ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 411 ลักพาตัว

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 411 ลักพาตัว

บทที่ 411 ลักพาตัว

ทาสอารักขานิ่งไปสักพัก จากนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

ผู้อาวุโสตระกูลชิวทั้งแปดคนซึ่งยกเกี้ยวหยกยังคงมุ่งหน้าสู่สำนักกระบี่สวรรค์โดยที่ไม่ล่าช้า

ไม่นานนัก ขุนเขาสำนักกระบี่ก็ปรากฏแก่สายตา

ศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ต่างปรากฏตัวที่ประตูสำนัก พร้อมกวัดแกว่งกระบี่ยาวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งร้าย

“ข้าขอบังอาจถามว่าผู้อาวุโสตระกูลชิวต้องการสิ่งใดถึงได้มาเยือนที่นี่?!”

อันที่จริง การบ่มเพาะของศิษย์เหล่านี้ไม่ได้ดีเท่าไหร่ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในสำนักกระบี่สวรรค์มาตลอด จึงไม่ค่อยได้เห็นโลกภายนอก ทว่ากลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมเช่นนี้รุนแรงเกินไป แม้คนเหล่านี้จะไม่เคยเห็นสมาชิกหรือผู้อาวุโสของตระกูลชิว แต่ก็สัมผัสกลิ่นอายของพวกเขาที่กำลังยกเกี้ยวได้!

หนึ่งในทาสอารักขาผู้ยืนอยู่ข้างเกี้ยวหยกเอ่ยอย่างสงบ “หลีกไป”

คนจากสำนักกระบี่สวรรค์เผยท่าทีประหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายกาจ โดยที่ไม่ถอยร่นแม้แต่ครึ่งก้าว

ศิษย์คนอื่นรวมตัวกันในจัตุรัสซึ่งอยู่ไม่ไกลยามมองมาทางนี้

บางคนที่เคยเห็นโลกมาไม่มากพลันอุทานด้วยความประหลาดใจ

“หลีกไป! คนที่ยกเกี้ยวหยกคือผู้อาวุโสตระกูลชิว!”

“เหอะ… ศิษย์น้องสาม เจ้าจะพูดเล่นอะไรก็ได้ แต่อย่ามาพูดจาเหลวไหลกับเรื่องแบบนี้เด็ดขาด สถานะของผู้อาวุโสตระกูลชิวคือสิ่งใด? ต่อให้ปรากฏตัวต่อหน้าตระกูลใหญ่ พวกเขาก็ยังได้รับเกียรติอันสูงส่ง! จะมายกเกี้ยวได้อย่างไร?!”

“เรื่องจริงนะ ศิษย์พี่ ตอนกองกำลังร้อยสำนักรวมตัวกันช่วงที่ท่านไม่ได้ไปด้วย มีคนจากตระกูลชิวที่นำโดยผู้อาวุโสคนนั้นมาเข้าร่วมด้วย! ข้าเห็นกับตาเลย! ตรงนั้น ๆ คนที่มีเครายาวสุดนั่นยังไง!”

พวกเขาต่างมองคนที่มีเครายาวในบรรดาผู้ยกเกี้ยวหยกเมื่อได้ยินเช่นนี้

ผู้อาวุโสเครายาวคนนั้นย่อมได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทำให้ใบหน้าเขาแดงก่ำ

เขายกดาบขึ้น ตัดเคราทั้งหมดที่เลี้ยงมานับศตวรรษในทันที

จากนั้นรีบก้มศีรษะ ไม่กล้าเผยรูปลักษณ์ของตนเอง

ผู้อาวุโสคนอื่นรีบก้มศีรษะเช่นกัน แต่ละคนลอบพึมพำว่า “ข้าไม่ได้มาจากตระกูลชิว อย่ามองข้า อย่ามองข้า”

ทาสอารักขาทั้งหลายยืนเรียงแถวกันขณะปิดล้อมสำนักกระบี่สวรรค์ไปกว่าครึ่ง

ยามนี้เยวี่ยอู๋ฉือเคลื่อนผ่านอากาศ รูปร่างเพรียวบางถูกปกคลุมด้วยชุดสีขาว

ปลายเท้าของนางเหยียบอยู่บนกระบี่ พร้อมปราณกระบี่ที่วนเวียนไปมารอบร่าง

เยวี่ยอู๋ฉือมองกลุ่มคนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าสับสนยิ่ง

นางย่อมมองออกว่าคนเหล่านี้มาจากตระกูลชิว

คนที่ยกเกี้ยวหยกคือผู้อาวุโสของตระกูล

ส่วนผู้ชายสวมหน้ากากที่ปกป้องเกี้ยวและปิดล้อมสำนักกระบี่สวรรค์ไปกว่าครึ่งก็มีสถานะสูงส่งในตระกูลชิวเช่นกัน

เยวี่ยอู๋ฉือประสานมือแล้วยืดตัวตรง “ข้าขอบังอาจถามพวกท่าน ว่ามาสำนักกระบี่สวรรค์ในครั้งนี้ต้องการคำชี้แนะอันใดหรือ?”

ทาสารักขาผู้คุ้มกันเกี้ยวก้าวมาข้างหน้าพร้อมประสานมือตอบ “ขอเรียนถามท่านประมุขเยวี่ย สตรีศักดิ์สิทธิ์ของสำนักท่านคือผู้ใด?”

เยวี่ยอู๋ฉือไม่ทราบว่าเหตุใดเขาจึงถามเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทางสุภาพของอีกฝ่าย มันก็ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่ท่วงท่าออกจะดูยิ่งใหญ่เกินไปเสียหน่อย

อีกอย่าง…

เยวี่ยอู๋ฉือชำเลืองมองกลุ่มคนที่อยู่ตรงเกี้ยว สีหน้าของพวกเขาซีดเซียวประหนึ่งสูญเสียสมาชิกในครอบครัว

ทว่านางคาดเดาไม่ได้ว่าตระกูลชิวต้องการจะทำอะไร

ขณะหญิงสาวกวาดสายตามองด้วยความระแวดระวัง เยวี่ยหนีซางผู้ตามติดมาจากด้านข้างกลับก้าวไปข้างหน้า พร้อมเงยหน้าขึ้นสูงแล้วเอ่ยว่า “ข้านี่แหละ!”

ทาสอารักขาชำเลืองมองเยวี่ยหนีซาง จากนั้นมองไปทางเกี้ยวหยกที่อยู่ข้างกาย ในที่สุดจึงสบสายตากับเยวี่ยอู๋ฉือ “ท่านประมุขเยวี่ย คนผู้นี้คือสตรีศักดิ์สิทธิ์ของสำนักกระบี่สวรรค์ใช่หรือไม่?”

เยวี่ยอู๋ฉือพยักหน้าตอบรับ “หนีซางคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ของสำนักพวกข้าก็จริง ไม่ทราบว่าตระกูลชิวมาในครั้งนี้มีเหตุผลอันใดหรือ?”

ทาสอารักขาไม่ตอบ แต่ยังคงถาม “สำนักกระบี่สวรรค์ยังมีสตรีศักดิ์สิทธิ์คนอื่นอีกหรือไม่ขอรับ?”

เยวี่ยอู๋ฉือบังเกิดความสงสัยในใจเมื่อได้ยินเช่นนี้

หรือว่ามีใครแสร้งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์จากสำนักกระบี่สวรรค์แล้วไปก่อปัญหา?!

หาไม่แล้วเหตุใดตระกูลชิวต้องเคลื่อนกองกำลังขนาดใหญ่เช่นนี้มาด้วย?!

“ไม่มีคนอื่นแล้ว”

สิ้นเสียงของเยวี่ยอู๋ฉือ ทาสอารักขาก็สะบัดมือ “เป็นนาง จับตัวไว้!”

จากนั้นคนสามถึงสี่คนก็ทะยานออกไปพร้อมกับลงมืออย่างรวดเร็ว

แม้กระทั่งเยวี่ยอู๋ฉือก็ยังตอบสนองไม่ทัน!

อากาศรอบข้างเยวี่ยหนีซางสั่นไหว แล้วร่างของนางก็หายไป

เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง พวกเขาก็มาอยู่ข้างเกี้ยวหยกแล้ว ส่วนเยวี่ยหนีซางถูกยัดใส่กระสอบไว้ ทาสอารักขาผนึกพลังบ่มเพาะทั้งหมดของนาง จากนั้นโยนนางเข้าไปในเกี้ยวที่ลู่หยวนอยู่

การกระทำทั้งหมดนี้กินเวลาเพียงหนึ่งอึดใจ

ผู้คนทั้งหลายจากสำนักกระบี่สวรรค์ต่างตกตะลึง

ทาสอารักขาสะบัดมือ “เอาละ ไปจับคนต่อไป!”

คนทั้งแปดคนยกเกี้ยวขึ้นพร้อมหันหลัง ส่วนคนตระกูลชิวยืนเรียงแถวทั้งสองฝั่งก่อนเดินตามหลัง

เยวี่ยอู๋ฉือได้สติกลับมาในที่สุด สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“ทั้งที่อยู่ใต้วิถีสวรรค์ แต่คนตระกูลชิวกลับบังอาจลักพาตัวศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ของข้าเช่นนี้เชียวหรือ?!”

“คิดหรือว่าสำนักพวกข้าไม่มีปัญญาขัดขืน?!”

เยวี่ยอู๋ฉือยกกระบี่ขึ้น แล้วปราณกระบี่ก็ทะยานขึ้นสู่นภา

กระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ระหว่างหมู่เมฆในสวรรค์ชั้นเก้า พวกมันเคลื่อนลงมาอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งเผยปลายกระบี่ออกมา

เยวี่ยอู๋ฉือกำมือ แล้วปราณวิญญาณทั้งหมดซึ่งอยู่รอบข้างก็โคจรไปมา กระบี่ใหญ่บนท้องนภาก็ฟันลงมาทางเกี้ยวหยกอย่างรวดเร็ว

ทาสอารักขาทั้งหลายต่างลงมือพร้อมโคจรพลังทั้งหมด

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ถึงแม้เยวี่ยอู๋ฉือจะมีอุบายนับไม่ถ้วนและนับเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในสำนักแห่งนี้ แต่เมื่อเผชิญกับทาสอารักขาก็เทียบเคียงไม่ได้แม้แต่นิด!

หลังจากประมืออยู่หลายครั้ง พลังของนางก็ถูกต้านไว้

ทาสอารักขาคนหนึ่งเอ่ยระหว่างต่อสู้ “ท่านประมุขเยวี่ยอย่าขัดขืนเลยจะดีกว่า ผ่านไปสักระยะแล้วตระกูลชิวจะให้คำตอบเอง!”

เยวี่ยอู๋ฉือยิ้มเย้ยหยัน “ถึงแม้การบ่มเพาะของข้าเยวี่ยอู๋ฉือจะไม่เก่งกาจเท่าเจ้า แต่ก็ยังนับว่าเป็นประมุขสำนัก! ศิษย์ทั้งหลายต่างจับตามองดูข้าอยู่! หากถอยตอนนี้ แล้วจะไปอธิบายต่อสำนักกระบี่สวรรค์ได้อย่างไร?!”

ทาสอารักขาก็เงียบกริบเช่นกัน พวกเขาเตรียมจะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

ทว่าน้ำเสียงอันชอบธรรมดังมาแต่ไกล

“คาดไม่ถึงว่าตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมจะเป็นคนแบบนี้! เหอะ… เสียแรงที่โลกยังให้ความเคารพตระกูลเช่นนี้ สิ่งที่พวกเจ้าทำรังแต่จะทำให้ชื่อเสียงตระกูลชิวตกต่ำลงก็เท่านั้น!”

ทุกคนต่างหันไปมอง ก่อนจะพบบุรุษในชุดสีดำกำลังยืนอยู่กลางอากาศนอกอาณาเขตของทาสอารักขา กลิ่นอายรอบข้างกระจายไปทั่วจนทำให้ชุดคลุมปลิวไสว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชอบธรรมอันสูงส่ง

คนผู้นี้คือฉู่เชิ่ง!

ศิษย์ในจัตุรัสผู้ถูกฉู่เชิ่งช่วยไว้บังเกิดความตื่นเต้น

“เป็นศิษย์พี่ฉู่เชิ่ง!”

“ข้านึกแล้วว่าศิษย์พี่ฉู่เชิ่งจะต้องปรากฏตัว!”

คนที่เหลือต่างสับสนว่าเหตุใดศิษย์เหล่านี้ถึงเรียกคนนอกว่าศิษย์พี่

คนเหล่านั้นอธิบายอย่างมีความสุข “ถึงแม้ศิษย์พี่ฉู่เชิ่งจะใช้ดาบ แต่เขาก็อยากเข้าสำนักกระบี่สวรรค์ หากศิษย์พี่ฉู่เชิ่งแข็งแกร่งจริง ท่านประมุขสำนักจะต้องยอมให้เข้าแน่นอน! ถึงตอนนั้น แม้ศิษย์พี่ฉู่เชิ่งจะเริ่มต้นช้าไปบ้างเมื่อเทียบกับอันดับพลัง แต่เขาก็ยังเป็นศิษย์พี่ของพวกข้า!”

ทันทีที่ฉู่เชิ่งยกมือขวา ดาบใหญ่ก็ปรากฏขึ้นก่อนจะถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง

“ตระกูลชิว ข้าขอแนะนำให้เจ้าคืนคนกลับมาดีกว่า ไม่อย่างนั้น… ก็มาสู้กัน!”

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท