ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 392 หลี่เจียงหนานตาย

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 392 หลี่เจียงหนานตาย

บทที่ 392 หลี่เจียงหนานตาย

แรงกระแทกขนาดใหญ่นี้คงอยู่ราวหนึ่งถ้วยชา ก่อนจะเริ่มสลายไป ต่อให้กำแพงที่สร้างโดยบรรพชนจะสามารถปัดป้องคลื่นอากาศอันทรงพลังนี้ได้ มันก็ไม่สามารถต้านทานการสั่นสะเทือนที่ตามมาได้

ผู้คนทั้งหลายล้วนตกตะลึงต่อพลังซึ่งเกิดจากการสั่นไหวจนปวดร้าวไปถึงภายใน ทำให้โลหิตทะลักออกจากปาก!

ยามคลื่นอากาศหยุดลง กำแพงก็สลายไป

ยามนี้ เมืองมากกว่าเก้าสิบแห่งในแดนมัชฌิม นอกจากสถานที่เพียงไม่กี่แห่งแล้ว ทั่วทุกหนแห่งต่างกลายเป็นซากปรักหักพัง!

สถานการณ์ก่อนหน้านี้หายไปสิ้น สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงดินแดนรกร้าง

บรรพชนทั้งหลายต่างเม้มริมฝีปากด้วยความขมขื่น

ต้องต่อสู้เพื่อเส้นชีพจรจักรพรรดิแดนมัชฌิมขนาดนี้เชียวหรือ?

บัดนี้ ดินแดนอันยิ่งใหญ่ลงเอยจนมีสภาพเช่นนี้ เกรงว่าตระกูลทั้งหลายที่ยังเหลือรอดคงต้องการจะจากไป

หากไร้ผู้คนแล้ว ยังจะมีใครอยากเป็นจักรพรรดิอีก?!

บรรพชนของตระกูลหลิงดึงพลังกลับมา โดยที่มือขวาในแขนเสื้อมีอาการสั่นเทา

เนื่องจากพวกเขาอยู่ใกล้แรงกระแทกมากที่สุด คลื่นอากาศที่ต้องรับไว้จึงหนักหนากว่าตระกูลอื่นถึงสิบเท่า!

บรรพชนของตระกูลหลิงสะบัดมือขวาเพื่อสลัดความคิดทั้งหมดที่ทำให้สั่นคลอนทิ้งไป

หมู่เมฆเหนือสวรรค์ชั้นเก้ากระจายตัว ทำให้ดวงอาทิตย์ปรากฏออกมา ผู้ชายในชุดคลุมยืนอยู่บนอากาศภายใต้แสงดวงอาทิตย์ ร่างของเขารายล้อมด้วยแสงดารา ท่วงท่าประหนึ่งเซียนหรือเทพที่กำลังจุติมาสู่โลก!

ทุกคนเงยหน้ามองแล้วหรี่ตาลง เนื่องจากแสงสีขาวที่สาดส่องลงมา

บรรพชนตระกูลหลิงจับจ้องลู่หยวนผู้ยืนโดดเดี่ยวอยู่บนท้องนภา ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา “แก่แล้ว ข้าคงจะแก่แล้ว โลกไม่ใช่ยุคของพวกข้าอีกต่อไป ถึงเวลาที่ต้องทิ้งทุกสิ่งไว้ให้คนรุ่นหลังแล้วละ”

ร่างของสือจิ่ววูบไหวกลับเข้ามายังจิตเทวะของลู่หยวนทันทีที่เห็นร่างของอีกฝ่าย

ลู่หยวนไม่ทราบว่าคนเหล่านี้กำลังคิดอะไร เพียงยื่นมือขวาออกไป ง้าวมังกรครามแปดแดนร้างที่ตกลงไปพร้อมกับร่างของเจียงเชียนชิวก็ลอยมาอยู่ในมือ

วิญญาณหอกพลันพุ่งเข้าสู่ง้าวเล่มนั้น!

โฮก!

เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของมังกรดังออกมาจากง้าวมังกรครามแปดแดนร้าง ขณะกระจายไปทั่วทั้งแดนมัชฌิม คล้ายกับเป็นการประกาศวาระสุดท้ายก่อนจะกลายเป็นผงธุลีร่วงลงสู่พื้นดิน!

เจียงเชียนชิวผู้กระแทกกับพื้นจนเกิดหลุมลึกแน่นิ่งไม่ขยับ โลหิตยังคงทะลักออกจากปาก เขามองขึ้นไปด้วยสายตาเหม่อลอยขณะพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ แต่ก็สัมผัสได้ว่ากระดูกทุกท่อนได้หักไปแล้ว

สิ่งที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าก็คือเขาสัมผัสได้ว่าพลังของเส้นชีพจรจักรพรรดิในร่างกายกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว!

เขาต้องการจะแผดเผาเส้นชีพจรจักรพรรดิต่อเพื่อได้รับพลังด้วยความวิตก แต่ก็ไม่สามารถโคจรพลังของมันได้แม้แต่นิดเดียว

แสงสีทองนับไม่ถ้วนปรากฏจากทุกส่วนของร่างกายก่อนจะหายไปทางท้องนภา!

ในเวลาเดียวกัน กู่จินเจาพลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดสุดแสนอยู่ข้างในราวกับมีบางสิ่งกำลังกุมหัวใจของนางเอาไว้!

นางเพียงได้ยินเสียงอันไพเราะดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น!

เพลิงสวรรค์ปะทุขึ้นคล้ายกับพยายามจะต่อสู้กับบางสิ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์…

เมื่อเส้นชีพจรจักรพรรดิหายไป วิถีสวรรค์ก็จุติลงมา!

กู่จินเจามองลู่หยวนผู้กำลังเดินเข้ามาแต่ไกล ทันใดนั้นนางก็เข้าใจ

คนที่ต้องขัดขืนวิถีสวรรค์คือลู่หยวนไม่ใช่หรือ!

เจ้าเด็กคนนี้… หลอกข้า…

กู่จินเจากลอกตาก่อนจะหมดสติไป

หลิงอวิ๋นยื่นมือออกไปคว้าร่างของอีกฝ่าย

ลู่หยวนเดินตามมาจนอีกฝ่ายขมวดคิ้ว

เมื่อฮ่วนซิงไป๋พบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกู่จินเจา เขาจึงถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”

ลู่หยวนเพียงปรายตามอง จึงพบว่าค่ายกลยันต์กำลังเคลื่อนไหวอยู่บริเวณหน้าผากของนาง พวกมันเหมือนกับโลหิตที่ดูแปลกตาอย่างยิ่ง!

แต่ใจกลางของยันต์นั้นเต็มไปด้วยเจตจำนงสูงสุดของวิถีสวรรค์!

ดูเหมือนค่ายกลจะทำงานแล้ว

ลู่หยวนลอบพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางอาจจะไม่รอด”

ดวงตาของฮ่วนซิงไป๋เบิกกว้าง

ว่ายังไงนะ?!

ไม่รอดอย่างนั้นหรือ?!

หลังจากครุ่นคิดสักพัก ลู่หยวนก็นำโอสถทั้งสิบถุงกรอกใส่เข้าไปในปากของกู่จินเจา

“เพียงเท่านี้ก็มีชีวิตอยู่ต่อได้สักพัก”

ขอเพียงถ่วงเวลาได้สักพัก เส้นชีพจรจักรพรรดิในร่างของเจียงเชียนชิวก็น่าจะสลายจนเกือบหมด

ลู่หยวนไม่กังวลถึงความตายของกู่จินเจา ในเมื่อนางนิพพานจนสามารถเกิดใหม่มาได้หนหนึ่งแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีหนที่สอง

ยิ่งกว่านั้น วิญญาณของจิ่วเฟิ่งได้หลอมรวมเข้ากับร่างของกู่จินเจาแล้ว

นางย่อมคิดหาหนทางเอาตัวรอดอย่างแน่นอน!

บัดนี้แสงสีทองกระจายไปทั่วทุกหนแห่งในแดนมัชฌิม ก่อนจะรวมตัวกันมุ่งไปยังทิศทางหนึ่งบนท้องนภา

ส่วนคนของตระกูลเจียงที่กำลังต่อสู้กันอยู่ก็เหลือเพียงไม่กี่คนหลังจากได้รับผลกระทบเมื่อครู่ พวกเขาพยายามประคองร่างที่แทบจะหมดสภาพเต็มที เมื่อมองไปบนอากาศก็เห็นแสงสีทองกำลังลอยไปมา ทำให้รู้ในทันทีว่า เส้นชีพจรจักรพรรดิทั้งหมดซึ่งเป็นของเจียงเชียนชิวถูกทำลายไปแล้ว อีกไม่ช้ามันก็จะสูญหายไป!

หลังจากพวกเขาต่อสู้กันมาตั้งนานขนาดนี้ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องสูญเปล่า!

พวกเขาไม่ได้อะไรเลย!

เจียงเชียนชิวสูดหายใจเฮือกสุดท้ายขณะดวงตาเหม่อลอย ก่อนจะหัวเราะออกมา “สุดท้ายตระกูลเจียง… ก็จบแล้ว…”

หลี่เจียงหนานรอดมาได้ด้วยการใช้ยันต์พิทักษ์ชีพสองสามแผ่น ถึงกระนั้นก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส

เขามองลู่หยวนด้วยสายตาเกลียดชังและสิ้นหวัง…

ทำไม?!

ทำไมลู่หยวนถึงมีตัวแปรมากมายขนาดนี้?!

ตระกูลฮ่วน ตระกูลหลิง ตระกูลยิ่งใหญ่เหล่านี้ถึงกับตัดใจที่จะต่อสู้เพื่อเส้นชีพจรจักรพรรดิแล้วเลือกช่วยลู่หยวน

ความแข็งแกร่งของลู่หยวนก็นับว่าไม่ธรรมดา!

ถึงแม้หลี่เจียงหนานจะเคยอ่านตำราโบราณมามากมายเพื่อศึกษาเกี่ยวกับยอดฝีมือเก่งกาจทั้งหลายบนแผ่นดินในอดีตกาล แต่ไม่มีผู้ใดที่ใกล้เคียงกับความไร้เทียมทานเช่นลู่หยวน!

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดไหน หรือใช้อุบายร้ายกาจแบบใด แต่ลู่หยวนก็ทำให้เขารู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเมฆากับโคลนตม!

หลี่เจียงหนานโคจรปราณวิญญาณทั้งหมดจนยันกายขึ้นมาได้ เขาก้มมองกระดานกลืนกินสวรรค์ลี้ลับ ซึ่งเต็มไปด้วยศิษย์สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วน

เดิมเขาเพียงควบคุมการกระทำของเฉิงไท่ให้มาเป็นกำลังเสริมด้วยการใช้สิ่งนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถูกวิญญาณหอกจองจำไว้!

ส่วนศิษย์ที่อยู่ข้างใน ถึงแม้พวกเขาหลายคนจะมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้มาจากแดนมัชฌิม จึงไม่สามารถช่วยอะไรได้

ลู่หยวนกวาดสายตามามองอีกฝ่าย

“ข้าเกือบลืมเจ้าไปเลย”

ลู่หยวนหันมาเผชิญหน้าพร้อมกับจิตสังหารที่ทอประกายอยู่ในดวงตา

“เจ้าเป็นคนฉลาด”

ลู่หยวนเริ่มออกความเห็น “ขนาดขยะอย่างเจียงเชียนชิวยังสามารถกลายเป็นจักรพรรดิได้ภายในครึ่งวันด้วยการสนับสนุนของเจ้า”

หลี่เจียงหนานหัวเราะสักพัก โลหิตพลันไหลย้อนขึ้นจากบริเวณหน้าอกมาถึงลำคอ จนต้องสำลักออกมาด้วยสภาพน่าสมเพช ถึงกระนั้นร่างของเขาก็ไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย

“แพ้ก็คือแพ้”

หลี่เจียงหนานเงยหน้ามองลู่หยวน “ลู่หยวน ข้าแค่เกลียดตัวเองที่แข็งแกร่งไม่พอ จึงหาทางกำจัดเจ้าไม่ได้!”

“จำอวี้เฟิงที่ตายเพราะเจ้าได้หรือไม่?! ตระกูลของเขาถูกฆ่าก็เพราะความคิดเดียวของเจ้า!”

“ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่วิถีสวรรค์ทำได้! หากเจ้ายังก่อกรรมเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องมีใครบางคนส่งเจ้าลงนรกแน่นอน!”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ…”

สีหน้าของหลี่เจียงหนานดูจริงจังขณะยื่นมือขวาออกไป กระบี่ยาวพลันชี้ตรงไปที่ท้องนภา “ลู่หยวน ข้าจะรอเจ้าอยู่ข้างล่าง!”

เมื่อสิ้นคำ กระบี่เล่มนั้นก็ทะยานลงมาจากอากาศ ก่อนจะแทงร่างของเขา

หมอกโลหิตลอยคลุ้งปกคลุมอากาศ หลี่เจียงหนานนอนแน่นิ่งไร้ชีวิตอยู่บนพื้นดิน

สีหน้าของลู่หยวนสงบ หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เขาจึงเงยหน้ามองท้องนภา

ท้องนภายังคงแจ่มชัด ไร้หมู่เมฆ ดวงอาทิตย์เจิดจ้าประหนึ่งเปลวเพลิง

“วิถีสวรรค์หรือ? เหอะ… ก็แค่กฎเกณฑ์ที่ผูกมัดคนอ่อนแอเท่านั้น…”

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท