บทที่ 277 หอคอยสมบัติแดนมัชฌิม
บทที่ 277 หอคอยสมบัติแดนมัชฌิม
จักรพรรดินีพาลู่หยวนมาถึงห้องโถงด้านข้าง ภายในห้องโถงไม่มีผู้ใดเนื่องจากคำสั่งของจักรพรรดินี
จักรพรรดินีก้าวไปยังหน้าแผนที่ขนาดใหญ่ของแผ่นดินหยวนหงแล้วไอสองสามครั้ง
“นี่คือหอคอยสมบัติที่เจ้าต้องการ”
จักรพรรดินีชี้ไปยังแผนที่ขนาดใหญ่นั่น
ลู่หยวนตวัดกระบี่ “เปิด”
จักรพรรดินีกดที่ตำแหน่งตรงกลางแผนที่ แล้วเปลวไฟก็แผ่ออกมาจากปลายนิ้วของจักรพรรดินี
ทันทีที่เปลวไฟปรากฏขึ้น ความกดดันของจักรพรรดิยุทธ์ก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน
นี่คือเพลิงสวรรค์!
ทว่าเพลิงสวรรค์นี้แข็งแกร่งกว่าของฉู่เชิ่งมาก!
เพลิงสวรรค์ในร่างกายของจักรพรรดินีคือเปลวไฟโดยกำเนิดของทายาทสายเลือดวิหคเพลิงที่แท้จริง ซึ่งไม่เพียงมีความดุร้ายของวิหคเพลิงเท่านั้น แต่ยังมีพลังครอบงำอีกด้วย
เปลวไฟหายไปในแผนที่ทันที
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
เสียงวงล้อยักษ์หมุนดังขึ้น ผนังด้านหลังแผนที่ดินแดนหยวนหงเคลื่อนตัวช้า ๆ และอักขระสีแดงค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
กำแพงแยกจากกันและอักขระราวกับเปลวไฟที่อยู่หลังกำแพงก็กระโดดไปมาไม่หยุด
อักขระเหล่านี้เริ่มจัดเรียงและแต่ละอักขระมีพลังของเพลิงสวรรค์แห่งจักรพรรดิฉวนจง
หากมีคนบุกเข้ามาโดยพลการจะต้องถูกเพลิงสวรรค์ที่อยู่ในอักขระนี้เผาแน่นอน!
จักรพรรดินีตวัดปลายนิ้ว แล้วอักขระหลายตัวก็ขยับตาม และสั่นไหวเมื่ออยู่ภายใต้การจัดเรียงของจักรพรรดินี
เมื่อจักรพรรดินีวางมือ เส้นสีแดงสายแล้วสายเล่าก็พุ่งออกมาจากระหว่างอักขระที่ปกคลุมกำแพงเชื่อมต่อกับอักขระทั้งหมดโดยรอบ และค่ายกลที่ซับซ้อนก็ปรากฏขึ้น
ลู่หยวนกวาดตาไปยังค่ายกลและลอบถอนหายใจ
เขาก็มีพรสวรรค์ในการสร้างค่ายกลยันต์เป็นพิเศษ แม้แต่ค่ายกลที่ซับซ้อนซึ่งระบุว่าเป็นวิชาต้องห้าม ก็ยังอนุมานได้ภายในไม่กี่ลมหายใจและเริ่มสลักมันได้
แต่ค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าดูจะหยุดนิ่ง ทว่าในความเป็นจริงแล้ว อักขระแต่ละตัวมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และไม่มีทางทำซ้ำได้ในระยะเวลาอันสั้น
สำหรับเขาหากไม่ได้ใช้งานระบบ เกรงว่าคงใช้เวลาหนึ่งชั่วยามในการอนุมานให้เสร็จ จึงสลักซ้ำอีกครั้งได้
หากคนอื่นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของลู่หยวน เกรงว่าจะอาเจียนเป็นเลือด
ต้องรู้ว่าค่ายกลนี้เป็นอักขระที่แข็งแกร่งที่สุดในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม และค่ายกลต้องห้ามเหล่านั้นไม่อาจเทียบได้!
ผู้มีประสบการณ์ด้านค่ายกลยันต์บางคนอาจไม่สามารถอนุมานได้เลยสักครั้งตลอดชีวิต!
ลู่หยวนผู้นี้กลับอนุมานได้ภายในหนึ่งชั่วยาม พรสวรรค์ในการสร้างค่ายกลยันต์ระดับนี้ แทบจะบดขยี้ผู้ฝึกยุทธ์ค่ายกลยันต์ทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงได้!
จักรพรรดินีไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้ นางยังคงเปิดค่ายกลต่อไป
หลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ ค่ายกลยันต์ที่อยู่ด้านหน้าของทั้งสองคนก็ค่อย ๆ หมุน และมีแสงไฟพุ่งออกมาจากสี่ทิศของค่ายกล กวาดไปยังบริเวณโดยรอบ
ใจกลางของค่ายกลมีกระแสน้ำวนสีแดงหมุนวนไม่หยุดคล้ายกับจะดูดผู้คนเข้าไป
ลู่หยวนยันกระบี่วิถีโลกาที่หลังของจักรพรรดินี “ฝ่าบาท ไม่สู้ท่านไปสำรวจทางให้ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ก่อนสักก้าว?”
จักรพรรดินีปรายตามองบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่สองสามอึดใจ จากนั้นก็ยิ้มทันที หลังจากรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ราวกับเทพธิดาของนาง ความน่าเกรงขามและความเยือกเย็นตามปกติก็สลายไป โลกทั้งใบก็ดูจะมืดมัวสูญเสียสีสัน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กล้าปล้นข้า แต่กลับไม่กล้าก้าวเข้าไปก่อน แล้วยังต้องการให้ใครสักคนเป็นผู้นำ?”
จักรพรรดินีเลิกคิ้วราวกับหยอกล้อ “จุ๊ ๆ ๆ หากคนนอกรู้เข้า ชื่อเสียงของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เกรงว่าจะเสียหายแล้ว”
ลู่หยวนเย้ยหยัน “ฝ่าบาทอย่าเสแสร้ง อย่าคิดว่าข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ อักขระทั้งหมดของท่านล้วนบรรจุเพลิงสวรรค์ แม้ค่ายกลจะถูกจัดวางแล้ว และเส้นทางสู่หอคอยสมบัติเปิดแล้ว ทว่าอักขระเพลิงสวรรค์ที่ไม่ชอบมาพากลก็ไม่มีเจตนาจะหยุดเลยนี่”
“เฮ้อ… การติดตั้งค่ายกลนี้หากมิใช่ผู้ที่มาจากเผ่าจักรพรรดิฉวนจงของท่าน คงจะถูกเผาด้วยเพลิงสวรรค์นี้ละสิ!”
จักรพรรดินีกลั้นยิ้มของนาง มองบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ
ลู่หยวนจัดการได้ยากกว่าที่นางคาดคิด!
ทว่าสิ่งต่าง ๆ มาถึงจุดนี้ จึงมีเพียงพาบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เข้าไปในค่ายกลก่อนเท่านั้น และที่เหลือก็ทำได้แค่คอยจังหวะลงมือแล้ว!
จักรพรรดินีหันกลับมาและเดินสองสามก้าวไปทางค่ายกล
หึ่ง!
ตามที่คาดไว้ อักขระที่อยู่รอบ ๆ ค่ายกลสั่นสะเทือน และแสงไฟก็พุ่งทะลุเมฆ จักรพรรดินีจึงหยุดฝีเท้า
จากยอดค่ายกล อักขระก็ตกลงมาบนหน้าผากของจักรพรรดินี หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลำแสงก็ลุกเป็นไฟและหายไปในชั่วพริบตา
อักขระที่สั่นไหวเหล่านั้นหยุดลง และทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ มีเพียงกระแสน้ำวนที่อยู่ใจกลางค่ายกลเท่านั้นที่ยังหมุนอยู่
จักรพรรดินีก้าวไปที่ค่ายกล ลู่หยวนก็ตามหลังไปติด ๆ
เห็นแสงไฟริบหรี่ และสิ่งปลูกสร้างที่วิจิตรงดงามและหรูหราแต่เดิมพังทลายลง แทนที่ด้วยความแห้งแล้ง
ลู่หยวนยืนอยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง และจักรพรรดินีที่อยู่ข้าง ๆ เขากระแอมไอเล็กน้อย
เขากวาดตามอง แต่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นและไม่มีอะไรอยู่ในสายตา
หากคนอื่นมาเห็นที่นี่ ต้องคิดว่าจักรพรรดินีกำลังโกหก
แต่ทันใดนั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ้ม “ราชวงศ์ฉวนจงของพวกท่านน่าสนใจนัก ไม่คาดคิดว่าจะออกแบบค่ายกลได้แยบยลเช่นนี้”
จักรพรรดินีไม่แยแสและไม่เอ่ยคำใด ดูราวกับจะอ่อนแรงมาก
นับตั้งแต่ลู่หยวนก้าวเข้ามาที่นี่ก็พบว่าทุกอย่างแห้งแล้ง แต่ก็คล้ายกับตอนที่เข้าสู่อาณาจักรลับมาก
ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิดสถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเก้าวิหคเพลิง!
ถึงอย่างไร ซากปรักหักพังวิหคเพลิงในอาณาจักรลับก็ไม่มีอะไรอื่นนอกจากแท่นบูชา ซากปรักหักพังวิหคเพลิงนี้มีมานานหลายปีแล้ว จึงไม่มีทางมีเพียงสิ่งปลูกสร้างเดียว
ลู่หยวนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก เมื่อเขาเข้าสู่อาณาจักรลับ ตอนนี้ดูเหมือนจะมีคนจงใจแบ่งอาณาจักรลับเป็นหลายส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ในหอคอยสวรรค์ประทานและอีกส่วนอาจอยู่ในซากปรักหักพังแห่งอื่น
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”
จู่ ๆ จักรพรรดินีก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก ถ้าเจ้าต้องการยาลูกกลอนวิญญาณธรรมดา ๆ หรืออะไรทำนองนั้น ข้าจะพาไปหามัน”
“แต่ถ้าเจ้ามาที่นี่ตามข่าวลือและต้องการขโมยสมบัติที่ตระกูลวิหคเพลิงทิ้งไว้ เช่นนั้นก็คงหมดหวังแล้ว”
“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่เคยเห็นเลยตลอดหลายปีมานี้”
สิ่งที่จักรพรรดินีพูดนั้นเป็นความจริง ตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์ นางก็ไม่ได้มาที่นี่บ่อยนักเนื่องจากเหตุผลทางร่างกาย และจากคำอธิบายของราชาฉวนจงองค์ก่อน ๆ ไม่มีของพวกนั้นดังที่ข่าวลือจริง ๆ
แต่ยังสามารถพบสมบัติทั่วไปได้
ลู่หยวนขี้เกียจเกินกว่าจะรู้ว่าสิ่งที่จักรพรรดินีพูดนั้นจริงหรือไม่ จึงโบกมือ “ไม่จำเป็น บุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าหาเองได้!”
“ระบบ ตรวจสอบทุกอย่างในบริเวณนี้และแสดงแผนที่ให้ข้าได้หรือไม่?”