บทที่ 474 กำราบเผ่าจักรพรรดิ
บทที่ 474 กำราบเผ่าจักรพรรดิ
จักรพรรดินาคาทะยานกลืนน้ำลายด้วยหวาดกลัวต่อกู้ชิงหรัน!
ก่อนหน้านี้ที่อัสนีสวรรค์ฟาดลงมา พวกมันเล่นงานเขาอย่างจัง!
แต่จักรพรรดินาคาทะยานทราบดีว่า หากไม่ออกไปในตอนนี้ เขาจะต้องติดอยู่ในค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าจนยากที่จะหลบหนีได้อย่างแน่นอน!
เทียบกันแล้ว เขาก็มีโอกาสทะลวงฝ่าคนผู้นี้ได้มากกว่า!
ทันทีที่สิ้นความคิด จักรพรรดินาคาทะยานก็ย่อกายก่อนร่างจะวูบไหว!
ชั้นเกล็ดงูเริ่มรวมตัวกันตามผิวหนังของจักรพรรดินาคาทะยาน แล้วกลิ่นอายโบราณอันยิ่งใหญ่ก็ระเบิดออกมา!
กู้ชิงหรันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายร้ายกาจของจักรพรรดินาคาทะยานเช่นกัน หลังจากนั้น มือที่ถือกระบี่หักเอาไว้ก็สั่นไหว แล้วปราณกระบี่นับไม่ถ้วนก็เวียนวนรอบกายของนาง!
เพียงชั่วขณะ ค่ายกลกระบี่ก็รายล้อมเขาไว้ สายลมแรงกล้าทำให้รอบข้างสั่นไหวพร้อมกับเผยจิตสังหารทั่วบริเวณ!
พลังบนร่างของจักรพรรดินาคาทะยานเพิ่มขึ้นระดับหนึ่งก่อนจะพลันหยุดนิ่ง แล้วลูกตาแนวตั้งของเขาก็เริ่มกลายเป็นสีแดง!
ทันใดนั้น จักรพรรดินาคาทะยานก็ระเบิดพลังออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหากู้ชิงหรัน!
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก!
แม้กู้ชิงหรันจะปลดปล่อยปราณกระบี่ทั้งหมดออกมาพร้อมแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ แต่นางก็ยังไม่สามารถทำร้ายจักรพรรดินาคาทะยานผู้เคลื่อนไหวอยู่ภายในอย่างต่อเนื่องได้!
ทันทีที่สิ้นการโจมตี กู้ชิงหรันก็ถูกห้อมล้อมด้วยความว่างเปล่า ไร้ซึ่งปราณกระบี่แต่อย่างใด!
ร่างของนาคาทะยานพลันหายไปจากตรงหน้านาง!
กู้ชิงหรันขมวดคิ้วพลางเหลือบมองไปทั่ว เมื่อกำลังจะคลายมือ นางก็ได้ยินเสียงเย็นยะเยือกมาจากด้านหลัง
“สาวน้อย ความสามารถในการควบคุมอัสนีสวรรค์นับว่าร้ายกาจไม่เบา! ตอนแรกข้าก็หวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ยอมใช้มัน เช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีค่าในสายตาข้า!”
จักรพรรดินาคาทะยานพ่นลมเย็นออกมาจากปากก่อนร่างจะขยายใหญ่ขึ้น ทันใดนั้น เกล็ดงูก็พุ่งออกไปก่อนจะกลายเป็นงูขนาดใหญ่ที่พันรอบร่างของกู้ชิงหรัน!
ร่างของงูขนาดใหญ่ยังคงบีบรัดอย่างต่อเนื่องขณะจองจำกู้ชิงหรันอย่างแน่นหนา แรงกดดันนี้มีกลิ่นอายโบราณอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมผูกมัดห้วงอากาศรอบข้างเอาไว้!
ตอนนี้เองที่สีหน้าตึงเครียดของกู้ชิงหรันก็ผ่อนคลายลง นางขมวดคิ้วมองไปทางจักรพรรดินาคาทะยานด้วยแววตาหยอกล้อ!
ทันใดนั้น อักขระสีทองจำนวนมากก็เริ่มสลายออกจากร่างของนาง!
หัวใจของจักรพรรดินาคาทะยานดิ่งวูบ!
ความคิดเลวร้ายยิ่งก่อเกิดขึ้นภายใน!
แต่ก่อนจักรพรรดินาคาทะยานจะได้ถอยหนี ร่างของกู้ชิงหรันผู้ถูกเขารัดเอาไว้ก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ!
‘วิ้ง!’
ท่ามกลางแสงวูบไหว อักขระสีทองก็กระจัดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง แล้วร่างของกู้ชิงหรันก็หายไปก่อนจะถูกแทนที่โดยลู่หยวน!
ลู่หยวนยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสกับร่างของจักรพรรดินาคาทะยานอยู่หลายครั้ง แล้วใช้ลมปราณเพื่อแผ่ขยายออกไปทั่วร่างของอีกฝ่าย!
ลู่หยวนสร้างผนึกด้วยมือ จากนั้นจุดแสงสีแดงโลหิตก็กระจายออกมาจากปลายนิ้ว
เขาเงยหน้ามองจักรพรรดินาคาทะยานด้วยสายตาขี้เล่นแบบเดียวกับกู้ชิงหรันเมื่อครู่
จักรพรรดินาคาทะยานสัมผัสได้ว่าบริเวณที่ลู่หยวนเพิ่งสัมผัสไปนั้น เริ่มรู้สึกร้อนขึ้น!
เมื่อก้มลงไปมอง เขาเห็นเพียงอักขระสีแดงโลหิตที่เริ่มหมุนอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งอักขระดังกล่าวให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยไม่น้อย พวกมันเหมือนสิ่งที่อยู่กับค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่าบนท้องนภา!
“นี่มันอะไรกัน?!”
จักรพรรดินาคาทะยานตกตะลึง เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าค่ายกลนั้นสามารถประทับใส่ผู้อื่นได้!
‘วิ้ง!’
ทันใดนั้น อักขระก็กระจายออกไปทันทีก่อนโลหิตจะปกคลุมทั่วร่างของจักรพรรดินาคาทะยาน!
จักรพรรดินาคาทะยานเพียงรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มร้อนผ่าว แม้จะไม่เสียหายมากนักในตอนนี้ แต่ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้กลับเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ!
สิ่งที่ลู่หยวนต้องการคือชีวิตของเขาเป็นแน่!
แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ทราบว่าจะคลี่คลายมันอย่างไร!
หู่เซียวผู้อยู่ไกลออกไปก็สัมผัสได้เช่นกันว่าตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติ อักขระโลหิตปรากฏบนร่างของเขาก่อนจะปกคลุมทั่วร่างจนเริ่มให้ความรู้สึกร้อนผ่าว!
ไม่ช้า จักรพรรดิทั้งสองก็เริ่มสัมผัสได้ว่าพลังที่เป็นของพวกเขาเริ่มพังทลาย!
ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างไรก็ไม่เป็นผล!
แม้แต่พลังที่มาพร้อมกับพวกเขาตั้งแต่เกิดก็เริ่มหายไปราวกับถูกดูดกลืนโดยบางสิ่ง!
จักรพรรดิจูอั้นผู้อยู่ข้างกายบังเกิดความหวาดกลัวเมื่อเห็นเช่นนี้ หากพลังต้นกำเนิดทั้งหมดหายไป ต่อให้เขารอดไปได้ก็คงเป็นเพียงขยะเท่านั้น!
เขาต้องการหนีไปจากที่นี่ แต่พลังของค่ายกลโลหิตหมื่นเผ่ากลับเคลื่อนลงมาทันทีเพื่อกำราบเขาเอาไว้!
หนวดที่ยังคงดึงพลังจากรูหนอนก็ยืดออกมาบางส่วนขณะพันรอบร่างของจักรพรรดิจูอั้น!
แม้จักรพรรดิจูอั้นจะพยายามระดมพลังแต่ก็เปล่าประโยชน์ ทันทีที่หนวดสัมผัส มันก็ทะลวงเข้าสู่ร่างกายแล้วเริ่มดูดกลืนทุกสิ่งที่เป็นของอีกฝ่าย!
ทันใดนั้น ลู่หยวนก็ถอยออกมายืนอยู่ข้างกู้ชิงหรัน
ทั้งสองสวมชุดหรูหราสีขาว คนหนึ่งให้ความรู้สึกเย้ยหยัน อีกคนให้ความรู้สึกเย็นชา
“เมื่อไหร่ตาข่ายจะปิดหรือ?”
กู้ชิงหรันถามอย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องรีบร้อน รอเทียนเม่ยเอ๋อร์ก่อน”
ในยามนี้ จักรพรรดิหุบเขาบูรพาทั้งสามล้วนถูกขังเอาไว้ มีเพียงลู่หยวนกับกู้ชิงหรันที่ยังคงยืนอยู่ในอากาศขณะมองดูอย่างเฉยชา
…
ในตอนนี้
กลุ่มของเทียนเม่ยเอ๋อร์ผู้อยู่ไกลจากดินแดนผู้พิทักษ์กำลังเงยหน้ามองรูหนอนที่พลันปรากฏขึ้นมา
พวกนางเพิ่งต่อสู้กับสามเผ่ามาไม่ทันไร ก็มีรูหนอนปรากฏบนท้องนภา!
หนวดสีแดงโลหิตนับไม่ถ้วนยื่นออกมาจากรูหนอน จากนั้นก็กวาดมาทางด้านล่างอย่างดุเดือด!
หนวดแทรกเข้าไปในร่างของสิ่งมีชีวิตก่อนจะเริ่มดึงพลังทั้งหมดออกมาอย่างรวดเร็ว!
เพียงไม่กี่อึดใจ สิ่งมีชีวิตดังกล่าวก็ไร้เลือดเนื้อ ร่างกายของมันซีดเซียวจนน่าหวาดกลัว!
ฉากนี้คล้ายกับมีสิ่งมีชีวิตกำลังรุกรานจากโลกภายนอก ราวกับจุดจบของโลกกำลังใกล้เข้ามา!
ทันใดนั้น คนจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ก็เริ่มหวาดกลัวเมื่อเห็นเช่นนี้!
แม้หนวดโลหิตเหล่านี้จะไม่ทำร้าย แต่พวกเขาก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร เพราะหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก และความทรงอำนาจของมันก็ทำให้ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า!
เทียนเม่ยเอ๋อร์และอีกสามสาวสงบลง พวกนางย่อมทราบว่านี่คือฝีมือของลู่หยวน!
เงาของค่ายกลโลหิตปรากฏขึ้นในท้องนภาเช่นกัน!
เงาดังกล่าวเคลื่อนลงมาก่อนจะปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน!
ในดินแดนผู้พิทักษ์ยามนี้ เผ่าจูอั้น เผ่านาคาทะยาน หรือแม้กระทั่งเผ่าพยัคฆ์เมฆาล้วนถูกสังหารด้วยหนวดนี้จนเกือบหมดสิ้น!
หนวดครึ่งหนึ่งไม่อาจดึงพลังของผู้อื่นได้อีกต่อไป พวกมันจึงเคลื่อนลงสู่พื้นซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเงาราวกับกำลังรอคอยบางสิ่ง!
“เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เข้าไป!”
เสียงของลู่หยวนดังมาจากก้นบึ้งของหัวใจเทียนเม่ยเอ๋อร์!
นางเงยหน้า จากนั้นสายตาก็หลุบต่ำ มันเต็มไปด้วยความสงบและความมุ่งมั่น!
——————————-