บทที่ 415 ทางเดียวคือต้องสู้
บทที่ 415 ทางเดียวคือต้องสู้
ฉู่เชิ่งถือดาบยาวฟาดลงมา แล้วเงาซึ่งก่อตัวจากเปลวเพลิงไร้ขอบเขตบริเวณด้านหลังก็เคลื่อนไหวตามเช่นกัน!
เปลวเพลิงอันบ้าคลั่งพลันทะยานออกจากด้านหลังของเขา เข้าปกคลุมร่างของลู่หยวนเอาไว้!
ฉู่เชิ่งฉวยโอกาสดังกล่าวฟันดาบออกไป แล้วเจตจำนงดาบอันไร้ขอบเขตก็เคลื่อนลงมาพร้อมกับแรงกดดัน ก่อนจะทะยานเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อหมายจะปลิดชีพ!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เปลวเพลิงลุกโหมขณะกระจายไปทั่วทุกทิศทางจากจุดศูนย์กลางของการโจมตี
ฝุ่นธุลีตลบฟุ้งพร้อมกับเปลวเพลิงที่ปกคลุมร่างของลู่หยวนอย่างสมบูรณ์ แม้กระทั่งทาสอารักขาก็ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่เป็นของอีกฝ่ายได้
ฉู่เชิ่งผละตัวออกมา พร้อมหยิบโอสถขึ้นมาสามเม็ด ก่อนจะเคี้ยวพวกมันแล้วกลืน
ทันทีที่กลืนลงไป เขาก็สัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณที่กำลังเคลื่อนไปมาในทะเลลมปราณ ชายหนุ่มรีบรวบรวมเพลิงวิญญาณสองชนิดและเพลิงสวรรค์ในร่างกาย จากนั้นก็ปลดปล่อยดาบยาวแล้วกุมเปลวเพลิงทั้งสามชนิดด้วยสองมือ ก่อนจะบีบอัดพวกมันเข้าด้วยกัน!
วิ้ง!
ขณะบีบอัดเปลวเพลิง ดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นในฝ่ามือ!
ทันทีที่ควันธุลีเริ่มจางหายไป ฉู่เชิ่งก็เห็นชุดคลุมกำลังปลิวไสวอยู่บริเวณใจกลางกลุ่มควัน
ลางสังหรณ์เกิดขึ้นในใจของเขา จากนั้นจึงรีบรวบรวมดอกบัวเพลิงก่อนจะยื่นมือส่งมันออกไป
ดอกบัวเคลื่อนเข้าสู่ใจกลางกลุ่มควันที่กำลังจางหายไป
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยคลื่นอากาศที่กระจายไปทั่วทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง!
ควันธุลียิ่งฟุ้งกระจาย แล้วพื้นในบริเวณดังกล่าวก็ถูกระเบิดจนเป็นหลุมลึก
ศิษย์ทั้งหลายจากสำนักกระบี่สวรรค์ซึ่งกำลังจ้องมองเหตุการณ์อยู่ในสำนักผ่านการปกป้องของค่ายกลพิทักษ์ ต่างไม่ได้รับผลกระทบจากพลังของคลื่นอากาศดังกล่าว
แต่เมื่อคลื่นขนาดใหญ่ปะทะเข้ากับค่ายกลก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ดูน่าสะพรึงยิ่งนัก!
ศิษย์ทั้งหลายมองไปข้างหน้า ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อยู่พักใหญ่
พวกเขาทราบดีว่าหากโดนพลังจากการระเบิดเมื่อครู่เข้าไป ย่อมถึงแก่ความตายเป็นแน่!
สายตาของเยวี่ยอู๋ฉือจริงจังขึ้นเช่นกัน หลายปีมาแล้วที่นางไม่สนใจเรื่องทางโลก ถึงกระนั้นกลับมีคนหนุ่มสาวมากมายที่มีการบ่มเพาะแกร่งกล้า!
สมกับเป็นการเติบโตของคนหนุ่มสาวเหลือเกิน!
เมื่อเห็นว่าฉู่เชิ่งสามารถหลอมรวมเพลิงวิญญาณเหล่านี้เข้าด้วยกันได้ แสดงว่าเขาต้องมีความลับบางอย่างเป็นแน่!
เพลิงวิญญาณทั้งสองกับเพลิงสวรรค์สามารถสร้างแรงกระแทกมหาศาลเช่นนี้ได้ หากเพลิงวิญญาณในรายชื่อทั้งหมดตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย เกรงว่าจักรพรรดิเพลิงจะปรากฏขึ้นอีกครั้งในแผ่นดินหยวนหง!
ส่วนลู่หยวน…
เยวี่ยอู๋ฉือหลุบตามองก่อนจะพบว่าไม่มีความผันผวนอยู่ในควันดังกล่าว
เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้…
เจ้าสำนักสาวเริ่มเกิดความคิดว่าฉู่เชิ่งก็เข้าร่วมกับสำนักกระบี่สวรรค์ได้เช่นกัน!
ถึงแม้สำนักกระบี่สวรรค์จะไม่นับว่าเป็นสำนักที่ดี แต่เพลิงวิญญาณซึ่งอยู่เบื้องหลังสำนักนั้นคือสิ่งที่อีกฝ่ายหมายตา!
นอกจากนี้ เยวี่ยอู๋ฉือก็ยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของเพลิงวิญญาณอื่นมาอยู่ในมือ
ด้วยเหตุนี้ สิ่งเหล่านี้จึงมากพอที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับฉู่เชิ่งได้ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
หากพละกำลังของอีกฝ่ายพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในภายภาคหน้า เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของแผ่นดินหยวนหง ซึ่งสำนักกระบี่สวรรค์จะได้รับผลประโยชน์เช่นกัน!
เยวี่ยอู๋ฉือครุ่นคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจว่าจะให้ฉู่เชิ่งเป็นผู้อาวุโสพิเศษ
แต่เมื่อกวาดสายตา นางก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง
ฉู่เชิ่งผู้ยืนอยู่กลางอากาศไม่เพียงแต่ไม่ผ่อนคลายเท่านั้น กลับยังสร้างค่ายกลขึ้นรอบกายด้วยเพลิงวิญญาณ เพื่อปกป้องอย่างแน่นหนา!
เขามองควันธุลีซึ่งอยู่เบื้องล่างด้วยสีหน้าระแวดระวังราวกับเกรงว่าผู้ใดจะโต้กลับมาทุกเมื่อ!
เยวี่ยอู๋ฉือสับสน จะมีผู้รอดชีวิตจากการโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างไร?!
ทันใดนั้น ชายในชุดคลุมก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางควันธุลีที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว!
จากนั้นลู่หยวนก็เดินออกมาจากกลุ่มควันด้วยท่วงท่าเกียจคร้าน
ภายใต้การโจมตีอันโหมกระหน่ำของดอกบัวเพลิงและเจตจำนงดาบ เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แม้กระทั่งเศษเสี้ยวธุลียังไม่ปรากฏบนชุดคลุมแม้แต่น้อย
มุมปากของเขายังคงเผยยิ้มอ่อนโยนให้เห็น
อันที่จริง ฉู่เชิ่งแอบเผื่อใจเอาไว้อยู่แล้วว่า ถึงการโจมตีเมื่อครู่อาจจะสังหารลู่หยวนไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะทิ้งบาดแผลเอาไว้บ้าง!
แต่ทันทีที่ลู่หยวนปรากฏ ดวงตาของฉู่เชิ่งก็มืดมน สีหน้าของเขาพลันซีดเซียว
“บ้า…น่า…”
เมื่อครู่คือพลังแข็งแกร่งที่สุดที่เขาสามารถปลดปล่อยออกมาได้!
แต่ก็ยังไม่อาจทำอะไรลู่หยวนได้งั้นหรือ?!
“ข้ายังไม่ทันทำอะไรเลย แล้วเจ้าจะงัดท่าไม้ตายทั้งหมดออกมาเพื่ออะไร?”
ลู่หยวนมีสีหน้าเย้ยหยัน “ในเมื่อเจ้าลงมือเสร็จแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาข้าละ!”
เมื่อสิ้นคำ เขาก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า ทำให้ฉู่เชิ่งตื่นตัว พลันดึงเพลิงวิญญาณกลับมาเพื่อปกป้องกายไว้!
“ฉู่เชิ่ง ไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าควรยอมรับชะตากรรมได้แล้ว!”
ร่างของลู่หยวนหายลับไปขณะอากาศเกิดการผันผวนขึ้น
ฉู่เชิ่งมองรอบ ๆ ด้วยความตื่นตัว แต่กลับไร้ซึ่งวี่แววของอีกฝ่าย!
คนอื่นต่างก็มองหาร่องรอยของลู่หยวนเช่นกัน แต่กลับไม่มีใครหาตัวอีกฝ่ายเจอ!
เยวี่ยอู๋ฉือขมวดคิ้ว กระจายปราณกระบี่ออกไปสำรวจรอบกายทีละน้อย ถึงกระนั้นก็ไม่ค้นพบสิ่งผิดปกติ!
ทันใดนั้น!
ฉู่เชิ่งสัมผัสได้ว่าอากาศด้านหลังสั่นไหว เขาจึงหันหลังไปมองพร้อมกำหมัดไว้มั่น แล้วดาบยาวก็ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงก่อนจะฟาดฟันไปที่บริเวณดังกล่าว!
เมื่อโจมตีออกไป กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เสียงที่ทำให้เส้นขนของฉู่เชิ่งลุกชูชันดังมาจากด้านหลัง “แหม เดาผิดแล้ว”
ฉู่เชิ่งหันขวับกลับมาก่อนจะเห็นหมัดกระแทกเข้าใส่!
เขาต้องการจะขัดขืนด้วยเพลิงวิญญาณ แต่ร่างของอีกฝ่ายกลับปลดปล่อยเจตจำนงอันทรงพลังของเพลิงสวรรค์ออกมา สะกดเพลิงวิญญาณที่กำลังพวยพุ่งของเขาเอาไว้!
ฉู่เชิ่งมองเห็นเพียงความมืดเมื่อหมัดพุ่งตรงเข้ามา ร่างกายของเขาล่าถอยโดยที่ไม่รู้ตัว แล้วเสียงกระดูกหักก็ดังขึ้นอยู่ในหู!
ตู้ม!
สิ้นเสียงดังสนั่น ร่างของฉู่เชิ่งก็พุ่งไปข้างหลังประหนึ่งลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย จากนั้นจึงกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
หลุมขนาดใหญ่ปรากฏบนพื้นซึ่งเดิมราบเรียบ!
ทุกคนต่างพากันกลืนน้ำลาย
พวกเขามองลู่หยวนราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด
เมื่อครู่ ไม่มีใครมองเห็นร่างของลู่หยวนเลย!
หมัดที่อีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปไม่มีแม้แต่ร่องรอยของปราณวิญญาณ!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าลู่หยวนเพียงใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพื่อสร้างพลังอันทรงอานุภาพเช่นนั้นขึ้นมา จากนั้นจึงเหวี่ยงเข้าใส่ฉู่เชิ่งผู้เต็มไปด้วยเพลิงวิญญาณและเพลิงสวรรค์จนกระแทกกับพื้น!
ถึงแม้จะไม่ดังมาก แต่เสียงกระดูกหักก็ยังคงก้องอยู่ในหูของทุกคน
หากหมัดนี้กระแทกใส่พวกเขา เกรงว่าสมองคงแหลกเหลวไปนานแล้ว!
ลู่หยวนยืนอยู่บนอากาศขณะมองควันธุลีซึ่งอยู่ด้านล่าง
ผ่านไปหลายอึดใจ ฉู่เชิ่งจึงยืนขึ้นอีกครั้งดังที่เขาคาดไว้
ฉู่เชิ่งมองลู่หยวนด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
เขาทราบทันทีว่าวันนี้คงไม่รอดแล้ว!
ทางเดียวคือต้องสู้!
เสียงแหบพร่ามาจากปากของฉู่เชิ่ง “ลู่หยวน เข้ามา! วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าต้องมีชีวิตอยู่!”
ทุกคนต่างมองอีกฝ่ายด้วยความนับถือ
ฉู่เชิ่งไม่ได้แค่ดวงแข็งแล้ว แต่ยังฝีปากกล้าด้วย!