บทที่ 459 กู้ชิงหรัน
บทที่ 459 กู้ชิงหรัน
มนุษย์เพศหญิงหรือ?
ลู่หยวนขมวดคิ้ว
ในวันนั้น ขณะเทียนเม่ยเอ๋อร์กำลังจะเอ่ยต่อก็พลันมีเสียงตะโกนดังสนั่นมาจากนอกห้องโถง
องครักษ์จิ้งจอกสวรรค์รีบวิ่งมาที่หน้าห้องโถงที่ทั้งสองอยู่ เขาไม่กล้าเข้ามา ก่อนจะเอ่ยด้วยความร้อนรน “ท่านจักรพรรดินี! ท่านจักรพรรดินี! อยู่หรือไม่?!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์เอ่ยทันที “มีอะไร”
องครักษ์เอ่ย “รายงานท่านจักรพรรดินี ซากปรักหักพังเริ่มขยายตัวจนปกคลุมท้องฟ้าเกือบทั้งหมดแล้ว! มีแขนขนาดใหญ่จำนวนมากยื่นออกมาจากมัน ซึ่งหลายข้างเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์! แม้พวกแม่ทัพเหลิ่งเหยียนลงมือ แต่พวกเขาทำอะไรมันไม่ได้เลย!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์กังวลเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่นางไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามก่อนจะหันไปมองลู่หยวนทันที
ลู่หยวนคิ้วขมวดพลางก้าวเดินแล้วเอ่ย “ไปดูกันเถอะ”
สิ้นคำ ลู่หยวนกับเทียนเม่ยเอ๋อร์ก็เดินออกไป!
ในดินแดนของจิ้งจอกสวรรค์ยามนี้ สายลมแรงกล้าพัดพาทั่วบริเวณ ทำให้ปราณวิญญาณทั้งหลายตกอยู่ในความโกลาหล!
แต่เหนือท้องนภากลับแปลกประหลาดยิ่งกว่า!
ดวงอาทิตย์สีแดงบนผืนฟ้าเกิดการแปรเปลี่ยน ซึ่งบริเวณขอบของมันมีลวดลายอักขระยื่นออกมา แต่เพียงไม่กี่อึดใจก็ก่อตัวขึ้นประหนึ่งใยแมงมุมสีแดงก่อนจะปกคลุมเกือบทั่วทั้งบริเวณ!
และภายใต้ดวงอาทิตย์สีแดงก็มีวังวนสีดำ
ทันทีที่ลู่หยวนก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากวังวนดังกล่าว
ปราณวิญญาณจากทุกทิศทางพังทลาย แต่เมื่อมันไหลเข้าสู่วังวนนี้ก็ต่างพากันหลีกเลี่ยง
พื้นที่ซึ่งไม่มีปราณวิญญาณได้ก่อตัวขึ้นรอบวังวนนี้!
ไป๋ชิวเอ๋อร์รีบวิ่งออกมาดูท้องนภา
ตำราจำนวนนับไม่ถ้วนถูกพลิกดูอย่างต่อเนื่องอยู่ในใจของไป๋ชิวเอ๋อร์ ทันใดนั้นหน้าคำบรรยายที่ครั้งหนึ่งเคยเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็ผุดขึ้นในใจของนาง!
“คำสาปวิถีเทพหรือ?”
ลู่หยวนพึมพำในสิ่งที่ไป๋ชิวเอ๋อร์คิดเอาไว้ออกมาอย่างแม่นยำ!
บัดนี้สิ่งแปลกประหลาดทั้งหลายไม่เกี่ยวข้องกับซากปรักหักพังแต่อย่างใด
ดวงอาทิตย์สีแดงสูญสลายก่อนปราณวิญญาณจะถูกตัดขาด!
สิ่งนี้สอดคล้องกับคำสาปวิถีเทพที่ถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณ!
สิ่งที่เรียกว่าคำสาปวิถีเทพถูกสร้างขึ้นตอนสามทวยเทพสร้างแผ่นดินหยวนหงในช่วงที่ฟ้าดินตกอยู่ในความโกลาหล
ทวยเทพทั้งสามปกครองโลก แต่หนึ่งในนั้นกลับมีจิตใจชั่วร้าย ทำให้อีกสองตนร่วมมือกันสร้างคำสาปวิถีเทพขึ้นมา!
วิถีเทพที่จะคงอยู่ตราบชั่วนิรันดร์!
ในตำราเพียงบันทึกว่าต่อให้ทวยเทพที่ถือครองคำสาปวิถีเทพจะไปที่ใด ท้องนภาก็จะถูกปกคลุมด้วยดวงอาทิตย์สีแดงพร้อมกับที่ปราณวิญญาณจะถูกตัดขาด!
ส่วนวิธีคลายคำสาปวิถีเทพนี้ วิธีใช้และและวิธีกำจัดเป็นอย่างไรนั้น กลับไม่มีการระบุเอาไว้
ในตอนท้ายของตำราได้มีการแนบประโยคหนึ่งเอาไว้ โดยบอกว่าอายุขัยของทวยเทพที่ถูกคำสาปวิถีเทพจะไม่ลดลง พวกเขายังคงมีชีวิตบนโลกต่อไป แต่ความเจ็บปวดที่ต้องแบกรับย่อมเกินกว่าจะบรรยายได้!
‘วิ้ง!…’
เสียงคลื่นสั่นสะเทือนดังขึ้น แล้ววังวนที่หมุนอยู่ตลอดเวลาก็หยุดนิ่ง!
สรรพสิ่งรอบข้างก็หยุดนิ่งเช่นกัน!
ลู่หยวนคิ้วขมวดเมื่อเห็นกลิ่นอายขนาดเล็กยังคงทะยานเข้าสู่วังวนดังกล่าว เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่ามีบางอย่างกำลังจะออกมา!
วงแสงเลือนรางสั่นสะเทือนออกมาจากวังวน จากนั้น ชุดสีขาวราวจันทราก็ปรากฏขึ้นก่อน
ฝูงชนกวาดสายตาขึ้นไปก่อนจะพบผู้หญิงไร้ที่ติผู้หนึ่งกำลังเดินออกมาจากวังวน!
นางสวมชุดสีขาวราวจันทรา รูปร่างงามสง่า เส้นผมยาวถูกรวบเข้าด้วยกัน สวมมงกุฎสีทอง ปอยผมบางส่วนห้อยลงมา ยิ่งขับเน้นความเกียจคร้านของอีกฝ่าย
มือของนางอุ้มสัตว์ร้ายขนาดเล็กที่มีรูปร่างเหมือนจิ้งจอกเอาไว้ รูปร่างคล้ายกับมีอาการป่วยราวกับกำลังจะถึงแก่ความตาย
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ปกปิดรูปลักษณ์แต่อย่างใด ใบหน้ารูปดวงจันทร์ก้มมองลงมาประหนึ่งเทพธิดาลงมาสู่โลก แม้แต่ไป๋ชิวเอ๋อร์และผู้หญิงคนอื่นก็มิอาจเทียบรูปลักษณ์ดังกล่าวได้!
แต่ลู่หยวนไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่กลับจ้องมองไปที่กระบี่หักซึ่งตั้งอยู่ข้างกายผู้หญิงคนนั้น!
กระบี่หักเล่มนั้น…
ลู่หยวนเคยเห็นมาก่อน!
เขาเคยฝันถึงเรื่องนี้ช่วงที่ได้รับสายเลือดของราชันมาร
ในความฝัน เขากลายเป็นราชันมาร ส่วนผู้ที่เผชิญหน้ากับราชันมารก่อนจะสังหารเขาได้ก็คือผู้หญิงที่ถือกระบี่หัก!
แม้ใบหน้าของผู้หญิงจะมองเห็นไม่ชัด แต่นางสวมชุดสีขาวแล้วก้าวผ่านห้วงอากาศพร้อมกับครอบครองพลังสูงสุด!
ลู่หยวนไม่มั่นใจว่าผู้หญิงในความฝันมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนตรงหน้าหรือไม่ แต่เขาทราบดีว่ากระบี่หักที่เห็นในความฝันคือกระบี่ที่อยู่ตรงหน้า!
คนที่เหลือไม่อาจสงบได้เหมือนลู่หยวน พวกเขาต่างพากันคุกเข่าทันทีที่ผู้หญิงปรากฏตัว!
แรงกดดันอันทรงพลังไร้ใครเทียบได้เคลื่อนลงมา พวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขัดขืน ทำให้ขาอ่อนแรงก่อนจะคุกเข่าลง!
แม้แต่ไป๋ชิวเอ๋อร์กับเทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคุกเข่า!
ส่วนทางลู่หยวนกลับไม่เคลื่อนไหว ราวกับพลังมหาศาลดังกล่าวไม่ได้เคลื่อนลงมาที่เขาแต่อย่างใด!
เมื่อลู่หยวนกลับมามีสติ เขาก็ได้ยินเสียงของระบบดังขึ้นอยู่ภายใน
[แจ้งเตือนจากระบบ: บุคคลที่ถือครองโชคชะตาของโลกเมื่อสามแสนปีก่อนปรากฏตัว!]
[ระบบกำลังตรวจสอบ กรุณารอสักครู่!]
เสียงของระบบเงียบไป
สายตาของผู้หญิงเคลื่อนมาจับจ้องที่ลู่หยวน
ริมฝีปากสีแดงเปิดออกก่อนคำพูดที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งจะตามมา “ลู่หยวน เมื่อไหร่เจ้าจะแต่งงานกับข้า?”
ทันทีที่สิ้นคำก็เหมือนกับมีคลื่นนับหมื่นเข้าซัดสาด พลันหัวใจของหญิงสาวด้านหลังลู่หยวนก็เกิดความปั่นป่วน
พวกนางปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาจนพอจะเงยหน้ามองผู้หญิงที่อยู่ในอากาศได้อีกครั้ง
ทุกคนมีความคิดแปลกประหลาดอยู่ภายใน
‘นายท่าน… หมั้นหมายกับผู้อื่นไว้แล้วหรือ?!’
ลู่หยวนคิ้วขมวด เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “เจ้าเป็นใคร?”
ผู้หญิงเอ่ยออกมา “กู้ชิงหรัน”
ลู่หยวนเคยหมั้นหมายเอาไว้จริง ซึ่งอู่หมิงเสวี่ยเคยกล่าวถึงหลายครั้ง แต่เพราะครอบครัวที่ต้องแต่งงานด้วยอยู่ในสภาพตกต่ำ ตระกูลลู่จึงไม่คิดเรื่องหมั้นหมายอย่างจริงจัง
ลู่หยวนก็ไม่ได้จริงจังเช่นกัน ตอนอู่หมิงเสวี่ยบอกว่าผู้หญิงที่เขาหมั้นหมายกำลังตามหาตัวอยู่ เขาก็ยิ่งไม่สนใจ
สำหรับลู่หยวน เรื่องการหมั้นหมายเช่นนี้นับว่าเหลวไหลสิ้นดี
ลู่หยวนคิดมานานแล้วว่าจะรับมือกับมันอย่างไร!
แต่คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ทว่า… นางก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด!
กู้ชิงหรันยังคงไม่เอ่ยคำใดกับลู่หยวนก่อนจะลอยตรงมาทางเขา!
ตอนนี้เองที่เสียงของระบบดังขึ้น!
[การตรวจสอบเสร็จสิ้น!]
[กู้ชิงหรันคือธิดาแห่งโชคชะตาสวรรค์! นางคือผู้ถือครองมหาโชคชะตาของโลกเมื่อสามแสนปีก่อน! เพราะโชคชะตาของนางแข็งแกร่งมาก จึงไม่มีใครต้านทานได้! ไม่ว่าจะมนุษย์หรืออสูรร้ายที่มาขวางทางล้วนถูกโชคชะตาดังกล่าวกดทับ! หากอยู่ใกล้เกินไปก็จะถูกมหาโชคชะตากลืนกินก่อนจะถูกทำลายสิ้น!]
ทันทีที่สิ้นเสียงระบบ ลู่หยวนก็รู้สึกได้ว่าพื้นใต้เท้าที่เดิมแข็งก็เกิดการแตกร้าว!
เมื่อกู้ชิงหรันยืนอยู่ตรงหน้า พื้นดินภายในรัศมีหลายพันลี้ซึ่งมีลู่หยวนเป็นศูนย์กลางก็พังทลาย!
จิ้งจอกสวรรค์และผู้หญิงทั้งหลายที่กำลังคุกเข่าทั้งซ้ายขวาต่างรู้สึกจุกในลำคอ วิงเวียนศีรษะ แล้วกระอักโลหิตออกมาก่อนจะหมดสติ!
ลู่หยวนมองรอบข้างก่อนจะเห็นว่าพื้นที่ซึ่งเดิมเป็นสีเขียวขจี แต่บัดนี้กลับกลายเป็นทุ่งหญ้าแห้งแล้ง!
[คำแนะนำ: ท่านสามารถสรุปได้ว่ากู้ชิงหรันคือเคราะห์ร้าย!]
——————————-