บทที่ 434 พลิกผัน
บทที่ 434 พลิกผัน
ชิวชิงหลีฉวยโอกาสวางค่ายกลที่เหลืออย่างรวดเร็ว
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆหันกลับมา มันอ้าปากแล้วกลืนกินสายฟ้าทั้งหมดเข้าไป
สัตว์ประหลาดที่ได้รับพลังจากอัสนีสวรรค์ราวกับเปลี่ยนรูปลักษณ์ไป พลังของมันซ้อนทับกันชั้นแล้วชั้นเล่าท่ามกลางหมู่เมฆที่เคลื่อนตัวไปมา
จนกระทั่งยันต์แผ่นต่อไปปรากฏขึ้น ชิวชิงหลีจึงกล้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนลดมือลงด้วยสีหน้าหดหู่
อูโจ้วมองจากด้านข้างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อครู่พวกเขาย่อมรู้สึกถึงความเจ็บปวดในจิตวิญญาณ
จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับลู่หยวนเป็นแน่!
“ไม่นึกเลยว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์”
ก่อนอูโจ้วจะพูดจบ เสียงของชิวชิงหลีก็ดังขึ้น
“ไม่ต้องห่วง บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยทำสิ่งที่ไม่แน่นอนมาก่อน บัดนี้เขาเลือกลงมือ สถานการณ์จึงถูกกำหนดเอาไว้แล้ว! เจ้ากับข้าเพียงต้องทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น!”
อูโจ้วพยักหน้า ก่อนจะก้าวถอยไปรออย่างเงียบงัน
หน้าที่ของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนหลังจากนี้คือสิ่งที่ไม่อาจกำหนดได้!
บริเวณที่ตั้งค่ายกลของชิวสิง
เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา อักขระคลุมเครือก็ปกคลุมไปทั่วท้องนภา
มือของชิวสิงยังคงขยับด้วยความเร็ว โดยมีคราบเหงื่อปรากฏบนหน้าผาก
ชิวสิงกังวล เพราะตอนนี้เขาจะถูกขัดจังหวะไม่ได้!
หากพวกลู่หยวนบุกเข้ามา อาจจะเป็นการทำลายแผนการทั้งหมดที่เขาวางแผนมาตลอดหลายปีก็เป็นได้!
ชายชราตั้งสติและยังคงเร่งมือ โดยไม่เห็นว่าร่างของชิวเสวียนซึ่งอยู่ใจกลางของค่ายกลเริ่มกระตุก
ชิวเสวียนก้มศีรษะ เส้นผมสีดำบดบังใบหน้าจนแทบจะมองไม่เห็น
หากมองอย่างละเอียดก็จะเห็นดวงตาหนึ่งคู่กำลังจับจ้องชิวสิงอยู่ท่ามกลางชั้นเส้นผมสีดำ!
ราวกับเสือชีตาห์ในป่า ซึ่งทำให้รู้สึกถึงความน่ากลัว!
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งถ้วยชา ชิวสิงก็สลักอักขระทั้งหมดจนเสร็จ!
เขาถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งใจ!
อักขระที่ปกคลุมบนท้องนภากว่าครึ่งค่อยสลายหายไปในค่ายกลใต้ดิน
ชิวสิงก็ก้าวเข้ามา
วิ้ง!
เสียงคำรามของมหาวิถียังคงดังกึกก้อง
สายฟ้าวูบไหวและส่งเสียงคำรามอยู่บนท้องนภานอกตระกูลชิวประหนึ่งโทสะของทวยเทพ ทำให้ผู้คนรู้สึกยำเกรง!
หลังจากชิวเซี่ยวเทียนนำกลุ่มคนจากตระกูลชิวไปบริเวณที่ชิวสิงเอ่ยถึง แต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น!
พวกลู่หยวนหายไปนานแล้ว!
ชิวเซี่ยวเทียนแตกตื่น เขาทราบเกี่ยวกับแผนการของชิวสิงไม่มากนัก แม้เดิมทีจะมีโอกาสได้สำรวจจนค้นพบพวกมัน แต่เขาเลือกเพิกเฉยไป
ชิวเซี่ยวเทียนทราบดีเช่นกันว่าหากพูดถึงพรสวรรค์ ก็ยังมีผู้คนอีกมากที่สามารถเป็นประมุขตระกูลชิวได้ แล้วเขาจะไม่ถูกเปลี่ยนตัวได้อย่างไร?!
แต่เขาบังเอิญเป็นคนที่บรรพชนแต่งตั้งให้!
ชิวเซี่ยวเทียนทราบเช่นกันว่าข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวก็คือทราบสิ่งที่ควรรู้และไม่ทราบสิ่งที่ไม่ควรรู้!
หากเป็นเมื่อก่อน ตำแหน่งของประมุขตระกูลชิวย่อมผลัดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย!
ตำแหน่งประมุขตระกูลไม่ต่างจากคำสาป น้อยคนนักที่จะสามารถมีชีวิตได้เกินหนึ่งร้อยปี
ส่วนสาเหตุคืออะไรนั้น ชิวเซี่ยวเทียนทราบดีว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไปทราบสิ่งที่ไม่ควรรู้เข้า
หลังจากชิวเซี่ยวเทียนได้อำนาจมา เขาก็เพิกเฉยต่อทุกสิ่งที่ชิวสิงทำ
สำหรับเขา สิ่งนั้นไม่สำคัญว่าชิวสิงอยากจะทำอะไร เขาทราบเพียงว่าตนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งและปฏิบัติหน้าที่ตามที่ชิวสิงบอกให้ดี! แค่นั้นก็เกินพอแล้ว
แต่การทำแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย! ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ถึงแม้จะสามารถปกป้องตัวเองให้อยู่รอดจนมาถึงทุกวันนี้ได้ แต่ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ชิวเซี่ยวเทียนผู้ไม่ทราบเกี่ยวกับการตระเตรียมของชิวสิงก็ไม่อาจทำอะไรได้
ถึงแม้จะอยากทำตามคำสั่งของชิวสิงให้เรียบร้อย แต่เมื่อมองจวนตระกูลชิวที่อยู่ในซากปรักหักพัง ชิวเซี่ยวเทียนก็ไม่ทราบว่าควรจะพาผู้คนไปที่ใด
ผ่านไปพักใหญ่ ชิวสิงก็ถ่ายทอดคำสั่งให้ทุกคนในสมาชิกตระกูลชิวแยกกันค้นหา!
จะต้องหยุดลู่หยวนให้ได้!
แต่จะไปหยุดลู่หยวนที่ไหนล่ะ?
ถ้าชิวเซี่ยวเทียนไม่ทราบ ทุกคนในตระกูลชิวก็ไม่ทราบเช่นกัน
ทุกคนเหมือนกับแมลงวันไร้หัวที่เวียนวนไปมาอย่างไร้ทิศทาง
ลู่หยวนตามชิวสิงจนมาถึงริมค่ายกลก่อนจะใช้ระบบควบคุมกลิ่นอายของตัวเอง!
เขาสังเกตเห็นว่าหลังจากชิวสิงเข้าค่ายกลมาแล้ว อักขระที่เพิ่งสลักลงไปเพียงอยู่ภายในสักพักก่อนจะพากันเข้าสู่ร่างของชิวเสวียน!
หลังจากนั้น ชิวสิงก็เดินมาหาชิวเสวียนก่อนจะแนบฝ่ามือบนหน้าอกของอีกฝ่าย
พลังนั้นระเบิดในชั่วพริบตา!
สีหน้าของชิวเสวียนพลันเปลี่ยนไป เขาอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา!
แสงสีทองสาดส่องออกมา ขณะกลืนร่างของทั้งสองเข้าไป
เจิ้งชิงเทียนที่เดินตามลู่หยวน รู้สึกวิตกหลังจากเห็นเช่นนี้
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะไม่ลงมือหรือ?”
ในมุมมองของเจิ้งชิงเทียน ชิวสิงในตอนนี้อยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด หากลงมือยามนี้ ย่อมสามารถโค่นอีกฝ่ายได้ในอึดใจเดียว!
ลู่หยวนยกยิ้ม “ไม่จำเป็น เพราะเขาถือว่าเป็นคนตายไปแล้ว!”
เจิ้งชิงเทียนไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองพื้นที่อย่างตั้งใจ นางก็ได้แต่มองตามอยู่สักพัก
ก๊อง!
เสียงประหนึ่งระฆังขนาดใหญ่ดังก้องมาจากแสงสีทอง รูปทรงของมันประหนึ่งคลื่นอากาศ ขณะกระจายไปทั่วทุกทิศทาง!
ทุกสิ่งนอกตระกูลชิวเปลี่ยนไป สภาพอากาศขุ่นมัวจนน่าสะพรึงก่อนแรงกดดันจะเคลื่อนลงมา ทำให้ฟ้าดินเกือบถูกทำลายด้วยแรงกดดันนี้!
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม แสงสีทองจึงอยู่ในสภาพมั่นคง กลิ่นอายซึ่งเป็นของชิวเสวียนกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลิ่นอายที่เป็นของชิวสิงกำลังเพิ่มขึ้น!
ทันใดนั้น แสงสีทองสั่นไหวอีกครั้ง!
เหตุการ์ทั้งหมดเกิดการพลิกผัน!
กลิ่นอายของชิวสิงที่ไปถึงจุดสูงสุดกลับลดลง ทำให้พลังของชิวเสวียนพลันสั่นไหว!
หลังจากนั้น แสงสีทองพลันพร่างพราวและวาบไหวก่อนสรรพสิ่งจะระเบิด!
ร่างของชิวสิงพลันล้มลง แต่ร่างของชิวเสวียนยังคงยืนหยัด
“ชิวเสวียน” ยื่นฝ่ามือออกไปขณะก้มมอง ผ่านไปหลายอึดใจ เสียงหัวเราะต่ำก็ดังขึ้น!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
“สำเร็จ! สำเร็จ!”
“ชิวเสวียน” มองท้องนภาแล้วยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง “แดนเซียน ข้ามาแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
“เขายึดร่างสำเร็จแล้วหรือ?”
เจิ้งชิงเทียนคิ้วขมวด ชิวสิงในยามนี้ถ่ายพลังทั้งหมดเสร็จแล้ว พลังซึ่งเป็นของเขาได้หลอมรวมเข้ากับชิวเสวียน
ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะลงมือเท่าไหร่นัก!
“ไม่ต้องรีบร้อน”
ลู่หยวนเอ่ยขณะปลอบประโลมเจิ้งชิงเทียน “ความสนุกมันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น!”
ลู่หยวนไม่เชื่อว่าชิวเสวียนจะมาพลาดท่าเช่นนี้
เพราะค่าโชคชะตาของอีกฝ่ายสูงถึง 88,000 แต้ม!
ด้วยจำนวนขนาดนี้ ต่อให้ท้าทายวิถีสวรรค์ก็ยังสามารถรอดชีวิตกลับมาได้!
เพราะอย่างนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องชิวสิง
เรื่องนี้จะต้องมีการพลิกผันอย่างแน่นอน!
เมื่อลู่หยวนเอ่ยจบ เขาเห็น “ชิวเสวียน” กำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นร่างกายก็หยุดนิ่ง!
เสียงชายหนุ่มอันทุ้มต่ำปรากฏขึ้น “สุนัขเฒ่า ร่างกายของข้าเหมาะกับเจ้าหรือไม่?”