บทที่ 300 ก้าวเข้าสู่ลานบ้าน ดาบยาวมังกรพลัดถิ่น
บทที่ 300 ก้าวเข้าสู่ลานบ้าน ดาบยาวมังกรพลัดถิ่น
สิ้นเสียงตะโกนอันดังสนั่น ทหารรักษาการณ์พระราชวังหลายสิบคนที่เหลือจากแดนมัชฌิมก็สะบัดง้าวแล้วตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง “ฝ่าบาทเสด็จแล้ว! ตระกูลชิวจงออกมารับเสด็จ!”
เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา
กลุ่มคนผู้ติดตามรถม้าหยกของฮ่วนซิงไป๋มา มองด้วยความตื่นเต้นอยู่ห่าง ๆ
เมื่อครู่ทหารเหล่านั้นตะโกนว่าอย่างไรนะ?!
ตระกูลชิวหรือ?!
ตระกูลชิวไหน?!
ทุกคนตกตะลึงชั่วขณะ ก่อนจะตอบสนอง
ตระกูลชิวใดที่ควรค่าให้ฮ่วนซิงไป๋มาเยือนด้วยตัวเอง?!
แน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม!
เพราะเสียงตะโกนของทหารเมื่อครู่ ทำให้ยามนี้ผู้คนที่กำลังทำธุระของตัวเองอยู่ต่างหยุดมือแล้วมารวมตัวกัน
ในหมู่พวกเขา มีหลายคนกลับไปรายงานที่บ้านของเจ้านาย เรื่องที่ตระกูลชิวมาเยือนแดนมัชฌิม
ชิวเฟิงจู้ที่กำลังเดินออกมา เมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก พลันนิ่งงันขณะสีหน้าไม่สู้ดี
ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกว่าการเชิญฮ่วนซิงไป๋มาในคราวนี้ไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คาดไว้!
แต่ในเมื่อเขามาถึงแล้ว นางจะปล่อยให้อีกฝ่ายรอไม่ได้!
ชิวเฟิงจู้นำสมาชิกตระกูลชิวจำนวนมากเดินออกจากลานบ้าน เมื่อกวาดสายตามองรอบข้าง จึงพบว่ามีค่ายกลห้อมล้อมทั้งนอกและในจุดละสามชั้น แม้แต่กระแสอากาศก็ไม่อาจเล็ดลอด
นางเห็นหลายคนจากตระกูลชั้นสูงปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มีบางครั้งสายตาของพวกเขาก็สบกัน
ทันทีที่พวกนางปรากฏตัวก็มีหลายคนที่แยกย้ายกัน พวกเขาต้องกลับไปรายงานข่าวให้เจ้านายทราบ
เกรงว่าไม่ถึงสิบห้าอึดใจ พวกนางก็ตกเป็นเป้าสายตาของทั่วทั้งแดนมัชฌิม!
เรื่องหลังจากนี้ย่อมไม่ง่ายอีกต่อไป!
ชิวเฟิงจู้สะกดความสับสนขณะจดจ่อกับรถม้าหยกที่อยู่ไม่ไกล
นางเดินไปสองสามก้าวแล้วประสานมือไปทางรถม้า “ทั้งที่ฝ่าบาทมาด้วยตัวเอง หม่อมฉันต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถมาต้อนรับล่วงหน้าได้เพคะ”
ฮ่วนซิงไป๋หัวเราะแผ่วเบาอยู่ในรถม้าหยกราวกับกำลังเล่นบางสิ่งอยู่ในมือ
“ตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? อย่าว่าแต่เรื่องที่ไม่มาต้อนรับล่วงหน้าเลย เจ้าถึงขั้นนั่งเอกเขนกรอข้ามาหาด้วยตัวเองอยู่ในห้องโถงหลัก เหตุใดจึงไม่ออกมาต้อนรับ?”
คำพูดของฮ่วนซิงไป๋เต็มไปด้วยการเย้ยหยัน ทำเอาชิวเฟิงจู้ตกตะลึงชั่วขณะ
เกิดอะไรขึ้นกับเขา?!
เหตุใดนางดูจะไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับอีกฝ่าย?!
ชิวเฟิงจู้ครุ่นคิดอย่างถ้วนถี่ก็พบว่าไม่ได้ทำอะไรผิดไป!
ก่อนนางจะทันได้เอ่ยอะไร ฮ่วนซิงไป๋ก็ลุกขึ้นแล้วก้าวลงจากรถม้าหยก
ชิวเฟิงจู้กลับมามีสติแล้วประสานมือด้วยความเคารพ คนอื่นก็ทำตามด้วยความยำเกรง
ฮ่วนซิงไป๋ไม่รอให้นางเอ่ยอะไร ก่อนนำคนตรงเข้าไปในลานบ้าน
ชิวเฟิงจู้เดินตามหลังเข้าไปข้างในเช่นกัน
“ฝ่าบาท”
ชิวเฟิงจู้ใคร่ครวญก่อนเอ่ยว่า “ตระกูลชิวพลั้งเผลอทำบางอย่างจนทำให้พระองค์กริ้วหรือเพคะ?”
นางเดาว่าอาจจะเป็นผู้น้อยในตระกูลสักคนที่บังเอิญเดินชนฮ่วนซิงไป๋โดยไม่ตั้งใจ ทำให้เจ้าเด็กคนนี้ทำตัวผิดแปลกไป
ฮ่วนซิงไป๋เดินเข้ามาในลานบ้านพลางปั้นหน้าบึ้งตึง เขาคล้ายสงสัยเกี่ยวกับโครงสร้างภายในบ้านขณะที่มองรอบข้าง โดยไม่สนใจสิ่งที่ชิวเฟิงจู้เอ่ยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ นางจึงถามอีกครั้งหลังผ่านไปครู่หนึ่ง
เมื่อฮ่วนซิงไป๋ได้ยินในครานี้ เขาก็ยังคงชำเลืองสายตามองสิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย หลังจากใคร่ครวญพักใหญ่ก็ส่งเสียงอื้มออกมา
เมื่อได้ยินดังนี้ ชิวเฟิงจู้ก็ประสานมือขึ้นทันที “ฝ่าบาทอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หากตระกูลชิวทำให้พระองค์ขุ่นเคือง ขอพระองค์โปรดเมตตา”
ฮ่วนซิงไป๋ส่งเสียงอื้มอีกครั้งพลางเอามือไพล่หลัง สายตาก็กวาดมองทั่วทั้งลานบ้านอีกรอบ
เพียงแต่มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อคล้ายเคลื่อนไหวไปมาช้า ๆ
ทว่าสายตาของคนตระกูลชิวจับจ้องไปที่อื่น จึงไม่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของฮ่วนซิงไป๋แม้แต่น้อย
ผ่านไปหลายอึดใจ เขาก็หยุดขยับมือที่อยู่ด้านหลังก่อนถือยันต์เอาไว้ ไม่ช้ายันต์แผ่นนั้นพลันหายไป
ฮ่วนซิงไป๋ไม่มองสิ่งปลูกสร้างรอบข้างอีกต่อไปแล้วเดินไปหาชิวเฟิงจู้
“ไหนเจ้าบอกข้าว่าจะให้ชมดาบมังกรพลัดถิ่น? เหตุใดจึงยังไม่นำออกมาอีก?”
ชิวเฟิงจู้ตกตะลึงกับหัวข้อที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
นางผายมือ “ฝ่าบาท เชิญทางนี้เพคะ”
เมื่อฮ่วนซิงไป๋เดินนำ ชิวเฟิงจู้ก็หันกลับไปชำเลืองมองชิวหลิง
ชิวหลิงพยักหน้าอย่างรู้งานทันที
หลังจากนั้น ชิวเฟิงจู้ก็เดินตามฮ่วนซิงไป๋เข้าไปในบ้าน ส่วนชิวหลิงตามหลังสักพักก่อนจะหยุดนิ่ง ทำให้ผู้น้อยที่เหลือหยุดตามขณะที่มองทั้งสองคนเดินห่างออกไป
หลังร่างทั้งสองหายไปจากสายตา ชิวหลิงก็มีสีหน้ามืดมนแล้วจากไปพร้อมคนที่เหลือในพริบตา
ชิวเฟิงจู้เดินตามฮ่วนซิงไป๋อย่างไม่เร่งรีบขณะที่ชวนสนทนา
หัวข้อสนทนาล้วนแต่เป็นเรื่องไร้สาระไม่สำคัญ
ความคิดของชิวเฟิงจู้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นเพราะการมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัวของฮ่วนซิงไป๋ จึงทำให้แผนการทั้งหลายต้องชะงักงันอย่างสมบูรณ์
การเคลื่อนไหวทั่วทั้งแดนมัชฌิมจำต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่!
ทาฮ่วนซิงไป๋ก็ทำภารกิจสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงไม่สนใจคำพูดของชิวเฟิงจู้ขณะที่แย้มยิ้มตลอดเวลา
เขาเพียงทำตามคำขอของลู่หยวนด้วยการมาสืบว่าตระกูลชิวอยู่ที่ไหน มีใครอยู่ข้างใน รวมถึงโครงสร้างสิ่งปลูกสร้างเป็นอย่างไร เมื่อจดจำได้หมดก็เขียนลงไปในยันต์ก่อนจะส่งให้กับเสวียนเทียนชวน!
เสวียนเทียนชวนเอ่ยว่าขอเพียงเสร็จงานนี้ ก็นับเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ลู่หยวน!
บัดนี้เขาได้สร้างผลงานโดดเด่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อให้ลู่หยวนปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลอีกต่อไป
ทั้งสองคนต่างเดินเข้าไปพร้อมกับความคิดที่แตกต่างกัน
เมื่อเปิดประตูก็พบห้องขนาดใหญ่ มีเพียงกรอบไม้จันทน์แดงสูงเท่าคนหนึ่งคนอยู่ตรงกลาง โดยมีดาบยาวในฝักวางอยู่ด้านบน
รอบดาวยาวมียันต์ซ้อนกันสามใบ เกราะป้องกันและอักขระเพื่อทำหน้าที่ปกป้อง
เรื่องที่ฮ่วนซิงไป๋ชื่นชอบดาบยาวหาใช่ความลับไม่
ตระกูลฮ่วนถึงขั้นมีห้องใต้ดินสำหรับเก็บสะสมดาบยาวเอาไว้
เขามีดาบยาวระดับจักรพรรดิสามเล่มอยู่ในการครอบครอง!
ฮ่วนซิงไป๋ชำเลืองมองฝักดาบมังกรพลัดถิ่นตรงหน้า ก่อนจะเห็นวงแสงเลือนรางปรากฏขึ้นมา
หากมองอย่างละเอียดก็จะพบว่ามีร่องรอยของเงามังกรอยู่ในวงแสงดังกล่าว!
ทันทีที่ฮ่วนซิงไป๋เห็นก็ไม่อาจละสายตาได้!
ดาบยาวมังกรพลัดถิ่นของตระกูลชิวไม่ใช่อาวุธระดับจักรพรรดิธรรมดา!
ว่ากันว่าดาบเล่มนี้คือดาบไร้คม
ดาบเล่มนี้อยู่บนโลกมานานกว่าหนึ่งหมื่นปี ผ่านมือเจ้าของมามากมาย แต่กลับไม่เคยเผยคมดาบให้เห็น
มีข่าวลือว่าหากมังกรพลัดถิ่นเผยคมดาบ เสียงคำรามของมังกรจะดังสนั่น ตามด้วยพลังมังกรอันมหาศาล จนบังเกิดความน่าเกรงขาม!
ฮ่วนซิงไป๋ยิ่งตื่นเต้นเมื่อคิดถึงตรงนี้!
เมื่อชิวเฟิงจู้ผู้อยู่ข้างกายเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก็รู้ทันทีว่าถึงเวลาที่นางต้องลงมือแล้ว
นางดึงยันต์รอบข้างแล้วหยิบดาบยาวมังกรพลัดถิ่นขึ้นมา วางไว้ในมือของอีกฝ่ายพลางเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ดาบเล่มนี้ไม่ใช่ของธรรมดา เชิญพระองค์ทัศนาได้เต็มที่เพคะ”
ฮ่วนซิงไป๋ก็ไม่เกรงใจขณะหยิบจับดาบยาวในมือ
ชิวเฟิงจู้รอสักพักก่อนจะเอ่ยว่า “หม่อมฉันใคร่รู้ว่าฝ่าบาทสนิทกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่หรือไม่?”