บทที่ 278 ซากปรักหักพังของชนเผ่า
บทที่ 278 ซากปรักหักพังของชนเผ่า
[ระบบกำลังค้นหา โปรดรอสักครู่!]
จักรพรรดินีที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทีที่ผิดปกติของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่อย่างชัดเจน เพราะแม้แต่นางก็ยังไม่เข้าใจค่ายกลนี้ เขาจะเข้าใจในเวลาเพียงสั้น ๆ ได้อย่างไร
จักรพรรดินีไอสองสามครั้ง และหรี่ตาลงอย่างอ่อนแรง
หลังจากหลายลมหายใจผ่านไป เสียงของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[ค้นหาเสร็จสิ้น! ต้องการแลกเปลี่ยนค่าชะตาวายร้าย 5,000 แต้มเพื่อทราบตำแหน่งหรือไม่!]
ลู่หยวนพูดทันที “แลกเปลี่ยน!”
[แลกเปลี่ยนสำเร็จ!]
[ค่าชะตาของวายร้ายลดลง 5,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายของท่านในปัจจุบัน 20,000 แต้ม!]
ทันทีที่สิ้นเสียงของระบบ แผนที่อันพร่ามัวก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
มีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เห็นแผนที่นี้ได้!
แสงสีแดงสะดุดตาปรากฏขึ้นบนแผนที่เป็นอย่างแรก และในชั่วพริบตาต่อมา แสงสีแดงดวงเล็กก็ปรากฏขึ้นรอบ ๆ ร่างของลู่หยวน
จุดสีแดงหมายถึงตำแหน่งในปัจจุบันของเขา!
จากนั้นคลื่นพลังรอบ ๆ แสงสีแดงก็แผ่ออกไปอย่างรวดเร็วและสิ่งปลูกสร้างที่สะดุดตาก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนแผนที่
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือจุดแสงสีทองที่ส่องสว่างอยู่ตรงกลางแผนที่
บนแผนที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีหน้าผาหินอยู่รอบ ๆ และมีเพียงจุดเดียวที่นูนออกมาเท่านั้น ซึ่งอยู่ที่ด้านบนสุดของแผนที่!
“ระบบ ตำแหน่งของจุดแสงสีทองคืออะไร?”
[ระบบแจ้งเตือน ไม่สามารถระบุได้ชั่วคราว! ท่านต้องไปสำรวจด้วยตัวเอง!]
ลู่หยวนพยักหน้า จากนั้นจึงใช้ความคิดครู่หนึ่ง เขาเห็นว่าแผนที่พร่ามัวนั้นกางออกในแนวราบ เครื่องหมายวึ่งแสดงถึงสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดบนแผนที่นูนขึ้นมา และแผนที่สามมิติก็ปรากฏขึ้น
จิ๊!
สมกับเป็นผลผลิตของระบบ!
เป็นผลผลิตชั้นยอดจริง ๆ!
เขากวาดตามองและเห็นว่าแสงสีแดงตั้งอยู่ที่ขอบแผนที่ ตามคำแนะนำของแผนที่ ในระยะทางข้างหน้าจะมีซากปรักหักพังของชนเผ่า
เมื่อเดินไปตามทิศทางนี้ ผ่านซากปรักหักพังสามแห่งและคูน้ำ ก็จะเข้าสู่พื้นที่จุดสีทองบนแผนที่ได้!
ลู่หยวนมองไปยังจักรพรรดินีด้วยรอยยิ้มมุ่งร้ายบนใบหน้า
จักรพรรดินีเพียงมองไปที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่คราหนึ่งพลันรู้สึกว่าเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นจากแผ่นหลัง
นางก้าวถอยหลังครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว คิ้วขมวดเล็กน้อย “เจ้ามองข้าเช่นนั้นทำไม?”
“ข้ารู้แล้วว่าจะไปที่ใดต่อ และขอเชิญฝ่าบาทตามไปด้วย”
จักรพรรดินีขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยิน
ราชวงศ์ฉวนจงของนางยังไม่เข้าใจสถานที่แห่งนี้จนกระทั่งตอนนี้ แล้วบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ค้นพบสถานที่ลับนั้นได้อย่างไรในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ?
อย่างน้อยถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่พบสถานที่ลับของที่นี่แล้ว
ตามลักษณะนิสัยแล้ว เขาจะกลืนสมบัติทั้งหมดของที่นี่แน่นอน แล้วเหตุใดถึงต้องชวนนางไปด้วย?
ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ!
ความระแวดระวังผุดขึ้นในหัวใจของจักรพรรดินี
ลู่หยวนย่อมคาดเดาถึงสิ่งที่จักรพรรดินีกำลังคิดอยู่ได้ เขาจึงยิ้มอย่างสดใส “ฝ่าบาทไม่ต้องมองข้าเช่นนี้ เพราะนี่คือซากปรักหักพังของเผ่าวิหคเพลิงของพระองค์ เกรงว่าคงมีสมบัติไม่น้อยอยู่ในนั้นที่ต้องการให้ฝ่าบาทเปิดมัน!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์รีบมาที่นี่ในวันนี้ ไม่ได้นำเกราะป้องกันมาด้วย หากมีอะไรเร่งด่วนเกิดขึ้น เดี๋ยวจะไม่มีสิ่งใดกำบัง แม้ว่าร่างกายของฝ่าบาทจะไม่ได้ดีนัก แต่โชคดีที่เป็นผู้สืบทอดสายเลือดวิหคเพลิง หากถึงเวลาจำเป็นคงจะสกัดลูกศรสักสองสามลูกได้กระมัง?”
สิ่งที่ลู่หยวนพูดดูจะเป็นความจริง แล้วยังมองประเมินจักรพรรดินีไม่หยุด
หากคนธรรมดาได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคงโกรธจัดและอยากจะแทงให้ตายด้วยดาบเดียว
ทว่าจักรพรรดินีเพียงเลื่อนสายตามองไปที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ และหลังจากหลายลมหายใจผ่านไป ริมฝีปากสีแดงของนางก็ยกยิ้ม “เจ้าคิดจะเข้าไปภายในสถานที่แห่งนี้รึ?”
ลู่หยวนพยักหน้า
“ตกลง ข้าจะไปกับเจ้า!”
จักรพรรดินีตกลงทันทีด้วยรอยยิ้มอันสวยงาม ราวกับว่าไม่สงสัยในตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่
ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มพลางครุ่นคิดอยู่ในใจ
ลู่หยวนพาจักรพรรดินีมาเพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของซากปรักหักพังวิหคเพลิง และสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดจะต้องเกี่ยวข้องกับเผ่าวิหคเพลิงเป็นแน่
อย่างที่ทราบกันดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถรับไปได้โดยใครก็ตามที่ไม่ได้มีโชคชะตา
ผู้มีโชคชะตาคืออะไร?!
ในบรรดาซากปรักหักพังของวิหคเพลิง หากคนที่มีสายเลือดของวิหคเพลิงไม่ใช่ผู้มีโชคชะตา แล้วจะมีใครเล่าที่มี?!
การพาจักรพรรดินีไปด้วยย่อมไม่เสียเปล่าแน่นอน!
เมื่อจักรพรรดินีได้ยินว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กำลังจะพาเข้าไปยังภายในสถานที่นี้ นางก็มีความคิดมากมายอยู่ในใจเช่นกัน
ก่อนที่ลู่หยวนจะมาที่นี่ จักรพรรดินีเชื่อว่ามันเป็นเพียงซากปรักหักพังของวิหคเพลิงธรรมดา และข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับสถานที่นี้ล้วนแทบเป็นเรื่องโกหก
ท้ายที่สุดแล้ว เผ่าวิหคเพลิงหลายชั่วอายุคนก็ไม่พบสิ่งที่อยู่ภายในซากปรักหักพังนี้หลังจากพวกเขากลับมา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลู่หยวนมาที่นี่ เพียงไม่กี่วินาทีเขาก็ท่าทางแน่วแน่ จักรพรรดินีเชื่อว่าคนผู้นี้ต้องมีแผนการอยู่ในใจ!
บางทีเขาอาจรู้แผนผังของสถานที่แห่งนี้แล้ว!
แม้จะฟังดูไร้สาระ แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรอยู่ข้างใน?!
ทว่าตั้งแต่ลู่หยวนมาถึงฉวนจง สิ่งที่ดูจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาล้วนกลายเป็นจริงทั้งหมด!
การล่วงรู้แผนผังที่นี่ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา!
และ…ถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่พานางไปพบอะไรบางอย่างจริง ๆ ถึงเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าใครจะได้ประโยชน์ในที่สุด!
เมื่อต่างฝ่ายต่างมีแผน ทั้งสองคนจึงไม่รอช้า
แม้เพลิงสวรรค์ของจักรพรรดินีจะอ่อนพลังและดูไร้เรี่ยวแรง ทว่าอาศัยอุปกรณ์วิเศษบางอย่างก็สามารถติดตามลู่หยวนได้อย่างใกล้ชิด
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งหรือสองชั่วยาม พื้นที่แห้งแล้งรอบ ๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และทรายสีเหลืองก็ค่อย ๆ จางหายไปแทนที่ด้วยแนวหิน
ทั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์และจักรพรรดินีหยุดเดิน มองไปรอบ ๆ และเห็นว่าไม่ไกล มีหินสูงชันราวกับฟันเขี้ยว และหินผาตั้งตรง ซึ่งแปลกประหลาดมาก
ลู่หยวนมองไปยังแผนที่พร่ามัวข้างกายและเห็นว่าได้มาถึงที่ตั้งของซากปรักหักพังของชนเผ่าแห่งแรกแล้ว
ซากปรักหักพังของชนเผ่าอย่างนั้นหรือ?
ลู่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ทุกอย่างที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากที่เขาคิดไว้
เพราะพื้นหินขรุขระของที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของเผ่าวิหคเพลิง!
เขาพาจักรพรรดินีไปยังแนวหิน แล้วทั้งสองคนก็ก้าวผ่านไป สายตากวาดมองทุกสิ่งรอบตัว
พวกเขาก้าวเข้าไปในบริเวณที่ลึกลงไปในเขตหิน และมองเห็นซากศพกระจายอยู่ท่ามกลางหินประหลาดเหล่านั้น
ซากศพที่นี่แตกต่างกันมาก มีทั้งมารอสูร เผ่ามนุษย์และเทพอสูร!
ซากศพเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีแขนและขา บนซากศพมีรอยแผลแปลกประหลาดมากมาย และยังมีอาวุธกระจายอยู่รอบ ๆ