บทที่ 450 ดาบสามคมเจี่ยวหลง
บทที่ 450 ดาบสามคมเจี่ยวหลง
ถึงแม้ลู่หยวนจะไม่ทราบว่าคนเหล่านี้เป็นใคร แต่ก็ทราบว่าพวกเขามาเพราะเหตุใด!
บัดนี้ แทบทุกคนในตระกูลชิวไร้ซึ่งพลังแห่งวิถีคุณธรรม พวกเขาจึงไม่ได้เปรียบอีกต่อไป
หากไม่มีพลังดังกล่าวคอยปกป้อง คนเหล่านี้ย่อมไม่ต่างจากตระกูลธรรมดาที่มีอยู่ดาษดื่น
ศีลธรรมจรรยาอะไรกัน เพราะแก่นแท้ของวิถีคุณธรรมต่างหากที่ทำให้ทุกคนแสร้งทำดีกับสมาชิกตระกูลชิว ยามนี้พวกเขาสูญเสียมันไปแล้ว ใยต้องเสแสร้งต่อด้วยเล่า!
ถึงเวลาปล้นก็ต้องปล้น ถึงเวลาช่วงชิงก็ต้องช่วงชิง!
นับตั้งแต่ค่ายกลของลู่หยวนเปิดออก วิถีคุณธรรมของตระกูลชิวก็ถูกผู้คนจำนวนมากช่วงชิง โดยค่ายกลที่เต็มไปด้วยพลังแห่งวิถีคุณธรรมที่ทำหน้าที่ปกป้องนอกตระกูลก็พังทลายในบัดดล!
แม้ทุกคนจะสัมผัสถึงพลังแห่งวิถีคุณธรรมที่แรงกล้าจากคนผู้หนึ่ง แต่ความตกต่ำของวิถีคุณธรรมซึ่งเป็นของตระกูลชิวก็ประจักษ์แจ้งเช่นกัน
พวกเขาสังเกตการณ์จนทราบว่าไม่อาจลงมือกับผู้มีพลังอันแก่กล้าเหล่านั้นได้
ทว่าตระกูลชิวอยู่ที่นี่มาหลายแสนปี ภูมิหลังของพวกเขาเป็นที่ประจักษ์ชัด บัดนี้ถึงคราวตกต่ำแล้ว ต่อให้พวกตนไม่ช่วงชิงก็ต้องมีผู้อื่นลงมืออยู่ดี!
แทนที่จะปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือผู้อื่น สู้เข้าปากตัวเองเสียยังดีกว่า!
ถึงแม้คนผู้นั้นมีโอกาสจดจำพวกตนได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีวิถีคุณธรรม พูดให้ถูกก็คือมีจิตใจอันชอบธรรม แล้วอีกฝ่ายจะมาโต้เถียงคนอย่างพวกเขาได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น มีผู้คนตั้งมากมายที่หมายจะช่วงชิง ผู้ใดจะจดจำคนจำนวนมากขนาดนั้นได้หรือ?
ทุกคนไม่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดนี้!
สุดท้ายแล้วเรื่องราวก็ถูกตัดสิน อีกอย่าง พวกเขาไม่ได้กำลังเข่นฆ่าคน แต่กำลังช่วยตระกูลชิวปกป้องทรัพยากร พวกตนถือว่าเป็นคนดีเสียด้วยซ้ำ!
ความคิดเช่นนี้กระตุ้นให้คนเหล่านี้จับกระบี่และดาบก่อนมาจะออกมานอกตระกูลชิว!
ลู่หยวนทราบดีว่าพวกเขากำลังคิดอะไร ต่อให้คนเหล่านี้ไม่ได้เอ่ยคำใด แต่การกระทำก็ไม่ต่างจากนกแร้งที่กำลังมองดูคนใกล้ตาย!
อีกฝ่ายไม่คาดคิดว่าผู้นำกลุ่มคนดังกล่าวที่ก้าวเท้าออกมาจะเป็นเพียงผู้ชายที่มีอายุยี่สิบปีเท่านั้น
หากอยู่ท่ามกลางตระกูลชั้นสูงธรรมดา เขาก็เป็นเพียงผู้น้อยคนหนึ่ง
แต่ผู้ชายผมแดงร่างกำยำนับว่าเป็นประมุขของสำนักขนาดเล็ก ทั้งที่เขาเอ่ยถามที่มาด้วยความสุภาพ แต่คาดไม่ถึงว่าจะโดนตวาดกลับมา!
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน!
วันนี้มีผู้คนอยู่ที่นี่นับหมื่น! พวกเขาต่างเฝ้าจับตาดู!
หากโดนหยามซึ่งหน้าแต่ยังไม่เอาคืนให้สาสม แล้วภายภาคหน้าจะสู้หน้าผู้อื่นได้อย่างไร!
ผู้ชายผมแดงร่างกำยำก้าวมาข้างหน้าขณะชำเลืองมองลู่หยวน “เจ้าหนู เพราะข้าเห็นเจ้าดูเหมือนลูกจากตระกูลชั้นสูงก็เลยพูดจาสุภาพด้วย! แต่คาดไม่ถึงว่าจะทำตัวไร้ยางอายเพียงนี้! คิดว่าชื่อเสียงของนักดาบสามคมซงหมิง… ที่แพร่สะพัดไปทั่วเป็นเพียงของดูเล่นงั้นหรือ?!”
ลู่หยวนยิ้มเย้ยหยัน “ซงหมิง? หมายถึงซ่งหมิง (ถูกฆ่า) หรือ? ผู้ใดกันที่ตั้งชื่อได้น่ารังเกียจเพียงนี้?”
สีหน้าของซงหมิงยิ่งเต็มไปด้วยโทสะ เขาก้าวมาข้างหน้าพร้อมยื่นมือออกมา แล้วดาบสามคมก็ปรากฏ!
ยามดาบสามคมปรากฏก็มีเจี่ยวหลงบินเวียนวนไปมา!
ลู่หยวนหรี่ตา อาวุธชิ้นนี้ดูเหมือนจะต่างออกไป!
เมื่อซงหมิงกำลังจะลงมือ ฝูงชนซึ่งอยู่ด้านหลังต่างส่งเสียงเซ็งแซ่!
ทุกคนพากันก้มศีรษะกระซิบกระซาบเสียงต่ำ บรรยากาศก็เริ่มจริงจัง
ซงหมิงหันมองกลับไปด้วยความสับสน
กลุ่มคนนับหมื่นยิ่งพากันปิดปากสนิทขณะจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความเห็นอกเห็นใจ บางคนถึงขั้นรู้สึกยินดีอยู่ภายใน
“พวกเจ้า…”
ซงหมิงพลันเอ่ยราวกับอยากสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ผู้คนนับหมื่นต่างมองลู่หยวน จากนั้นประสานมือด้วยความเคารพพร้อมเปล่งเสียงตะโกน “คารวะบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”
ทุกคนก้าวถอยหลังพร้อมกันแล้วตะโกนออกมาอีกครั้ง “ขอให้โชคชะตาเซียนของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มั่งคั่งยั่งยืน!”
“คารวะบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”
จากนั้น ผู้คนเรือนหมื่นต่างหยิบยันต์หรืองัดอุบายเพื่อหลบหนีไปด้านหลังโดยเร็วที่สุด! ราวกับได้พานพบพญายม!
เพียงอึดใจเดียว จากเดิมที่พวกเขาห้อมล้อมตระกูลชิวไว้ ต่างก็หายไปในพริบตาไม่หลงเหลือแม้แต่กลุ่มควัน!
ซงหมิงขมวดคิ้วราวกับตามเรื่องราวไม่ทัน เขาพึมพำ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่… หรือ?”
หลังจากเงียบไปหลายอึดใจ ซงหมิงก็รู้สึกตัว สีหน้าของเขาซีดเผือดขณะหัวใจเต้นรัว
บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ทุกวันนี้ยังมีใครใช้ชื่อดังกล่าวบนแผ่นดินแห่งนี้ได้อีก?!
มีเพียงปีศาจร้ายในร่างมนุษย์แห่งตระกูลลู่ในเวิ้งทะเลแดนเหนือ… ลู่หยวน พญายมลู่!
มีข่าวลือว่าเขาสามารถกินคนโดยไม่คายกระดูกออกมาได้!
ซงหมิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากแล้วหันหลัง ชั่วพริบตาเดียว เขาคิดหาข้อแก้ต่างมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งวิธีการตาย!
แต่ทันทีที่หันมาพบลู่หยวน ทุกสิ่งที่คิดเมื่อครู่ก็อันตรธานหายไป
ผู้ชายร่างกำยำสูงเกือบสองเมตรพยายามยิ้ม แต่ยิ่งพยายามกลับยิ่งแสดงสีหน้าเหมือนเพิ่งเสียพ่อแม่
ลู่หยวนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงบ
ในสายตาของซงหมิง มันคือยันต์แห่งความตายจากพญายม!
ขาของเขาอ่อนแรงคุกเข่าลงกับพื้น ร้องขอความเมตตา “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้ามีแม่อายุแปดสิบปีที่เป็นอัมพาต มีลูกชายอายุสิบปีรอป้อนนมอยู่! ข้าคือเสาหลักของครอบครัว พวกเขาจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีข้า!”
ฮ่วนซิงไป๋ยืนอยู่ข้างกายพลางยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า “แม่อายุแปดสิบปีหรือ? เจ้าสุนัขเฒ่าที่ดูเหมือนอายุสองร้อยปี จะไปหาแม่อายุแปดสิบปีมาจากที่ใดได้?”
“ลูกอายุสิบขวบแต่ยังต้องดูดนม เจ้าพูดเรื่องบ้าอะไรกัน?!”
ลู่หยวนก้าวออกไปหนึ่งก้าว อากาศรอบข้างสั่นไหว พริบตาต่อมา ก็มาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย
ซงหมิงเห็นเพียงแสงวาบก่อนลู่หยวนจะมาถึงตรงหน้า หัวใจของเขาพลันเย็นยะเยือก ดวงตากลอกกลิ้งก่อนจะหมดสติ
ลู่หยวนไม่แม้แต่มองอีกฝ่าย เขาประสานนิ้วเข้าด้วยกันแล้วยกขึ้น ดาบสามคมซึ่งอยู่บนพื้นดินก็ลอยมาอยู่ในมือ!
[แจ้งเตือนจากระบบ: ชื่อของดาบเล่มนี้คือ… ดาบสามคมเจี่ยวหลง! เป็นอาวุธระดับจักรพรรดิ! หากใช้ร่วมกับเพลิงวิญญาณ ท่านสามารถเปลี่ยนมันเป็นอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้!]
“ดาบสามคมเจี่ยวหลงหรือ?”
ลู่หยวนเก็บดาบนี้เข้าไป
ฮ่วนซิงไป๋เข้ามาใกล้ เมื่อเห็นปัสสาวะและอุจาระของซงหมิง เขาก็ขมวดคิ้วพร้อมบีบจมูก “บุตรศักดิ์สิทธิ์จะทำอย่างไรกับเขาหรือ?”
ลู่หยวนชำเลืองมองซงหมิงแล้วจากไปในทันที
ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง จะกำจัดหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน
ฮ่วนซิงไป๋เรียกคนจากตระกูลชิวให้มาจัดการกับซงหมิง
ยังเหลือเวลาก่อนจะเดินทางสู่เกาะสังหารเซียน ซึ่งลู่หยวนก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ
“กลับแดนมัชฌิม!”
สิ้นคำของลู่หยวน ทุกคนก็ออกเดินทาง!
ระหว่างทาง ระบบก็ส่งเสียงออกมา
[แจ้งเตือนจากระบบ: สมาชิกราชวงศ์ทั้งหมดของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์หุบเขาบูรพาถูกสังหาร! ในฐานะสมาชิกคนสุดท้าย เทียนเม่ยเอ๋อร์จะสืบทอดพลังของจักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์!]
ลู่หยวนตกตะลึงชั่วขณะ แล้วมุมปากก็ยกขึ้น
เดิมทีเขาวางแผนจะยุติราชวงศ์ของฉินอี่หาน แต่คาดไม่ถึงว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง!
จิ้งจอกสวรรค์หุบเขาบูรพา…
ถึงอย่างไร ราชวงศ์อู๋ซวงของฉินอี่หานก็ตั้งอยู่บนจุดตัดของหุบเขาบูรพากับทะเลใต้!
แค่จัดการไปพร้อมกันก็พอแล้ว!
——————————-