บทที่ 348 ยามประกายไฟแรกปรากฏ ตระกูลเยวี่ยจะลงมือ
บทที่ 348 ยามประกายไฟแรกปรากฏ ตระกูลเยวี่ยจะลงมือ
เมื่อสิ้นเสียง สายตาของสมาชิกตระกูลต่างจับจ้องไปที่ซุยชิงหยาง
ทั่วทั้งห้องโถงพลันตกอยู่ในความเงียบ
เมืองสามสิบแห่งคือข้อเสนอที่ค่อนข้างมาก!
มีเมืองมากกว่าเก้าสิบแห่งอยู่ในแดนมัชฌิม ซึ่งตระกูลซุยกำลังจะขอรับไว้หนึ่งในสาม!
สีหน้าของเยวี่ยตงไห่เปลี่ยนไปก่อนจะถูกระงับไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากเงียบสักพัก เขาพลันหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเดินลงมายืนอยู่ตรงหน้าซุยชิงหยาง
ซุยชิงหยางเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรงอยู่หลายอึดใจ
เยวี่ยตงไห่เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า “น้องซุย หากเจ้าต้องการเมืองมากขนาดนี้ก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่อย่างนั้นก็ยากจะโน้มน้าวผู้อื่นได้! ต่อให้ข้าเยวี่ยตงไห่ตอบตกลง แต่คนที่หนุนหลังข้าอาจจะไม่เห็นด้วย!”
ซุยชิงหยางคลี่ยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว”
สิ้นเสียง เขาก็มองอีกฝ่ายจริงจังมากขึ้น “รับรองด้วยอาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์ของพวกข้าตระกูลซุย!”
ม่านตาของทุกคนต่างหดลงเมื่อได้ยินประโยคนี้
อาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์หรือ?!
ตระกูลซุยเหมือนกับผู้อื่นตรงที่เป็นตระกูลชั้นสองในแดนมัชฌิม พวกเขาจะมีสิทธิ์พูดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับบารมีของบรรพชนกับทรัพย์สมบัติมรดกที่มี
เพียงแต่มรดกและทรัพยากรเหล่านี้ย่อมไม่มีค่าในสายตาของตระกูลใหญ่บางส่วน แต่คาดไม่ถึงว่าตระกูลซุยจะซ่อนอาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์เอาไว้!
“จริงหรือ?!”
เยวี่ยตงไห่เต็มไปด้วยความยินดีเช่นกัน
หากมีการเกื้อหนุนของอาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์ เขาย่อมมีโอกาสคว้าชัยเพิ่มมากขึ้น!
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ซุยชิงหยางขมวดคิ้วขณะยื่นมือขวาไปสัมผัสอากาศอย่างแผ่วเบา แล้วยันต์สีม่วงดำก็ปรากฏ ซึ่งบนนั้นมีตัวอักษรบางส่วนถูกบันทึกเอาไว้
ทุกคนต่างชะเง้อมองก่อนพบว่า มันคือข้อตกลงระหว่างซุยชิงหยางกับเยวี่ยตงไห่
มันคือยันต์คำสาป หากคนลงนามไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ย่อมถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ถึงตอนนั้น ต่อให้ตระกูลเยวี่ยได้รับเส้นชีพจรแห่งโชคชะตาจักรพรรดิก็จะต้องเสียมันไปเพราะทัณฑ์จากสวรรค์!
“ขอเพียงพี่เยวี่ยลงนามในยันต์นี้ ข้าจะพาไปเอาอาวุธระดับครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์มาทันที!”
เยวี่ยตงไห่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยขณะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาก่อนจะกรีดนิ้วแล้วหยดเลือดลงบนแผ่นยันต์
ยันต์สีม่วงดำส่องแสงขณะที่เลือดของเยวี่ยตงไห่อาบย้อมทั่วทั้งแผ่นยันต์!
เมื่อทั้งสองคนมองหน้ากันอีกครั้ง พวกเขาต่างมองเห็นความปรารถนาไร้ที่สิ้นสุดในดวงตาของอีกฝ่ายชัดเจน
การปรากฏของเส้นชีพจรจักรพรรดินับเป็นเหตุการณ์หายากในรอบหลายแสนปี
หลายตระกูลมั่งคั่งรุ่งเรืองจนไปอยู่จุดสูงสุดของแผ่นดินเพราะบรรพชนในอดีต แต่เพราะเหตุผลบางอย่างจึงทำให้พวกเขาตกต่ำลงอย่างมาก
พวกเขาแต่ละรุ่นแบกรับการสืบทอดตระกูลต่อไป แต่ไม่ทราบว่ามีกี่คนที่จบลงด้วยความเกลียดชัง
บัดนี้สวรรค์มอบโอกาสให้กับพวกเขาแล้ว!
ขอเพียงไขว่คว้าเส้นชีพจรแห่งโชคชะตาจักรพรรดิไว้ได้ก็จะสามารถปกครองทั่วทั้งแดนมัชฌิมได้!
ถึงตอนนั้น พวกเขาจะไม่ได้เป็นเพียงตระกูล แต่กลายเป็นราชวงศ์!
ต่อให้ผู้มีอำนาจจากทั่วหล้ามายืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ต้องประสานมือแล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาท!”
ชีวิตเช่นนี้ปรากฏขึ้นในความฝันของพวกเขานับครั้งไม่ถ้วน
เยวี่ยตงไห่ถอนสายตามามองผู้อื่น “พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร? หากยังกังวลก็หยิบยันต์ออกมาเพื่อขอให้ข้าลงนามได้!”
เขามองคนตรงหน้าพร้อมยิ้มเจื่อน แต่สายตาของเขากลับเย็นเยือก
เขาเป็นผู้เกณฑ์คนเหล่านี้มากับมือ จึงทราบถึงความคิดของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ภูมิหลังของตระกูลคนเหล่านี้คล้ายกับของตนเอง พวกเขาต่างอยู่ในสภาพไม่ก้าวหน้าหรือตกต่ำ ถึงกระนั้นก็ปรารถนาที่จะไปสู่จุดสูงสุดแล้วมองผู้อยู่เบื้องล่างด้วยความหยิ่งผยอง
ทุกคนอยากทะยานสู่ท้องนภาเพื่อเหยียบย่ำตระกูลที่เคยทำให้พวกเขาอับอาย
ในสถานการณ์ดังกล่าว คนเหล่านี้ต่างมีความทะเยอทะยาน จะไม่ให้พวกเขากังวลได้อย่างไร?!
เพียงแต่สิ่งที่คนเหล่านี้กังวลก็คือการไม่เปิดเผยฐานะมากจนเกินไป!
ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ ตระกูลใหญ่เหล่านั้นจึงไม่ทำอะไร เพราะชะตาของผู้ที่ลงมือก่อนจะต้องรับการโจมตีที่หนักหนาสาหัส!
อันตรายยิ่งใหญ่ที่สุดมักมาพร้อมกับโอกาสอันใหญ่ยิ่ง!
เยวี่ยตงไห่ต้องการทำในสิ่งที่พวกเขาไม่กล้า!
เขาเพียงอยากผลักดันตัวเองเพื่อให้ตระกูลทั้งหลายยอมก้าวมาข้างหน้า!
ถ้าเช่นนั้น เขาก็คือคนที่มีโอกาสเข้าใกล้เส้นชีพจรจักรพรรดิมากที่สุด!
ขอเพียงทำสำเร็จ ตระกูลชั้นสูงอื่นก็ทำได้แค่เจ็บใจ!
คนที่เหลือต่างลอบสนทนา พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็ตอบตกลง ส่วนคนที่เหลือส่ายหน้าก่อนจะจากไป
เยวี่ยตงไห่ลงนามยอมรับเงื่อนไขในยันต์ของอีกฝ่ายทีละใบ ทั้งยังบอกว่าจะปกครองแดนมัชฌิมร่วมกับพี่น้องทุกคน!
เขาชำเลืองมองผู้อื่นด้วยหางตาก่อนจะลอบพ่นลมออกจมูก
บุตรแห่งสวรรค์จะยอมให้ผู้อื่นมานอนบนเตียงของตนได้อย่างไร?!
เขาจะแบ่งเขตแดนหลังจากยึดครองแดนมัชฌิมได้อย่างไร?
เยวี่ยตงไห่ย่อมทราบเช่นกันว่าคนเหล่านี้กำลังคิดอะไรอยู่
พวกเขาไม่ได้ยอมจำนนจากใจจริง เพียงแต่ไม่กล้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน
ที่ยอมจำนนต่อเยวี่ยตงไห่ก็เพราะต้องการใช้ตระกูลเยวี่ยแทนธงรวมพล
ไม่ว่าธงโบกสะบัดไปที่ใด พวกเขาก็จะตามติด เมื่อทะลวงเข้าสู่วังจักรพรรดิแดนมัชฌิมสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องใช้ธงอีกต่อไป!
ถึงตอนนั้น ผู้ที่จะได้เส้นชีพจรจักรพรรดิไปครองก็ต้องตัดสินด้วยความสามารถเพียงอย่างเดียว!
เหอะ…
เยวี่ยตงไห่ลอบยิ้มในใจ คนเหล่านี้ไม่รู้เสียแล้วว่าตระกูลเยวี่ยได้ฝึกฝนกลุ่มองครักษ์ทมิฬแล้วซ่อนอยู่ในความมืดมานานแล้ว เมื่อตระกูลเหล่านี้เข้าวังจักรพรรดิเมื่อไหร่ คนของเขาก็จะออกมาโจมตีเพื่อคลี่คลายสถานการณ์!
ส่วนคำสาปยันต์น่ะหรือ?!
เขาได้ติดตั้งคำสาปพิษไว้กับตัวก่อนจะมาพบสมาชิกตระกูลเหล่านี้ หากลงนามในยันต์ เหตุต้นผลกรรมทั้งหลายก็จะตกเป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว!
เมื่อตระกูลเยวี่ยได้รับเส้นชีพจรจักรพรรดิมา พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งสิทธิ์ให้แก่ตระกูลอื่น!
ต่อให้เป็นเหตุต้นผลกรรม เยวี่ยตงไห่ก็จะเป็นคนเดียวที่ต้องแบกรับ!
แม้เขาเยวี่ยตงไห่จะต้องตาย และตกอยู่ในสภาพเลวร้ายไม่รู้จบ แต่ลูกชายของเขาจะได้ขึ้นครองบัลลังก์จักรพรรดิแดนมัชฌิมจนสามารถออกคำสั่งได้ทั่วหล้า!
ที่ใดมีตระกูลเยวี่ย ที่นั่นมีราชัน!
ปลายกระบี่ของตระกูลเยวี่ยเทียบเท่ากับของราชวงศ์!
เยวี่ยตงไห่ระงับความคิดทั้งหลายไว้ในใจ “ทุกท่าน เรื่องทั้งหมดตกลงตามนี้”
เหล่าประมุขตระกูลชั้นสูงลุกขึ้นประสานมือให้แก่อีกฝ่าย “คารวะนายท่าน! พวกข้าพร้อมน้อมรับคำสั่ง!”
เยวี่ยตงไห่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งสักพัก ก่อนจะหันหลังแล้วก้าวกลับไปยังที่นั่ง เขาหมุนตัวนั่งลงบนที่นั่ง สายตาเหลือบมองไปเบื้องล่างด้วยบรรยากาศที่สงบและทรงอำนาจ
“ทุกท่าน พวกเราต่างลงเรือลำเดียวกันแล้ว ข้าหวังว่าพวกท่านจะให้การช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ เมื่อเรื่องราวสิ้นสุด พวกเราจะปกครองแดนมัชฌิมด้วยกัน!”
เยวี่ยตงไห่ชำเลืองมองทุกคน “ทุกท่านกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม อีกครึ่งชั่วยาม พวกข้าตระกูลเยวี่ยจะเป็นผู้นำทัพ ขอให้พวกท่านทั้งหมดเคลื่อนตามมาด้วย!”
“ขอรับ!”
ทุกคนซึ่งอยู่เบื้องล่างประสานมือตอบรับ
“ทุกท่านเชิญ!”
ทุกคนลุกขึ้นแล้วจากไป
ซุยชิงหยางเดินไปจนสุดทางพร้อมกับฝูงชน มุมปากของเขายกยิ้มอย่างเย็นชา
เยวี่ยตงไห่ เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว!