บทที่ 323 บุตรแห่งโชคชะตา… ชิวเสวียน!
บทที่ 323 บุตรแห่งโชคชะตา… ชิวเสวียน!
จักรพรรดินีชำเลืองมองแล้ว พลันพุ่งตัวออกมา
ตู้ม!
มือสีดำที่เกิดจากพลังมารฟาดเข้าใส่โครงกระดูกของสัตว์ประหลาด ทำให้มันแตกหักและทรุดตัวอย่างรุนแรง ก่อนจะตกลงไปบนพื้นดินไร้พรมแดน!
“อะไรกัน? จิ่วเฟิ่ง เมื่อครู่เจ้าอวดอ้างว่าสามารถกวาดล้างเศษเสี้ยวจิตสำนึกของข้าได้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงไปซ่อนอยู่ในร่างของหญิงผู้นั้นเล่า?”
เสียงของราชันมารเจือไปด้วยความเย้ยหยัน “ตอนที่เศษเสี้ยววิญญาณของเจ้าเข้าสู่ร่างกาย ก็มีแต่จะเผาผลาญพลังตัวเองต่อไป แสดงว่าการสูญสลายใกล้เข้ามาแล้วสินะ!”
“ในเมื่อต้องตายอยู่แล้ว ให้เศษเสี้ยววิญญาณสูญสลายไปด้วยจะเป็นไรไป?”
จิ่วเฟิ่งถือกระบี่หนักขณะเพลิงสวรรค์ม้วนตัวอย่างบ้าคลั่ง ปราณวิญญาณทั้งหมดกำลังทะลักออกมาจากร่างของจักรพรรดินี ทำให้การสูญเสียเพลิงวิญญาณในสายเลือดได้รับการชดเชย!
จิ่วเฟิ่งมองประตูของวังโบราณ ข้างในหมองหม่นและมีปราณวิญญาณเวียนวนไปมา ส่วนพลังมารก็แผ่ซ่านไปทั่ว
“ราชันมาร บอกข้ามา หากทำลายเศษเสี้ยวจิตสำนึกของเจ้าในวันนี้ แผนการฟื้นคืนชีพอันยิ่งใหญ่ของเจ้าก็จะล่าช้าไปอีกหลายแสนปีหรือว่าจะหมดหวังกันล่ะ?”
จิ่วเฟิ่งขมวดคิ้วขณะเผยร่องรอยทะนงตัวอันไม่กลัวเกรง พลังรอบข้างกำลังแผ่ขยายเป็นชั้น ๆ ซึ่งมีศักยภาพมากพอจะทำลายสวรรค์
ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบสงัดขณะพลังมารอันไร้ที่สิ้นสุดเริ่มย้อนกลับ แล้วร่างมายาก็เดินออกจากวังโบราณ
แม้ร่างนั้นกำลังสั่นไหว แต่ไม่ว่าใครก็มองออกว่ามันคือรูปลักษณ์ของมาร
“จิ่วเฟิ่ง เจ้าอยากสู้กับข้าจนตัวตายหรือ?”
“สู้จนตัวตายหรือ?”
จิ่วเฟิ่งเย้ยหยัน “ราชันมาร ข้าอยากฆ่าเจ้ามานานแล้ว! เมื่อสามแสนปีก่อน รู้หรือไม่ว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องตายเพราะเจ้า?!”
“ทันทีที่พาหนะของเจ้าปรากฏ ข้ารู้เลยว่าต้องมีร่องรอยวิญญาณของเจ้าอยู่ในนั้นแน่ ดังนั้นข้าจึงสั่งสมพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เอาไว้ แล้วซ่อนตัวอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้เพื่อรอให้พลังมารของเจ้าปรากฏ!”
“และข้าก็เดาถูก เจ้ามันก็แค่สุนัขที่ในหัวมีแต่ความคิดชั่วร้าย! เอาแต่ค้นหาสายเลือดของสัตว์เทวะทุกหนแห่งเพียงเพื่อจะรวบรวมจิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่ขึ้นมา! เจ้ายังกล้าฝันเรื่องคืนชีพให้กับตัวเองอีกหรือ?!”
“คงดีกว่าถ้าเจ้านอนแน่นิ่งเหมือนกับศพที่ตายไปแล้ว!”
สิ้นคำ จิ่วเฟิ่งก็ยกกระบี่หนักในมือขึ้น เพียงชั่วพริบตาก็ขยายขนาดเป็นหนึ่งร้อยฉื่อ
ตู้ม!
กระบี่หนักฟาดฟันลงไปที่วังโบราณอย่างบ้าคลั่ง
ราชันมารแย้มยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนดาบใหญ่จะปรากฏขึ้นในอากาศชั่วพริบตา
พลังเย็นเยือกกระจายไปทั่วดาบ เงาของมันพลันขยายออก ก่อนทะยานเข้าหากระบี่หนักซึ่งเคลื่อนลงมาจากท้องนภา
กระบี่และดาบเข้าปะทะกันขณะที่แรงกดดันมหาศาลกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
“เหอะ…”
จิ่วเฟิ่งปล่อยกระบี่หนักในมือซ้ายพลางขยับปลายนิ้ว แล้วอักขระก็ก่อตัวขึ้นในอากาศเหนือกระบี่
เมื่อนางหยุดขยับปลายนิ้ว อักขระเหล่านี้ก็ถูกสลักลงบนกระบี่
พลังของกระบี่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เพียงชั่วพริบตา ร่างของวิหคเพลิงก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลังจิ่วเฟิ่ง ก่อนจะตรงไปที่กระบี่
กระบี่สั่นไหว เส้นโลหิตบริเวณหลังมือของนางที่จับกระบี่ไว้ปูดโปน พลันทำให้อากาศสั่นไหว
“จิ่วเฟิ่ง คิดว่าเจ้ามีร่างให้การช่วยเหลืออยู่คนเดียวหรือ?!”
เมื่อราชันมารยืนตัวตรง ร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากวังโบราณ
จิ่วเฟิ่งกวาดสายตามอง ก่อนพบว่าร่างนั้นเป็นผู้ชายอายุยี่สิบปี
เขาสวมชุดสีทอง สวมมงกุฎสีม่วงทองไว้บนศีรษะ สีหน้าสงบนิ่งประหนึ่งบุตรชายแห่งตระกูลชั้นสูง!
สิ่งที่น่าตื่นตาที่สุดคือร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังมาร
จิ่วเฟิ่งหรี่ตา “เมล็ดพันธุ์มารหรือ?!”
สายตาของลู่หยวนผู้อยู่บนพื้นจับจ้องไปที่คนผู้นั้น
เสียงของระบบดังขึ้นในใจของเขา
[แจ้งเตือนจากระบบ: ชิวเสวียนผู้เป็นบุตรแห่งโชคชะตาปรากฏตัว! ค่าโชคชะตาในตอนนี้: 90,000!]
ดวงตาของลู่หยวนทอประกายจนไม่อาจปิดบังได้
บุตรแห่งโชคชะตาที่มีค่าโชคชะตามากถึงเก้าหมื่น!
และชิวเสวียนผู้นี้… ก็มีเมล็ดพันธุ์มารเหมือนกันกับเขา!
มุมปากของลู่หยวนยกยิ้ม เขาฉวยโอกาสอันตรธานหายไปจากการปกปิดด้วยพลังมังกรทันที
ราชันมาร จิ่วเฟิ่งและชิวเสวียนผู้อยู่บนท้องนภาต่างไม่สังเกตเห็นการหายไปของลู่หยวน
ราชันมารสร้างผนึกขึ้นที่มือ จากนั้นร่างก็หายเข้าไปในตัวของชิวเสวียน
ชิวเสวียนไม่ต่อต้านเพื่อรับราชันมารเข้ามาอย่างไม่ลังเล
ผ่านไปหลายอึดใจ ดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีดำราวกับหุบเหว ซึ่งพลังมารไร้ที่สิ้นสุดกระจายไปทั่วร่าง เขามีความสุขมากที่ได้ยอมจำนนจนถึงขั้นอยากเฉลิมฉลอง
“จิ่วเฟิ่ง ตอนนี้เจ้ายังมีโอกาสชนะอยู่หรือไม่?!”
ราชันมารยังคงเย้ยหยัน จากนั้นขยับคอราวกับกำลังปรับสภาพร่างกายของชิวเสวียน
จิ่วเฟิ่งขมวดคิ้วขณะเผยสายตาจริงจัง
ตอนที่อยู่ในร่างของจักรพรรดินี นางต้องพยายามแทบตายจนถึงขั้นแผดเผาวิญญาณที่เหลือเพื่อระดมพลังในร่างของอีกฝ่าย จึงทำให้พละกำลังก้าวกระโดดจนถึงจุดสูงสุด!
หากราชันมารไม่มีร่างให้พึ่งพา ย่อมไม่มีทางสู้นางได้แน่นอน!
แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะซ่อนไพ่ตายเอาไว้!
ถึงกับมีร่างมนุษย์ผู้ครอบครองเมล็ดพันธุ์มารอยู่ในรังของมัน!
จักรพรรดินีที่นางควบคุมอยู่มีร่างกายอ่อนแอและกำลังสูญเสียเพลิงสวรรค์ ทำให้ไม่อาจเทียบกับเมล็ดพันธุ์มาร ซึ่งอยู่ตรงหน้าได้!
โอกาสที่จิ่วเฟิ่งจะเอาชนะราชันมารได้ลดลงไปกว่าครึ่งทันที!
“เหอะ…”
จิ่วเฟิ่งไม่กังวล หากสู้ไม่ได้ก็ยังมีความช่วยเหลือจากภายนอกอยู่อีกไม่ใช่หรือ?!
แม้เผ่ามังกรที่อยู่เบื้องหลังจะอ่อนเยาว์อยู่บ้าง แต่ถ้าพยายามสุดความสามารถ โอกาสชนะย่อมเพิ่มกลับคืนมา!
นางหันศีรษะแล้วตะโกนไปที่เบื้องล่าง “เผ่ามังกร มาช่วยข้า!”
ศีรษะมังกรสีทองซึ่งอยู่บนพื้นกำลังปกคลุมอูโจ้วเอาไว้ มันแผดเสียงคำรามออกมา หาได้ให้ความสนใจจิ่วเฟิ่งไม่
จิ่วเฟิ่งขมวดคิ้ว “เผ่ามังกร! ข้าคือมหาปุโรหิตของเผ่าวิหคเพลิง ถึงแม้จะไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน แต่เจ้าต้องสัมผัสถึงสายสัมพันธ์ที่เป็นของสัตว์เทวะโบราณได้อยู่แล้ว! จงมาช่วยข้า!”
วั่งไฉไม่แม้แต่จะขยับเปลือกตาขณะประจำที่ไม่ไปไหน
ภายในหัวของมันมีเพียงคำสั่งที่ลู่หยวนบอกก่อนจะไปว่า “อยู่กับที่ อย่าไปไหน”
ถ้าลู่หยวนบอกให้อยู่กับที่ เช่นนั้นมันก็จะอยู่กับที่!
จิ่วเฟิ่งอยากตะโกนเรียกอีกรอบ แต่ทันใดนั้น อากาศรอบข้างก็สั่นไหว นางจึงกลับมามีสติก่อนจะพบว่าดาบใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยพลังมารปรากฏอยู่เบื้องหน้า
จิ่วเฟิ่งถอยหลบการโจมตี
“ราชันมาร ทั้งที่ผ่านมาตั้งนาน แต่เจ้ายังทำตัวแบบนี้ ดีแต่ลอบกัดผู้อื่นไม่เว้นวัน!”
“เอาเถอะ ถึงให้คนอื่นช่วยไม่ได้ แต่ข้าก็โค่นเจ้าได้อยู่ดี!”
พลังของจิ่วเฟิ่งพลันก่อตัวขึ้น เพลิงสวรรค์ทั้งหลายก็ลุกโชนที่ด้านหลัง ก่อนเส้นสีแดงจะปรากฏตรงหว่างคิ้ว
ราชันมารยืนอยู่ในอากาศขณะถือดาบใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังมารเอาไว้
ฟู่!
เมื่อเสียงสายลมสั่นไหวดังขึ้น ปีกวิหคเพลิงคู่หนึ่งกางออกมาจากแผ่นหลังของจิ่วเฟิ่ง ทำให้ท้องนภาเป็นประกาย
เส้นตรงหว่างคิ้วนางพลันหมองหม่นไปกว่าครึ่ง
ราชันมารมองด้วยสายตาจริงจัง ทำให้ทราบว่าเส้นนี้คือวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของจิ่วเฟิ่ง
ทันทีที่ปีกวิหคเพลิงกางออก วิญญาณที่เหลืออยู่ของนางก็ถูกเผาไหม้ไปกว่าครึ่ง
จิ่วเฟิ่งพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อแลกชีวิต!