บทที่ 307 หลิงอวิ๋นปรากฏตัว
บทที่ 307 หลิงอวิ๋นปรากฏตัว
หลิงอวิ๋นยืนอยู่บนท้องนภาโดยมีหอกอยู่ด้านหลัง ชุดสีแดงของนางพลิ้วไหวตามสายลมราวกับเมฆอัคคี
กอปรกับอากาศเย็นเยือกน่าขนลุก ยิ่งทำให้รูปลักษณ์ดูอ่อนเยาว์ประหนึ่งเซียนจุติมาสู่โลก จนผู้คนไม่กล้าเหลือบมองมากเกินไป
แม้ชิวเฟิงจู้จะติดต่อกับตระกูลหลิงไม่มาก แต่นางยังคงรู้จักชื่อของหลิงอวิ๋นผู้เป็นประมุขน้อยแห่งตระกูลหลิง ซึ่งเคยพบหน้ากันสองสามครั้ง
“หลิงอวิ๋น เจ้าทำแบบนี้เพื่ออะไร?!”
แม้ชิวเฟิงจู้เต็มไปด้วยโทสะ แต่เมื่อเหลือบมองสิ่งที่หลิงอวิ๋นถืออยู่ นางก็พอจะคาดเดาบางอย่างได้ ทำให้เก็บพลังกลับไปบางส่วน
สิ่งที่อยู่ในมือถูกห่อด้วยเศษผ้า ด้านล่างของมันคล้ายกับเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวบางอย่าง ซึ่งทั้งเหนียวและมีสีเข้ม
จิตสังหารของหลิงอวิ๋นรุนแรง หรือว่า…
ชิวเฟิงจู้หรี่ตาแล้วเริ่มคิดหามาตรการตอบโต้อยู่ภายในใจ
หลิงอวิ๋นผู้อยู่เหนือท้องนภาคร้านเกินกว่าจะพูดจาเหลวไหล ก่อนจะโยนสิ่งที่อยู่ในมือลงมาตรงหน้าอีกฝ่าย
เมื่อสิ่งนั้นกำลังจะสัมผัสพื้น ก็มีกลิ่นอายระเบิดซัดเข้าใส่
สิ้นเสียง ‘ปัง’ สิ่งนั้นก็กลิ้งไปตามพื้น เศษผ้าที่ห่อไว้ได้คลายออก แล้วศีรษะมนุษย์ชุ่มโลหิตก็ปรากฏแก่สายตาทุกคน!
ใบหน้าของเขาซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้าง ยามนี้มันกลิ้งมาอยู่ในองศาที่จับจ้องมายังชิวเฟิงจู้พอดี
คนที่ยืนอยู่ด้านข้างโคจรการบ่มเพาะ ก่อนจับจ้องศีรษะบนพื้น
“นะ…นี่มันผู้อาวุโสเก้าแห่งตระกูลหลิง หลิงเทาไม่ใช่หรือ?! ไม่ใช่ว่าข้าเพิ่งเจอเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือ? เหตุใดวันนี้เขาถึงตายได้?”
“หลิงเทาตายแล้วงั้นหรือ?! หลิงอวิ๋นมาหาพร้อมโทสะเช่นนี้ หรือว่าความตายของเขาจะเกี่ยวข้องกับตระกูลชิว?!”
“หากเกี่ยวโยงกันจริง เกรงว่าจะเกิดการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลนี้!”
ชิวเฟิงจู้ตกตะลึงเมื่อเห็นศีรษะมนุษย์ แต่นางรีบสะกดอารมณ์ไว้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
คนผู้นี้หาใช่คนแปลกหน้าไม่ ตัวหมากที่นางทิ้งไว้ในตระกูลหลิงได้เข้าแทนที่ตัวตนของผู้อาวุโสเก้า!
ชายผู้นั้นมีความระแวดระวังยิ่ง มีอุบายมากมายและเก่งกาจในการเปลี่ยนรูปลักษณ์
เขาน่าจะปกปิดตัวตนไม่ให้ถูกค้นพบได้ หรือต่อให้ถูกเจอตัวก็ไม่มีทางถูกทรมานเช่นนี้!
ชิวเฟิงจู้ไม่อาจตัดสินใจได้ชั่วขณะ หลังจากปรับลมหายใจสักพัก นางก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองอันชอบธรรม “หลิงอวิ๋น เจ้าโยนศีรษะของผู้อาวุโสเก้าเข้ามาในตระกูลชิวเช่นนี้ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?!”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าพวกข้าฆ่าคนผู้นี้อย่างนั้นหรือ?!”
“ตระกูลชิวของข้าไม่เคยติดต่อกับตระกูลหลิงก่อนจะมาที่แดนมัชฌิม!”
หลิงอวิ๋นก้มมองลงมาจากท้องนภาแล้วเอ่ยอย่างสงบ “จะรีบร้อนไปไย ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าพวกเจ้าเป็นคนฆ่า?”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของชิวเฟิงจู้แทบหยุดเต้น นางไม่อาจเข้าใจได้ว่าหลิงอวิ๋นตั้งใจจะสื่ออะไร
อากาศข้างกายหลิงอวิ๋นพลันสั่นไหว ก่อนร่างหนึ่งจะก้าวออกมา
คนผู้นั้นสวมชุดหรูหรา ไว้เคราสีเทา หลังเหยียดตรง
ดวงตาของทุกคนเบื้องล่างเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างนั้น
“นะ…นี่มันหลิงเทาไม่ใช่หรือ?! แล้วศีรษะข้างล่างเป็นของใคร?!”
ผู้ชมต่างตกตะลึงเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคนที่อยู่ข้างหลิงอวิ๋นไม่ต่างจากศีรษะที่อยู่ด้านล่าง!
“ท่านประมุขน้อย”
หลิงเทาประสานมือเพื่อแสดงความเคารพหลิงอวิ๋น
หลิงอวิ๋นส่งเสียงอื้มขณะมองชิวเฟิงจู้ จากนั้นพ่นลมออกทางจมูกอย่างเย็นชา “ชิวเฟิงจู้ เจ้าคิดหรือว่าจะบดบังฟ้าได้ด้วยมือข้างเดียว?!”
“เหอะ… ครั้งนี้ตระกูลชิวถือว่าทำได้ไม่เลว หลังจากลอบเข้ามาในแดนมัชฌิมไม่ทันไร พวกเจ้าก็สอดมือมายุ่งกับตระกูลหลิง อยากเอาแมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชายอย่างนั้นหรือ?! คิดหรือว่าไม่มีใครอยู่ในตระกูลหลิง?!”
หลิงอวิ๋นตะโกนขณะที่เจตจำนงหอกพุ่งขึ้นสู่สวรรค์ ทำให้ท้องนภามืดมิด
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องทั่วสวรรค์ทั้งเก้า หมู่เมฆสีดำพลันเคลื่อนตัวอย่างบ้าคลั่งพร้อมสายลมอันแรงกล้า
แรงกดดันหาใดเปรียบของเจตจำนงหอกเคลื่อนลงมาสู่ปฐพี ก่อนจะปกคลุมเกือบทั่วทั้งแดนมัชฌิม
ทันทีที่ผู้ชมเห็นสายลมและหมู่เมฆเคลื่อนตัว พวกเขาต่างโคจรการบ่มเพาะเพื่อหนีห่างออกไป
ส่วนศิษย์ในตระกูลบางส่วนที่มาสืบว่าเกิดอะไรขึ้นตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่างสังเวยอาวุธวิเศษเพื่อปกป้องตัวเอง ก่อนยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนิ่งงัน!
เห็นได้ชัดว่าชิวเฟิงจู้ถูกเปิดโปงแล้ว แต่กลับไม่มีท่าทีแตกตื่น
แม้นางจะไม่ทราบว่าตระกูลหลิงค้นพบตัวหมากลับได้อย่างไร แต่ถ้ายอมรับว่าเป็นฝีมือตระกูลชิว แล้วตระกูลอื่นจะปล่อยพวกเขาได้อย่างไร?!
ตระกูลชิวอยู่ในสภาพกระอักกระอ่วนแล้ว ถ้าไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกทุบตีก็เท่ากับยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตระกูลอื่น!
ชิวเฟิงจู้กัดฟัน ต่อให้ต้องถูกทุบตีจนตายในวันนี้ นางก็จะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด!
“หลิงอวิ๋น ถ้าเจ้ามีหลักฐานก็เอาออกมา นี่คิดจะโยนศีรษะมนุษย์แล้วพูดจาไม่มีมูล จากนั้นก็กำจัดตระกูลชิวของข้างั้นหรือ?!”
“ไม่ยอมรับหรือ?”
หลิงอวิ๋นคล้ายกับเดือดดาลขณะที่ยกมือขวา ทำให้หมู่เมฆด้านหลังแยกออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อหมู่เมฆหายไป หลุมดำก็ปรากฏขึ้น
อากาศสั่นไหวขณะที่ปราณวิญญาณถูกดูดเข้าไป จนเติมเต็มช่องว่างทั้งหมด
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงหมองหม่นและเคร่งขรึมดังขึ้นจากท้องนภา
หอกประหนึ่งขุนเขาเคลื่อนออกมาจากช่องว่างขนาดใหญ่ในอากาศ
ยามนี้แรงกดดันปรากฏขึ้น ทำให้ทุกคนที่ยังอยู่ตรงนี้รู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่อาจทำลายได้กดทับลงมาที่บ่า
โล่ที่เกิดจากการสังเวยอาวุธวิเศษของผู้คนพลันสั่นไหว พวกมันโค้งงอจนเกิดรอยแตก ราวกับจะบุบสลายทุกเมื่อหากโดนแรงกดดันเข้าไป
เท้าของชิวเฟิงจู้อ่อนกำลังทันทีที่หอกยักษ์ปรากฏ นางตั้งสมาธิ ก่อนที่พลังแห่งวิถีคุณธรรมจะปรากฏขึ้นรอบข้างเพื่อขัดขืนแรงกดดัน กระบี่ยาวลอยข้างนางสั่นไหว เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้
“หลิงอวิ๋น วันนี้เจ้าอยากเริ่มสงครามกับตระกูลชิวอย่างนั้นหรือ?!”
ชิวเฟิงจู้กำฝ่ามือก่อนกระบี่ยาวจะหายไป ทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง
จากนั้นเจตจำนงวิถีคุณธรรมก็ปรากฏขึ้น แสงสว่างพลันทะยานเข้าใส่ร่างชิวเฟิงจู้จากเมฆสีดำ ทำให้พลังรอบข้างยิ่งเพิ่มพูน!
หลิงอวิ๋นขมวดคิ้วขณะที่ยกมือขวา ปลายหอกยักษ์ซึ่งอยู่ด้านหลังนางเปล่งแสงสีทอง
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ราวกับการต่อสู้จะอุบัติขึ้นทุกเมื่อ!
ผู้คนรอบข้างต่างกางโล่ขึ้นป้องกัน สายตาของพวกเขายังคงจับจ้องที่เดิมไม่ไปไหน
สถานะของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมคืออะไร?!
ถึงแม้ตระกูลนี้จะไม่ค่อยเคลื่อนไหวเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไหนก็ยังต้องไว้หน้าอีกฝ่าย!
ส่วนสถานะของตระกูลหลิงในแดนมัชฌิมก็ไม่ต้อยต่ำ อีกทั้งหลิงอวิ๋นยังอยู่จุดสูงสุดของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แม้จะมีศิษย์ไม่มาก แต่หนึ่งในนั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่ในแดนเหนือนามว่าลู่หยวน!
หากทั้งสองต่อสู้กัน เช่นนั้นทั้งสามตระกูลก็จะเข้ามาพัวพัน
เรื่องนี้… ดูท่าจะจบไม่สวยเสียแล้ว!