บทที่ 380 พิชิตวิญญาณหอก
บทที่ 380 พิชิตวิญญาณหอก
“แดนเหนือหรือ?”
กู่จินเจาขมวดคิ้ว
นางสัมผัสได้ว่าแม้กลิ่นอายของลู่หยวนเลือนรางจนราวกับจะดับสูญได้ทุกเมื่อ แต่มันยังคงอยู่บนโลกใบนี้ที่ไม่ไกลจากตนมากนัก แล้วเหตุใดมันจึงอยู่ไกลถึงแดนเหนือได้?!
กู่จินเจาไม่ไปในทันที แต่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมพลางครุ่นคิดอย่างหนักด้วยสภาพหน้านิ่วคิ้วขมวด
เจียงเชียนชิวไม่สนใจว่านางจะทำอะไร ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ก่อปัญหาตอนนี้ก็เกินพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงละสายตาจากอีกฝ่าย ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดเหตุการณ์ในแดนมัชฌิมเพื่อทำให้คนเหล่านั้นรู้ว่าตนคือจักรพรรดิองค์ใหม่!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ตวัดง้าวมังกรครามแปดแดนร้าง ทำให้อากาศรอบข้างเริ่มสั่นไหว
อำนาจที่ปกคลุมท้องนภากำลังตรงเข้าหาสมาชิกตระกูลฮ่วน!
ฮ่วนซิงไป๋เก็บสายตากลับมาเช่นกัน แล้วลวดลายอักขระก็ปรากฏบนร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว
แต่อำนาจในครั้งนี้อ่อนกำลังกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด!
ร่างของเจียงเชียนชิวก็ทะยานออกไปในชั่วพริบตา หมายจะสังหารฮ่วนซิงไป๋อย่างรวดเร็ว
ฮ่วนอวี่หลันกับฮ่วนปั๋วรีบก้าวมาข้างหน้าเช่นกัน แต่ก่อนจะทันถึงตัวอีกฝ่าย พวกเขาก็เห็นจุดสีแดงนับไม่ถ้วนปรากฏในอากาศ แล้วอักขระก็พุ่งออกมาเพื่อหยุดทั้งสองเอาไว้
อากาศเกิดความผันผวนก่อนที่ร่างของสวี่หลิวอวิ๋นจะปรากฏต่อหน้าทั้งสองคน ยามนี้เขาถือแส้จามรีไว้ในมือข้างหนึ่งขณะถือค่ายกลจำนวนมากไว้ในมืออีกข้าง
สวีชู่ผู้อยู่ด้านหลังถือมีดตัดกระดูกสองเล่ม ทั้งยังเผยดวงตาที่ทอประกายจิตวิญญาณในการต่อสู้ออกมา
“พวกเจ้าสองคน ฝ่าบาททรงต้องการจะเผชิญหน้ากับฮ่วนซิงไป๋ด้วยตัวเอง ดังนั้นช่วยอดทนรอสักนิด”
สวี่หลิวอวิ๋นกางค่ายกลจำนวนมากในพริบตา จุดแสงสว่างทั้งหลายยังคงทะยานปิดล้อมสมาชิกตระกูลฮ่วนทั้งสองคนเอาไว้อย่างต่อเนื่อง
ดวงตาของฮ่วนอวี่หลันเต็มไปด้วยโทสะ “ถุ้ย! สองคนนี้ช่างปลิ้นปล้อนสิ้นดี เมื่อไม่กี่วันก่อนยังเห็นมาร้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลฮ่วนเพื่อหวังจะเข้าพบคุณชายอยู่เลย แล้วดูสภาพตอนนี้สิ”
ฮ่วนปั๋วยืนค้ำไม้เท้าจนร่างโก่งโค้ง เขามีสีหน้าลึกล้ำประหนึ่งห้วงน้ำ เพียงมองสองคนตรงหน้าโดยไม่กล่าวอะไร
หลังจากทั้งสองคนถูกหยุดเอาไว้ เจียงเชียนชิวจึงไร้ซึ่งอุปสรรค พลันทะยานตรงเข้าหาฮ่วนซิงไป๋พร้อมกับง้าวในมือ
ฮ่วนซิงไป๋หรี่ตาลงขณะที่พลังพลุ่งพล่าน แล้วดาบยาวมังกรพลัดถิ่นก็ปรากฏขึ้นในมือ
เขาถือดาบด้วยสองมือก่อนจะฟาดฟันเข้าใส่ง้าว
ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงคำรามและแสงวูบวาบสีขาวปรากฏเหนือท้องนภาอย่างต่อเนื่องดุจฟ้าแลบฟ้าร้องยามกลางวัน
…
หลิงอวิ๋นผู้อยู่ท่ามกลางหมู่เมฆไร้ที่สิ้นสุดเหนือสวรรค์ชั้นเก้ากระชับหอกไว้มั่น โดยมีสายฟ้าเคลื่อนไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง
อัสนีอันบ้าคลั่งยังคงกระหน่ำใส่นางจนไม่อาจต้านทานพวกมันได้ทั้งหมด!
เปรี้ยง!
สายฟ้าวูบไหวไปมา ก่อนจะฟาดใส่หลิงอวิ๋นอีกครั้ง
หอกในมือของนางตอบสนองไม่ทัน จึงทำให้มันฟาดเข้าใส่ขาจนโลหิตไหลออกมาจากบาดแผล
หลิงอวิ๋นมีสีหน้าสงบราวกับการโจมตีนั้นไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด นางยังคงยืนหยัดขณะเดินตรงเข้าสู่ส่วนลึกของหมู่เมฆ
ตอนนี้เองที่นางเริ่มสัมผัสกลิ่นอายของลู่หยวนได้อย่างเลือนราง
ใช่แล้ว ลู่หยวนยังไม่ตาย!
เขายังคงอยู่เหนือเมฆา!
แววตาของหลิงอวิ๋นยิ่งมั่นใจขึ้นขณะเดินผ่านหมู่เมฆทีละก้าว แม้อัสนีนับหมื่นจะยังคงร่ายรำและกระหน่ำอยู่รอบกายเป็นครั้งคราว แต่นางกลับดูจะไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย
ลู่หยวนผู้อยู่ภายในหมู่เมฆมองวิญญาณหอกซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพลางแย้มยิ้มออกมา
ภายในมือของเขามีมังกรสายฟ้าขนาดเล็กสี่ตน
ไม่ทราบว่ามังกรสายฟ้าตนตัวหดลงจนมาอยู่ในมือของลู่หยวนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พวกมันแผดเสียงคำรามขณะพยายามขัดขืนเพื่อให้เป็นอิสระ
เมื่อเขาออกแรงที่มือ พวกมันยิ่งแผดเสียงคำรามราวกับต้องการจะหลีกหนีไปให้ไกล
“วิญญาณหอก เจ้าอยากติดตามข้าหรือไม่?”
วิญญาณหอกถูกปกคลุมอยู่ในอัสนี มันมองร่างของลู่หยวนโดยไม่เอ่ยอะไรสักพัก
อีกฝ่ายคือมนุษย์แน่หรือ?!
มังกรสายฟ้าคือวิวัฒนาการของภัยพิบัติอัสนีสวรรค์ แต่มันกลับมาอยู่ในมือของลู่หยวนงั้นหรือ?!
อีกอย่าง…
วิญญาณหอกมองลู่หยวนอย่างละเอียดก่อนจะพบว่ากลิ่นอายอันทรงพลังแปรเปลี่ยนไปตามร่างของอีกฝ่าย ไม่คล้ายกับถูกพันธนาการหรือเป็นอิสระ
เด็กคนนี้… เหตุใดพลังอัสนีสวรรค์ถึงยังไม่หายไป?
เสียงของระบบดังขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจของลู่หยวน
[แจ้งเตือนจากระบบ: พลังของมังกรสายฟ้าทั้งห้าจากภัยพิบัติอัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขตได้รับการขัดเกลาแล้ว!]
“ขัดเกลาสี่ตัวนี้ด้วย!”
ลู่หยวนออกแรงที่ฝ่ามือ แล้วมังกรสายฟ้าสี่ตนก็ถูกบดขยี้จนแหลก กลิ่นอายของพวกมันสลายไปก่อนจะถูกควบคุมไว้ในมือของเขา
[รับทราบ!]
ขอเพียงมังกรสี่ตนนี้ถูกขัดเกลา การบ่มเพาะของลู่หยวนก็จะพัฒนาอีกครั้ง!
ลู่หยวนมองวิญญาณหอกแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่มีความอดทนพอจะมีเสียเวลากับเจ้า สรุปจะติดตามหรือไม่?”
มันตกตะลึงสักพัก ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำอันแหบแห้ง “ติดตาม!”
การจับมังกรสายฟ้าได้ จอมโจรผู้นี้ช่างทรงพลังไม่เบา!
หากยังไม่เลือกติดตาม ไม่เท่ากับเสียสติหรอกหรือ?!
ลู่หยวนยื่นมือซ้ายแล้วค่ายกลอันซับซ้อนก็ปรากฏขึ้น
วิญญาณหอกย่อมเข้าใจความหมายของสิ่งนี้
หากเข้าไปในค่ายกล เท่ากับมันยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของ
หมู่เมฆอัสนีล้อมวิญญาณหอกไว้ก่อนจะตกลงสู่มือของลู่หยวน
ชิ้ง!
ค่ายกลพลันสั่นสะท้าน แล้วลำแสงก็วูบไหวก่อนจะปกคลุมสายฟ้าเอาไว้
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เส้นที่มีรูปทรงประหนึ่งหอกก็วาบผ่านหน้าผากของลู่หยวน ก่อนจะตกอยู่ในความเงียบงันอย่างรวดเร็ว
ค่ายกลในมือก็หายไปเช่นกัน
ลู่หยวนค้นหาบางอย่างในแหวนเก็บของ แต่ก็ไม่พบอาวุธที่เหมาะจะให้วิญญาณหอกเข้าสิง
“เจ้าอยู่แบบนี้ไปก่อน ไว้หาอาวุธที่เหมาะสมได้แล้วจะให้เข้าไปอยู่แล้วกัน”
แม้จิตวิญญาณหอกตนนี้จะอ่อนแอมาก แต่มันกลับมาทรงพลังหลังจากได้รับการฟื้นฟู แน่นอนว่าจะสถิตอยู่ในอาวุธธรรมดาไม่ได้
จากนั้นลู่หยวนก็ครุ่นคิด หอกยาว… ดูจะยังไม่มีของดีในตอนนี้
แต่ว่า… ถ้าเป็นง้าวก็เหมือนจะมีเล่มหนึ่งอยู่ด้านล่าง!
เมื่อลู่หยวนตัดสินใจได้ก็สะบัดมือ ทำให้เสื้อผ้าบนร่างที่ขาดวิ่นเพราะถูกสายฟ้าฟาดสลายไป แล้วชุดใหม่ก็ทะยานออกมาจากแหวนเก็บของก่อนจะสวมบนร่างแกร่ง
“จริงสิ ในเมื่อเจ้าบ่มเพาะเป็นวิญญาณหอก แสดงว่ามีร่างจริงอยู่ใช่หรือไม่”
วิญญาณหอกพยักหน้า “ถูกต้อง”
“เช่นนั้นก่อนจะหาอาวุธที่เหมาะสมเจอ เจ้าควรเผยร่างจริงออกมาก่อน”
วิญญาณหอกย่อมตอบตกลง ก่อนจะหันหลังแล้วเมฆสายฟ้าหายไปทันที
ตุ๊กตาหญิงตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในฝ่ามือของลู่หยวน
ตุ๊กตามีขนาดเล็กมาก มันดูจะมีอายุราวสิบสองถึงสิบสามปี หน้าตาน่ารัก ดวงตาคู่หนึ่งใสกระจ่างดุจน้ำพุกำลังกลอกกลิ้งไปมา
นิ้วขาวราวกับหยกป้องปากสีชมพูไว้ ส่วนมืออีกข้างวางบนฝ่ามือของลู่หยวนอย่างอ่อนโยน
ลู่หยวนขมวดคิ้ว “นี่คือร่างจริงของเจ้าหรือ?!”
เขาเห็นเพียงตุ๊กตาหญิงในมือกำลังเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำอันแหบแห้งเหมือนเมื่อครู่ “ถูกต้อง คิคิคิคิคิ…”
เปลือกตาของลู่หยวนกระตุก ความรู้สึกไม่สอดคล้องตรงหน้านี้มากเกินจะรับไหว