดฟันออกไป ยามเส้นด้ายโลหิตสัมผัสได้ถึงกระบี่ พวกมันตัดสินใจล่าถอยประหนึ่งพบศัตรูโดยธรรมชาติ
ภายในไม่กี่อึดใจ เส้นด้ายที่พัวพันรอบฮ่วนซิงไป๋หายไปในอากาศธาตุ
จิตมุ่งร้ายบนร่างของฮ่วนซิงไป๋ลดลง ส่วนสีแดงบนร่างของเขาหายไปเช่นกัน
“แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!”
ชายในอาภรณ์สีเหลืองทองหอบหายใจอย่างหนัก เขาคล้ายกับได้สติคืนมาบางส่วน แต่ผิวหนังปริแตกเริ่มมีหนองไหลออกมา
ลู่หยวนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนจะคว้าบุรุษด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาหมุนกระบี่วิถีโลกา
สิ้นเสียง ‘ฉึก’ กระบี่ยาวก็แทงไปที่แขนของอีกฝ่าย
“อ๊าาาาาา!!!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของฮ่วนซิงไป๋ดังก้อง เส้นโลหิตบนหน้าผากปูดโปน สีแดงในดวงตาของเขาจางหายไปบางส่วน ก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครา
“อดทนไว้!”
ลู่หยวนตะโกนเสียงเคร่งขรึม แล้วถ่ายทอดพลังแห่งวิถีคุณธรรมส่วนสุดท้ายเข้าไปในกระบี่วิถีโลกา
วิ้ง!
เสียงกระบี่ดังขึ้น บริเวณรอยฟันบนแขนของฮ่วนซิงไป๋ ปรสิตสีขาวนับไม่ถ้วนถูกกลิ่นอายวิถีคุณธรรมกดดัน ก่อนจะกรูกันออกมาพร้อมโลหิต
เขาประคองเศษเสี้ยวสติเอาไว้ แล้วกล้ำกลืนเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทั้งหมดลงไป
ผ่านไปหลายอึดใจ ปรสิตสีขาวทั้งหมดในร่างของฮ่วนซิงไป๋ก็ถูกขับออกจากร่าง
ลู่หยวนถอนกระบี่วิถีโลกาอันเรียวยาวกลับมา ทำให้ฮ่วนซิงไป๋หมดแรงไปในบัดดล ใบหน้าของอีกฝ่ายขาวซีดราวกับกระดาษ ก่อนดวงตาจะหลับลงแล้วล้มไปด้านข้าง
ทันทีที่กลิ่นอายของบุตรศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจาย เขาส่งบุรุษผู้หมดสติออกไปด้านข้างพร้อมกับร่ายเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เพื่อกักขังอีกฝ่ายเอาไว้ในพื้นที่หนึ่งอย่างแน่นหนา ต่อให้ได้สติขึ้นมาก็ไม่สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้
เมื่อร่างภูตผีในค่ายกลเห็นว่าปรสิตทั้งหลายที่ปลูกถ่ายเข้าไปถูกขับออกมา มันจึงเดือดดาลเช่นกัน
“เจ้ามนุษย์โง่เขลา!”
เสียงแหบพร่าลุ่มลึกลอดออกมาจากปากของมารร้าย “การล่วงเกินเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นความผิดร้ายแรง! ในเมื่อเจ้ากล้ากำจัดปรสิตของข้า ย่อมสมควรตาย!”
สิ้นคำ ร่างมารสั่นสะท้าน เส้นด้ายโลหิตบนปลายนิ้วเหี่ยวย่นเริ่มหนาและแข็งแกร่งขึ้นประหนึ่งลวดเหล็ก ก่อนจะพุ่งเข้าหาลู่หยวน
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
เมื่อพลังสีโลหิตพุ่งออกไป ปรสิตสีดำนับไม่ถ้วนพลันบดขยี้ค่ายกลจนมืดฟ้ามัวดิน
เพียงชั่วพริบตา ปรสิตพากันกรูออกมาจากค่ายกลขนาดใหญ่ ก่อนจะบดบังท้องนภาไปกว่าครึ่ง
หากใครคนอื่นอยู่ที่นี่แล้วเห็นฝูงหนอนภูตผีพุ่งเข้ามา ขาของพวกเขาย่อมสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ถึงอย่างไร หนอนภูตผีเหล่านี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตทรงพลังของเผ่ามาร
นอกจากจำนวนมหาศาลแล้ว พวกมันยังชอบกินเลือดเนื้อ ไม่ว่าพวกมันจะผ่านที่ใด ต้นหญ้าจะไม่ขึ้น ทุกสรรพสิ่งสิ้นชีวา!
ตอนลู่หยวนอยู่ในหอคอยสวรรค์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เขาเข้าใจหลายสิ่งเกี่ยวกับเผ่ามาร ยามมองพวกมัน สายตาจึงเต็มไปด้วยความดูถูก
“สือจิ่ว”
ลู่หยวนตะโกน ก่อนพบเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกาย นางคือสาวน้อยผู้มีใบหน้าจิ้มลิ้ม
เมื่อสือจิ่วปรากฏ ดวงตาของนางเปี่ยมด้วยความปรารถนาไร้ที่สิ้นสุด “นายท่าน!”
“มันคือแม่ทัพสามผู้อยู่ใต้อาณัติราชันมาร กองหน้าแห่งเจิงซู่… หุ่นเชิดกีฏ”
“เจ้าต้านมันไว้สักพัก ข้ามีบางอย่างจะถามมัน!” ด้วยคำสั่งของลู่หยวน ดวงตาของสือจิ่วจึงทอประกาย นางจับจ้องหุ่นเชิดกีฏประหนึ่งมองลูกแกะถูกเชือด “น้อมรับคำสั่งนายท่าน!”