บทที่ 308 หลิงอวิ๋นขอโทษ
บทที่ 308 หลิงอวิ๋นขอโทษ
จิตวิญญาณในการต่อสู้ของทั้งสองคนทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อกำลังจะปะทุ หลิงเทาผู้อยู่ข้างกายพลันประสานมือทำความเคารพหลิงอวิ๋นแล้วเอ่ยอย่างเนิบช้า “ประมุขน้อยอย่าเพิ่งโมโหไป พวกเรายังต้องถามเรื่อนี้ให้แน่ชัดเสียก่อน”
หลิงอวิ๋นขมวดคิ้วแน่นขณะที่ชำเลืองมองหลิงเทา คำพูดของนางเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “เจ้ายังจะถามอะไรอีก? เคล็ดวิชาลับเปลี่ยนรูปลักษณ์นี้ ต่อให้ควานหาทั่วทั้งแผ่นดินก็มีอยู่ไม่มาก!”
“ผู้อาวุโสในตระกูลชิวเก่งกาจด้านนี้ไม่ใช่หรือ?!”
“ตระกูลชิวส่งคนกลุ่มใหญ่มาที่แดนมัชฌิมอย่างเงียบเชียบ พวกเขาต้องแอบทำบางอย่างไม่ผิดแน่! หากไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนช่างสังเกต สุนัขพวกนี้คงฆ่าเจ้าไปแล้ว!”
หลิงอวิ๋นเอ่ยอย่างเฉยเมย สิ่งที่นางกำลังจะสื่อก็คือตระกูลชิวลอบแทรกแซงผู้อื่นพร้อมกับแผนการใหญ่โต!
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ตระกูลอื่นจะต้องสงสัยในตัวอีกฝ่าย ถึงตอนนั้น ตัวหมากจำนวนมากก็จะถูกทำลาย!
ถึงแม้ตัวหมากพวกนี้จะเป็นนักรบที่ตายไปแล้ว แต่พวกมันจะไม่มีวันทำให้ตระกูลชิวแปดเปื้อน แต่เมื่อความสงสัยก่อตัวขึ้นก็ยากจะกำจัดได้!
ชิวเฟิงจู้ชำเลืองมองรอบข้าง ทำให้เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของศิษย์จากตระกูลทั้งหลาย บางคนถึงขั้นหลุบตาราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ยามนี้ผู้อาวุโสเก้าหลิงเทาขมวดคิ้วขณะคำนับต่อหลิงอวิ๋น “ขอบคุณประมุขน้อยที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
สิ้นคำ เขาขยับเข้าไปกระซิบใกล้หูนาง
สีหน้าของหลิงอวิ๋นเปลี่ยนไป
หลังจากสิ้นคำ หลิงเทาก็ถอยหลังแล้วเอ่ยอย่างสงบ “ประมุขน้อยโปรดใคร่ครวญเรื่องนี้ให้ถ้วนถี่ด้วย”
หอกยักษ์ซึ่งเคลื่อนลงมาจากท้องนภาพลันหยุดนิ่ง แสงที่ปลายหอกก็เริ่มหมองหม่น
หลิงอวิ๋นลดมือขวา ก่อนคิ้วที่ขมวดเป็นครั้งคราวจะคลาย
ผ่านไปสักพัก นางก็ก้มมองชิวเฟิงจู้ “มีวิธีพิสูจน์หรือไม่ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนของเจ้า?”
ท่าทีของหลิงอวิ๋นเปลี่ยนไปมากจนทำให้ชิวเฟิงจู้สับสน นางจึงชำเลืองมองหลิงเทาผู้ยืนอยู่ข้างกายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
มุมปากของอีกฝ่ายยกยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
ยามนี้ ชิวเฟิงจู้พลันตกตะลึง นางคล้ายกับรับรู้ถึงบางอย่างในใจ
หรือว่า…
คนที่ยืนอยู่ข้างหลิงอวิ๋นคือตัวหมากของตระกูลชิว ส่วนศีรษะบนพื้นเป็นของหลิงเทาตัวจริงงั้นหรือ?!
ชิวเฟิงจู้มองหลิงเทาก่อนจะเห็นเขาขยิบตาเล็กน้อย ราวกับเป็นการตอบคำถามในใจ
นางประหลาดใจระคนยินดีเมื่อได้รับคำตอบนั้น!
ตัวหมากนี้ไม่เลว!
สมกับเป็นบุตรลับในตระกูล!
บัดนี้เขาตายไปแล้ว ต่อให้ไม่ใช่ตัวจริงก็ถือว่าเป็นตัวจริง!
สิ่งที่ต้องทำก็คือช่วยคนผู้นี้!
ชิวเฟิงจู้รู้สึกมั่นใจเช่นกัน ก่อนหันหน้าไปทางหลิงอวิ๋นแล้วเอ่ยเสียงดัง “ข้าย่อมมีวิธีพิสูจน์!”
“เพียงแต่ว่า… ประมุขน้อยหลิง การที่เจ้าบุกรุกจวนตระกูลชิวเช่นนี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ! หากพิสูจน์ได้ว่าคนผู้นี้ไม่ได้มาจากตระกูลข้า เจ้าจะชดใช้อย่างไร?!”
หลิงอวิ๋นเอ่ยเสียงเด็ดขาด “ถ้าเขาไม่ได้มาจากตระกูลชิว ข้าก็พร้อมที่จะขอโทษ!”
“ดี!”
ชิวเฟิงจู้ตอบรับทันที จากนั้นเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวจนมาอยู่ด้านข้างศีรษะที่ตกลงมา แล้วเหยียดข้อมือ “ทุกคนในตระกูลชิวต่างมีวิถีคุณธรรม หากเขาเป็นสมาชิกของตระกูลข้าจริง เลือดในกายของเขาจะต้องตอบสนองกับข้า!”
สิ้นคำ นางหยิบดาบเล่มเล็กออกมากรีดที่แขน ทำให้โลหิตสีแดงใสไหลรินลงสู่พื้น ศีรษะเบื้องล่าง ทว่ากลับไม่มีการตอบสนอง
ผ่านไปหลายอึดใจ ชิวหลิงผู้ยืนอยู่ด้านข้างมาพักใหญ่ จึงก้าวมาข้างหน้าแล้วสะบัดแขนเสื้อ ก่อนจะยกดาบขึ้นกรีดแขนเช่นกัน ทำให้โลหิตไหลรินลงสู่พื้น
วิ้ง!
กลิ่นอายลับสั่นไหวจากชิวหลิงและชิวเฟิงจู้ จากนั้นโลหิตที่หยดลงสู่พื้นก็บิดเบี้ยวไปมา ก่อนจะม้วนตัวแล้วหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
“ประมุขน้อยหลิงเห็นแล้วใช่หรือไม่?! คนของตระกูลชิวจะตอบสนองเช่นนี้!”
“ส่วนศีรษะที่เจ้านำมาที่นี่ ไม่ได้เป็นของคนตระกูลพวกข้า!”
น้ำเสียงของชิวเฟิงจู้เย็นชา โลหิตบนแขนหยุดไหลแล้ว นางลดแขนเสื้อก่อนที่พลังแห่งวิถีคุณธรรมจะหายไป
ผลการทดสอบนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ทุกคน จึงไม่อาจปฏิเสธได้
สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปยังหลิงอวิ๋นผู้เป็นประมุขน้อยแห่งตระกูลหลิงเพียงผู้เดียว นางบอกเองว่าพร้อมที่จะขอโทษหากตระกูลชิวพิสูจน์ตัวเองได้!
จุ๊ ๆ… วันนี้ตระกูลหลิงขายขี้หน้าเสียแล้ว!
สายตาของชิวเฟิงจู้ร้อนผ่าวขณะจับจ้องอีกฝ่ายและไม่ลืมเหลือบมองไปทางหลิงเทาสองสามครั้ง ซึ่งเขามีสีหน้าสงบเสงี่ยมราวกับไม่ได้มีความข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
นางจึงยิ่งมั่นใจว่านี่คือตัวหมากลับประจำตระกูล!
ในสายตาของทุกคน ใบหน้าของหลิงอวิ๋นผู้อยู่บนท้องนภาหมองหม่นราวกับกำลังหงุดหงิดบางอย่าง
ผ่านไปหลายอึดใจ นางเม้มริมฝีปากด้วยความไม่เต็มใจ ก่อนจะประสานมือด้วยความเคารพไปทางชิวเฟิงจู้ “เป็นความผิดของข้าเองที่ทำตัวหุนหันพลันแล่นในวันนี้ หวังว่าตระกูลชิวจะไม่โกรธแค้นต่อกัน”
ชิวเฟิงจู้ย่อมทำทีตามน้ำไป พลังส่วนหนึ่งได้กวาดออกไปเพื่อกดแขนของหลิงอวิ๋นลง “เป็นธรรมดาที่จะโกรธเมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในตระกูล ข้าเข้าใจดี เพียงหวังว่าประมุขน้อยหลิงจะไม่กระทำการบุ่มบ่ามอีกในครั้งต่อไป หากเมื่อครู่ไม่ทันระวัง เกรงว่าทั้งสองตระกูลคงได้บาดหมางกันไม่จบสิ้น!”
หลิงอวิ๋นหลุบตาแล้วไม่เอ่ยอะไร หลิงเทาผู้อยู่ข้างกายเห็นดังนั้นก็รีบก้มหน้าแล้วเดินมาหาชิวเฟิงจู้ หลังจากทักทายพอเป็นพิธีก็แสดงความขอโทษกันยกใหญ่ ทำให้ท่าทีของตระกูลหลิงยิ่งดูตกต่ำ
ขณะที่ทั้งสองอยู่ใกล้กัน ชิวเฟิงจู้ฉวยโอกาสยัดยันต์ใส่แขนเสื้อของหลิงเทา
หลิงเทาเข้าใจก่อนพยักหน้าให้นาง จากนั้นเอ่ยสองสามคำ ก่อนจะเอาเศษผ้าพันศีรษะบนพื้นแล้วหยิบขึ้นมา
หลิงอวิ๋นมีสีหน้าหมองหม่นพลางเม้มริมฝีปาก ราวกับไม่พอใจ
เมื่อหลิงเทากลับมา ร่างของหลิงอวิ๋นก็วูบไหวก่อนจะทะยานไปทางตระกูลหลิง ส่วนเขาก็ตามหลังอีกฝ่าย
หอกยักษ์ซึ่งอยู่บนท้องนภาสูญสลายเมื่อหลิงอวิ๋นจากไป
เมฆสีดำหายไป ดวงอาทิตย์สาดส่อง แสงสว่างกลับมาอีกครั้ง
หลังจากหลิงอวิ๋นไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่คนอื่นจะต้องอยู่ต่อ ศิษย์ทั้งหลายที่ตระกูลส่งตัวมาต่างประสานมือทำความเคารพต่อชิวเฟิงจู้ ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านตนเอง
ถึงอย่างไร ประมุขยังรอให้พวกเขากลับไปรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อยู่!
หลังจากทุกคนไปแล้ว ชิวเฟิงจู้ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางก้มมองโลหิตบนพื้นพลางคิดถึงศีรษะมนุษย์เมื่อครู่ จากนั้นก็ตกอยู่ในห้วงความคิด
ทันทีที่ฮ่วนซิงไป๋มาเยือน สถานการณ์ทั้งหมดก็เริ่มสั่นคลอน
ตระกูลชิวตกอยู่ในความกระอักกระอ่วน ไม่อาจรุกคืบหรือร่นถอยได้
ชิวเฟิงจู้หรี่ตา นางอยากรู้เหลือเกินว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนเรื่องทั้งหมดนี้?!
ผ่านไปหลายอึดใจ นางสะบัดแขนเสื้อก่อนจะกลับเข้าไปลานบ้าน
ชิวหลิงเดินตามกลับเข้ามาจัดการเทียบเชิญที่ห้องโถงใหญ่ต่อ หลังจากคัดแยกเรียบร้อยก็แจ้งให้ทุกคนในตระกูลชิวทราบเกี่ยวกับกำหนดการ
ไม่กี่วันต่อมา ทั่วทั้งตระกูลชิวต่างยุ่งจนตัวเป็นเกลียว…