ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 253 แท่นบูชาวิหคเพลิง

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 253 แท่นบูชาวิหคเพลิง

บทที่ 253 แท่นบูชาวิหคเพลิง

“ตายซะ!”

ลู่หยวนตะโกนเสียงต่ำ ประหนึ่งกำลังประกาศชะตากรรมของอีกฝ่าย

ตูม!

พลังที่แตกต่างกันทั้งสองพลันปะทะกัน ยามแสงสว่างสีขาวสาดส่อง คลื่นอากาศรุนแรงแผ่กระจายไปทุกทิศทาง

ปราณกระบี่รอบฮ่วนซิงไป๋ตื่นกลัว มันหันกลับมาปกป้องเจ้าของ

เพียงเสี้ยวอึดใจ แสงสว่างสีขาวแผ่ไปโดยรอบพร้อมเปลวเพลิงของวิหคเพลิง ก่อนที่หอกของลู่หยวนจะพุ่งเข้ามาบดขยี้

ร่างมายาวิหคเพลิงไม่คาดคิดว่าจะถูกใครบางคนทำให้เปลวเพลิงสลายไป “มนุษย์ เจ้า…”

ตูม!

หอกพันมังกรเก้าสวรรค์พุ่งแทงทะลุผ่านร่างมายา ไม่แม้กระทั่งให้วิหคเพลิงพูดจบประโยค

ตูม! ตูม! ตูม!

เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่องยามหอกพันมังกรเก้าสวรรค์เคลื่อนผ่าน จนร่างมายาทั้งหลายถูกกวาดล้างหายไป

ฮ่วนซิงไป๋มองลู่หยวนผู้ยืนอยู่ตรงหน้าเสายาวเก้าต้น สายลมและเปลวเพลิงสลายหายไปจากท้องนภา ส่วนบุตรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในชุดสีชาดพลิ้วไสวขณะควงหอกยาวพันมังกร พร้อมรูปโฉมหล่อเหลาประหนึ่งเซียนสวรรค์จุติลงมา

ฮ่วนซิงไป๋ไม่อาจละสายตาจากภาพตรงหน้า ทำได้เพียงลอบถอนหายใจ

ช่างสมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!

องอาจยิ่งนัก!

ลู่หยวนกวัดแกว่งหอกก่อนเงยหน้าขึ้น แสงสว่างบนเสายาวเก้าต้นเปลี่ยนไป

หากมองอย่างละเอียด ก็จะพบว่าร่างมายาสัตว์เทพเหนือเสายาวทั้งเก้าต้นกำลังวูบไหว!

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”

ฮ่วนซิงไป๋รีบเดินเข้ามาเพื่อจะชื่นชม ทว่าลู่หยวนเอ่ยขึ้นเสียก่อน “ชู่ว… วาสนาแท้จริงกำลังมา”

รูปแกะสลักนูนของสัตว์เทพบนเสายาวรอบนอกแปดต้นพลันเปลี่ยนไป ทุกส่วนของพวกมันเคลื่อนไหวประหนึ่งขี่ม้าชมดอกไม้

ผ่านไปหลายอึดใจ เสายาวแปดต้นเริ่มเปลี่ยนแปลงและหมุนวนไปมาจนคาดเดาไม่ได้

ยามนี้แรงกดดันของสัตว์เทพนับไม่ถ้วนมาถึงจุดสูงสุด!

วิ้ง!

เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นเหนือสวรรค์ทั้งเก้า

เสายาวแปดต้นล้วนหยุดนิ่ง รูปแกะสลักนูนหยุดเคลื่อนไหว เกิดแสงสว่างส่องลอดออกมาจากใต้เสายาว ก่อนจะกลายเป็นลำแสงแปดสายพุ่งทะยานขึ้นไปปกคลุมเสาหินตรงกลาง

ลำแสงสีทองก่อตัวเหนือเสาหินกลาง ก่อนจะพุ่งสู่ท้องนภา!

วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!

กลางอากาศธาตุ ความผันผวนนี้ทำให้อากาศสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

เมฆาเคลื่อนไหวแปลกประหลาด ผ่านไปหลายอึดใจก็พลันเกิดแสงสีทองสว่างไสว

วิหารส่องแสงสีทองอันงดงามปรากฏกลางหมู่เมฆ

รอบวิหารนั้นมีเปลวเพลิงหลากสีสันรายล้อม พลังที่กำลังพลุ่งพล่านออกมาน่าจะเป็นโชคชะตายิ่งใหญ่!

ฮ่วนซิงไป๋ครุ่นคิดบางอย่าง สายตาตื่นเต้นแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาพยายามอย่างยากลำบากที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ สมุนไพรวิญญาณที่ข้าต้องการอยู่ใกล้เสาหินเหล่านี้ คงไม่สามารถเข้าไปในวิหารกับเจ้าได้”

ลู่หยวนชำเลืองมองอีกฝ่ายนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยกยิ้มมุมปาก “ได้ เช่นนั้นเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”

“ได้เลย…”

ฮ่วนซิงไป๋พยักหน้าให้คำมั่น

ร่างของลู่หยวนวูบไหว เขาถือหอกพันมังกรเก้าสวรรค์แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่วิหารกลางหมู่เมฆา

ไม่นานหลังจากอีกฝ่ายเข้าไปข้างใน ฮ่วนซิงไป๋ก็หยิบยันต์ออกมาพร้อมแววตาสั่นระริก

ผ่านไปครู่หนึ่ง ว่าที่น้องเขยของจักรพรรดินีถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

เขายกมือขึ้น แล้วใช้พลังวิญญาณเขียนบางอย่างลงบนยันต์ เพียงไม่กี่ครั้ง แถวตัวอักษรขนาดเล็กก็ปรากฏ

ชายในอาภรณ์สีเหลืองลดนิ้วลง ยันต์พลันขยับไหวและพุ่งทะยานออกไปนอกเขตแดนลับ

ไม่นาน มู่พ่านซานผู้อยู่นอกเขตแดนลับก็ได้รับยันต์ดังกล่าว เขากวาดตามองเนื้อความข้างใน ครั้นอ่านจบ ดวงตาก็เผยรอยยิ้ม “ในที่สุดเจ้าหนูลู่หยวนก็เข้าไปถึงแท่นบูชาของวิหารวิหคเพลิงได้!”

องครักษ์ถือยันต์เอาไว้ ความว่างเปล่ารอบข้างผันผวน และพริบตาต่อมา เขาพลันปรากฏตัวขึ้นนอกห้องบรรทมของจักรพรรดินี

ชายวัยกลางคนประสานมือด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท ลู่หยวนเข้าสู่แท่นบูชาวิหคเพลิงแล้ว ขอให้ท่านออกเดินทางโดยไว!”

“ข้ารู้แล้ว”

ในห้องบรรทม เสียงของจักรพรรดินีดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ไม่ว่าใครก็ฟังออกว่าน้ำเสียงแตกต่างจากทุกครั้ง ประหนึ่งนางกำลังฝืนทนกับบางสิ่ง

มู่พ่านซานเดินเข้าสู่ห้องบรรทม เขาพบนางผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพร้อมหัตถากำลังกุมหน้าผาก ใบหน้าขาวซีดประหนึ่งกระดาษ และมีเหงื่อเย็นไหลออกมาจากบริเวณขมับ

องครักษ์คนสนิทไม่ลังเลอีกต่อไป เขายกมือขึ้น ก่อนพลังวิญญาณจะถ่ายทอดเข้าสู่ร่างของจักรพรรดินี ทำให้ความเจ็บปวดในร่างระหงทุเลาลง

ผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา จักรพรรดินีลดมือลงพร้อมสายตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

“ลู่หยวนเข้าแท่นบูชาแล้วหรือ?”

มู่พ่านซานตอบด้วยความเคารพว่า “ขอรับ!”

จักรพรรดินีพยักหน้า แล้วถามต่อ “จัดการเรื่องอื่นเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

อีกฝ่ายตอบรับ “ฝ่าบาทไม่ต้องห่วง ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้ว รอแค่ให้ฝ่าบาทเสด็จเท่านั้น!”

จักรพรรดินียกมือขึ้น

มู่พ่านซานเข้าใจความหมายของนาง ก่อนก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อช่วยพยุง ความว่างเปล่ารอบข้างเกิดการสั่นไหวอีกครา

ลมหายใจต่อมา ร่างทั้งสองมาถึงนอกหอคอยสูง …ยามนี้มีองครักษ์นับหมื่นถือง้าว สวมชุดเกราะทอประกายเย็นเยือกน่าเกรงขาม

ในบรรดาองครักษ์ มีสองคนที่สวมอาภรณ์ธรรมดา

คนหนึ่งเป็นชายอ้วนหูใหญ่ แขนขวาขาด ส่วนมือซ้ายถือมีดแล่เนื้อ คิ้วตาหนา รูปร่างประหนึ่งคนขายเนื้อตามชนบท ดูท่าไม่ควรเข้าไปมีเรื่องเป็นอย่างยิ่ง

แต่กลิ่นอายความน่าเกรงขามและสงบนิ่งที่อยู่รอบข้างเขา ทำให้ผู้คนไม่กล้าดูถูก

คนแรกคือหนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งวังจักรพรรดินีแดนมัชฌิม จอมดาบอันดับหนึ่งในใต้หล้าเมื่อสามร้อยปีก่อน… สวีชู่!

ส่วนอีกคนมีรูปลักษณ์ประหนึ่งเซียนผู้สวมชุดคลุมเต๋าหลวมโคร่งเช่นนักพรต ทว่าอาภรณ์ชั้นในที่ถูกเผยให้เห็นระหว่างเยื้องย่างกลับเป็นจีวร

เขาถือแส้จามรีไว้ที่มือซ้าย ส่วนมือขวาถือมู่อวี๋*[1] ยามนี้เขาเอ่ยคำว่านโมอมิตาพุทธ อีกประเดี๋ยวก็เอ่ยคำว่าขอเทพเซียนคุ้มครอง

หากผู้อื่นมาเห็นอีกฝ่ายเอ่ยคำพูดทั้งของนักบวชและนักพรต เกรงว่าพวกเขาคงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

แต่องครักษ์แห่งวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมย่อมไม่กล้าขบขัน เพราะคนผู้นี้คือปรมาจารย์ยันต์ผู้เคยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดินหยวนหง… สวี่หลิวอวิ๋น!

หากคนนอกวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมมาเห็นสวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นอยู่ที่นี่ เกรงว่าแต่ละคนย่อมเกิดความสงสัยอยู่ในใจ มันเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ปรมาจารย์แห่งแดนมัชฌิมสองคนนี้ออกจากการเก็บตัว?!

เมื่อองครักษ์ทั้งหลายเห็นจักรพรรดินีเสด็จ พวกเขาต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ก่อนสะบัดง้าวในมือ “ฝ่าบาท!”

สีหน้าของจักรพรรดินีซีดเซียว แต่แผ่นหลังของนางยังคงเหยียดตรง เผยให้เห็นท่วงท่าสง่างาม

“ลุกขึ้นเถิด”

ทุกคนได้ยินเช่นนั้น จึงยืนตัวตรง

มู่พ่านซานเปิดปากแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าคุ้มกันอยู่ที่นี่สองสามวัน ใครก็ตามที่เดินออกจากหอคอย ให้คุมตัวไว้!”

“ขอรับ!”

องครักษ์ทั้งหลายตอบรับแข็งขัน

สายตาของมู่พ่านซานจับจ้องสวีชู่และสวีหลิวอวิ๋น “เหตุผลที่ให้พวกเจ้าสองคนออกมาในวันนี้ หวังเพียงว่าจะไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น พวกเจ้าต้องคอยระแวดระวังรอบข้าง อย่าปล่อยให้ใครเล็ดลอดไปได้! หากจำเป็นก็ให้ปิดกั้นวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมแห่งนี้หรือทั่วทั้งแดนมัชฌิมได้!”

พวกเขาทั้งสองพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง พวกข้าจะคุ้มกันที่นี่อย่างสุดกำลัง ไม่ปล่อยให้ใครเล็ดลอดไปได้อย่างแน่นอน!”

หลังจากสิ้นคำของทั้งสอง มู่พ่านซานจึงรู้สึกโล่งอก ก่อนจะอธิบายสองสามประโยค แล้วพยุงจักรพรรดินีเข้าสู่เขตแดนลับ

[1] ไม้เคาะจังหวะชนิดหนึ่ง เป็นเครื่องดนตรีพุทธะนิกายมหายาน

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน