บทที่ 264 วิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพ
บทที่ 264 วิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพ
หากเขามีเส้นชีพจรลึกลับเหมือนเสวียนเทียนชวนที่สามารถใช้เส้นชีพจรลึกลับของเขาเพื่อเข้าสู่วิถีแห่งสวรรค์ เพื่อสำรวจโชคชะตาแห่งสวรรค์ และเข้าใจทิศทางของเหตุการณ์ทั้งหมด และบรรลุแผนการที่สมบูรณ์แบบ เช่นนั้นแล้วเจิ้งชิงเทียนคงไม่คิดนับถือลู่หยวน
เพราะอย่างไรเสียเส้นชีพจรลึกลับที่สามารถสืบส่องและเข้าใจใต้หล้าได้ก็มีมิใช่น้อย
ลู่หยวนผู้นี้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับจิตใจมนุษย์ ดูเหมือนว่าความคิดของผู้คนในโลกนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
เขารู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของชิวสิงจากปากของเจิ้งชิงเทียนเพียงไม่กี่คำ ประกอบกับสายตาที่มองผ่านลูกแก้วส่องสวรรค์ในตอนสุดท้ายนั้นเพียงแวบหนึ่ง
ลู่หยวนก็คิดได้แล้วว่าตระกูลชิวอาจไม่สนใจเรื่องนี้จริง ๆ แต่สนใจสิ่งอื่น
ในแง่ดี เขาต้องการตรวจสอบชิวชิงหลีอย่างละเอียด แต่ในความเป็นจริงเขาอาจกำลังมองหาคนที่สามารถเปิดลูกแก้วส่องสวรรค์!
เจิ้งชิงเทียนแอบถอนหายใจ เขาเข้าใจถึงความคิดของลู่หยวนมากขึ้น
หลังจากไม่กี่ลมหายใจเจิ้งชิงเทียนก็พูดอย่างเป็นห่วงว่า “ตระกูลชิวนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับแสนปี หากต้องการทราบว่าใครเป็นผู้เปิดลูกแก้วส่องสวรรค์ในเวลานั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
“ถ้าติดตามเสวียนเทียนชวนไปสอบสวน เกรงว่าท่านประมุขจะสืบได้ในไม่ช้า!”
ลู่หยวนยิ้มเล็กน้อย “อย่ากังวล ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้คิดไว้แล้ว”
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ฉู่เชิ่งซึ่งกำลังต่อสู้กับมู่พ่านซานที่อยู่ห่างออกไป
“บุตรศักดิ์สิทธิ์มีคนที่จะอยู่แนวหน้าแล้ว!”
“หึ ถ้าคนผู้นั้นใช้การได้ดี ข้ายังสามารถไปที่ตระกูลชิวเพื่อขอดูอาวุธของแม่ทัพปีศาจที่ถูกผนึกไว้ภายใต้เขตแดนของตระกูลชิวได้อีกด้วย!”
ฉู่เชิ่งซึ่งกำลังต่อสู้กับมู่พ่านซานรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างฉับพลันที่ด้านหลังเขา และความหนาบเย็นก็เพิ่มขึ้นในใจของเขา
เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนและถอยห่างจากมู่พ่านซาน
ครู่ต่อมา เขาระงับความไม่ชอบมาพากลในใจลง
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จิตใจที่ไร้ความกลัวของเขาในตอนแรกค่อย ๆ จางหายไป ความกังวลพลันเกิดขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง
ฉู่เชิ่งเริ่มสงสัยว่าทำไมเขาถึงเป็นคนเริ่มเปิดฉากต่อสู้กับมู่พ่านซาน?!
เพลิงเหมันต์สงัดบนร่างกายของเขาถูกใช้ไปแล้วกว่าครึ่ง เพียงแค่ต่อสู้กับมู่พ่านซานในเวลาหนึ่งถ้วยชา
เพลิงเหมันต์สงัดบนร่างกายของเขาก็เกือบหมดลงอย่างสมบูรณ์ ในเวลานั้น ทำให้เพลิงสวรรค์เกือบจะดับลงเช่นกัน!
เมื่อเห็นว่าฉู่เชิ่งลังเลมู่พ่านซานก็รู้ว่าใกล้ได้เวลาแล้ว
เขาหันกลับมาและตวัดนิ้วเข้าหากันทันที ความว่างเปล่าถูกตัดผ่าน ที่ด้านหลังเขามีปราณกระบี่ที่ทรงพลังควบแน่นอยู่ในอากาศ
แรงกดดันอันทรงพลังปะทุขึ้นจากความว่างเปล่าแตกเป็นเสี่ยง ๆ
แรงกดดันที่เหมือนภูเขายังคงกดลงมา ตรงไปที่ร่างของฉู่เชิ่งโดยตรง
เพลิงสวรรค์บนร่างของเขาสลัวลงมากแล้ว และมันแทบจะไม่สามารถปกคลุมร่างฉู่เชิ่งไว้ได้
แรงกดดันที่ทรงพลังมาถึงตรงหน้าฉู่เชิ่ง ทันทีที่เพลิงสวรรค์ดับลง แรงกดดันที่ทำลายล้างจะโจมตีฉู่เชิ่งในทันที มันจะบดขยี้เขาให้เป็นผง!
ตูม! ตูม! ตูม!
แรงกดดันทำลายความว่างเปล่าและโจมตีฉู่เชิ่งอย่างต่อเนื่อง
เพลิงสวรรค์ของอีกฝ่ายไม่เพียงพอที่จะโต้กลับพลังของมู่พ่านซานได้ และถูกกดดันโดยพลังนี้อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากการบีบบังคับนี้ เพลิงสวรรค์จึงม้วนตัวไปรอบ ๆ ฉู่เชิ่ง
แรงกดดันที่ทรงพลังยังคงตกลงมาที่ร่างของฉู่เชิ่ง บังคับเขาจนต้องคู้ตัวลง
มู่พ่านซานยังไม่ลดละ กระบี่ที่อยู่ข้างหลังเขายังคงขยายออก และหลังจากนั้นไม่นาน มันก็ยาวหลายร้อยจั้ง
กระบี่ยาวร้อยจั้ง อยู่ในความว่างเปล่าที่แตกสลาย ราวกับการมีอยู่ของเทพเจ้า
กระบี่เคลื่อนไหวเล็กน้อย ปลายคมเล็งไปที่ฉู่เชิ่ง เจตนาของกระบี่ที่ทรงพลังก็พุ่งเป้าไปที่ฉู่เชิ่ง
โจมตี!
มู่พ่านซานออกคำสั่งด้วยเสียงต่ำ กระบี่ฟันลงมาอย่างรุนแรง
ตูม! ตูม! ตูม!
กลิ่นอายที่บ้าคลั่งแฝงตัวอยู่รอบ ๆ กระบี่ ทำลายชั้นแห่งความว่างเปล่าโดยตรง
เพียงครู่เดียว ปราณกระบี่ก็บดขยี้ความว่างเปล่ารอบตัวของฉู่เชิ่ง
กึก! กึก! กึก!
ก่อนที่ปราณกระบี่จะมาถึง พลังกระบี่ที่ห่อหุ้มด้วยปราณกระบี่ก็พุ่งเข้ามาบดขยี้เพลิงสวรรค์ที่ทรงพลังก่อนหน้านี้จนถอยร่นไป
เพลิงสวรรค์รอบ ๆ ฉู่เชิ่งเกือบจะดับลง ร่างกายของเขาไม่สามารถต้านพลังอันแข็งแกร่งนี้ได้เลย กระดูกหลายท่อนของเขาถูกบดขยี้ในทันที
พรูด!
เลือดพุ่งออกมาจากปากของฉู่เชิ่งอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกไร้พละกำลังก็พุ่งขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจของเขา
เขาเงยหน้าขึ้นมองความว่างเปล่า แรงกดดันที่ราวกับทลายสวรรค์ถล่มปฐมก็ยังคงกดลงมาอย่างต่อเนื่อง
หากไม่มีการปกป้องจากเพลิงสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยืนหยัดภายใต้แรงกดดันเช่นนี้
ในเวลานี้ฉู่เชิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น ทำไมเขาถึงหุนหันพลันแล่นและลงมือก่อน
และใช้เพลิงเหมันต์สงัดของตนจนเกือบหมด แล้วเขาจะฟื้นฟูเพลิงสวรรค์อย่างไรดี?!
แต่ครุ่นคิดในตอนนี้ก็ไร้ความหมาย ฉู่เชิ่งเงยหน้าขึ้นมองมู่พ่านซานในความว่างเปล่า
เสื้อผ้าของอีกฝ่ายพลิ้วไปมา กระบี่พุ่งไปรอบ ๆ เขามองไปที่ฉู่เชิ่งราวกับกำลังมองมดตัวหนึ่ง!
“ฉู่เชิ่ง เจ้ากล้าขโมยเพลิงสวรรค์จากราชวงศ์ฉวนจง เจ้าสมควรตาย!”
มู่พ่านซานเหยียดนิ้วออก และพลังวิญญาณโดยรอบยังคงน่าสะพรึงกลัว ฝ่ามือขนาดใหญ่เหนือความว่างเปล่ากดลงบนกระบี่กลางอากาศ
เมื่อมู่พ่านซานกดฝ่ามือลง กระบี่ที่อยู่กลางอากาศก็ขยับ
ตูม! ตูม! ตูม!
อากาศถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ เมื่อความว่างเปล่าแตกเป็นเสี่ยง ๆ หลุมดำขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา กลืนกินสิ่งต่าง ๆโดยรอบ
ฉู่เชิ่งยังคงไม่สามารถยืนตัวตรงได้ภายใต้แรงกดดันจนทำให้เขาเกือบจะคุกเข่าบนพื้น
“ฉู่เชิ่ง หยุดดิ้นรนได้แล้ว! ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตของเจ้าจะต้องทิ้งไว้ที่นี่!”
เสียงของมู่พ่านซานเหมือนกับเทพแห่งความตายเอ่ยคำประกาศิต ตัดสินความตายที่กำลังจะมาถึงของฉู่เชิ่ง!
“ฮึ”
จู่ ๆ ฉู่เชิ่งก็เยาะเย้ยด้วยสายตาดูถูกเล็กน้อย
เขาเงยศีรษะขึ้น และทวารทั้งเจ็ดของเขาก็ถูกแรงกดดันนี้กดดันจนเลือดออก
แต่ไม่มีร่องรอยของความกลัวในดวงตาของเขา “มู่พ่านซาน เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้จริง ๆ หรือ”
ทันใดนั้นดวงตาของฉู่เชิ่งก็แข็งทื่อ และสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึม
“เพลิงสวรรค์ผลาญภพ!”
“เพลิงสวรรค์! จงปรากฏ!”
ทันทีที่คำพูดจบลง เปลวไฟก็พุ่งออกมาจากด้านข้างของฉู่เชิ่งอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายที่ต่างออกไปห่อหุ้มร่างของฉู่เชิ่งพร้อมกับเปลวไฟก่อนหน้า
เปลวไฟเหล่านี้เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด เดี๋ยวสว่างไสว เดี๋ยวหรี่ลง
เปลวไฟแต่ละชนิดดูเหมือนจะควบแน่นเปลวไฟทั้งหมดในโลกนี้ไว้ที่นี่
พรืบ! พรืบ! พรืบ!
จู่ ๆ ก็มีลมแรงพัดมา กระแสลมกระโชก ทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน
นอกซากปรักหักพังวิหคเพลิง กลิ่นอายหนึ่งพุ่งตรงไปยังท้องฟ้า
หมู่เมฆเหนือสวรรค์ทั้งเก้ารวมตัวกัน ราวกับเมฆที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ แสงสีเข้มและฉูดฉาดฉายสะท้อนบนก้อนเมฆ
เสียงของพลังแห่งวิถีดังขึ้น ราวกับว่าที่ห่างออกไปนอกสวรรค์ทั้งเก้า มีเซียนกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง
ในซากปรักหักพัง เปลวไฟรอบ ๆ ฉู่เชิ่งแบกรับแรงกดดันทั้งหมดของมู่พ่านซานไว้
รอบ ๆ ตัวเขา มีอักขระแปลก ๆ กระจายอยู่ แต่ละอักขระมีเปลวไฟลุกโชน
“วิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพ?!”
มู่พ่านซานหรี่ตาเล็กน้อยและพูดชื่อเคล็ดอัคคีที่ฉู่เชิ่งใช้
ที่ก้นบึ้งของหัวใจเขาพลันรู้สึกแปลกประหลาดมากขึ้น
เคล็ดอัคคีนี้หาใช่สิ่งธรรมดาไม่!