บทที่ 479 ตำแหน่งของเมล็ดพันธุ์มาร
บทที่ 479 ตำแหน่งของเมล็ดพันธุ์มาร
ภาพที่เขาเห็นไม่แตกต่างจากสิ่งที่หลงเฉียนอวิ๋นเห็นตอนหู่เซียวเข้าสู่ดินแดนมังกรเกล็ด
ลู่หยวนเหลือบมองรอบข้างจนกระทั่งเห็นแท่นแห่งหนึ่ง มันคือสถานที่ที่เมล็ดพันธุ์มารถูกขังเอาไว้!
ขณะกวาดมองรอบข้าง เขาพบว่ามีโซ่จำนวนมากยื่นออกมาจากหน้าผาหินอยู่ไม่ไกล
มันไม่เหมือนกับที่เห็นในวันนั้น
เหนือแท่นระหว่างโซ่เหล่านั้นไร้ซึ่งสรรพสิ่ง!
ลู่หยวนจ้องมองอย่างละเอียดก่อนจะพบว่ามีโซ่เพียงสี่เส้นที่ห้อยอยู่เหนือแท่น
ซึ่งเหนือโซ่ทั้งสี่ที่จองจำต่างมีก้อนเลือดเนื้อติดอยู่
ลู่หยวนขยับเพียงหนึ่งก้าวก็มาถึงบริเวณแท่น
กลิ่นโลหิตที่เหม็นแผ่ซ่านออกมา ในเวลาเดียวกันก็มีกลิ่นอายมารปะปนอยู่รอบข้าง!
จะต้องมีสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน!
ลู่หยวนก้มมองพลางหรี่ตา
ยามนี้ นาคาทะยานก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของลู่หยวนขณะมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปที่แท่น
นอกแท่นดังกล่าว ที่โซ่ทั้งสี่มีมือและเท้าปรากฏอยู่ทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยโลหิต
“หนีไปแล้วหรือ?!”
นาคาทะยานประหลาดใจ หู่เซียวจองจำคนผู้นี้ไว้ที่นี่มาช้านาน เขาก็ไม่เคยหลบหนีไปไหน แต่ตอนนี้กลับหนีไปงั้นหรือ?!
ลู่หยวนหลุบตาจนยากที่จะเห็นสีหน้าได้
เขาจำได้ว่าตามที่หู่เซียวบอก ฉีเจ๋อผู้มาดินแดนมังกรเกล็ดก่อนหน้านี้คล้ายกับเป็นสมาชิกครอบครัวของฉีเจาผู้เป็นเมล็ดพันธุ์มาร
เพราะเห็นแก่ฉีเจา ฉีเจ๋อจึงต้องรับใช้หู่เซียว
ดูท่าว่าฉีเจ๋อจะฉวยโอกาสจากความโกลาหลในเผ่าพยัคฆ์เมฆาเพื่อพาตัวเขาออกไป!
ลู่หยวนมองมือและเท้าที่มีรอยแผลเรียบเนียน แล้วมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ตัดมือและเท้าเพื่อเอาตัวรอดหรือ?
เมล็ดพันธุ์มารนี้นับว่าน่าสนใจไม่เบา!
นาคาทะยานตามาอยู่ข้างกายด้วยอาการสั่นเทา เขาให้สัญญากับลู่หยวนว่าจะเอาตัวคนอยู่ที่นี่มาให้ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับหายไปแล้ว เขาจะทำอย่างไรดี!
แต่ลู่หยวนไม่ตื่นตระหนก เมล็ดพันธุ์มารยังหนีไปได้ไม่ไกล!
ยังไม่รวมเรื่องที่ฉีเจ๋อเคลื่อนไหวในเวลาอันสั้น!
ไม่นานหลังจากเทียนเม่ยเอ๋อร์นำกองกำลังโจมตีเผ่าพยัคฆ์เมฆา ค่ายกลก็เคลื่อนลงมาเพื่อสังเวยสมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เกือบทั้งหมด!
ในฐานะที่ลู่หยวนตระเตรียมการต่อสู้ เขาย่อมทราบว่าใครบ้างที่ถูกสังเวย
ในบรรดาผู้คนทั้งหลายที่ถูกสังเวย ลู่หยวนสัมผัสพลังที่เป็นของเมล็ดพันธุ์มารไม่ได้ นั่นหมายความว่าอย่างน้อยฉีเจายังไม่ตายเพราะการมาถึงของค่ายกล!
ทว่าในไม่ช้า โฉวโยวก็นำคนมายึดครองทั่วดินแดนพยัคฆ์เมฆา แล้วทุกคนที่เข้าออกก็ต้องได้รับการตรวจสอบ!
หากฉีเจาและฉีเจ๋อเคลื่อนไหวว่องไว พวกเขาย่อมออกจากดินแดนพยัคฆ์เมฆาหรือไม่ก็ออกจากดินแดนผู้พิทักษ์ไปแล้ว!
แต่ถ้าเคลื่อนไหวเชื่องช้า พวกเขาก็อาจจะติดอยู่ในเผ่าพยัคฆ์เมฆา!
ลู่หยวนหวังว่าสองคนนั้นจะยังอยู่ในเผ่าพยัคฆ์เมฆา!
ถึงอย่างไร…
หากความโกลาหลอุบัติขึ้นในดินแดนผู้พิทักษ์แห่งนี้ มันก็เป็นเรื่องที่กะทันหันเกินไป ฉีเจ๋อจำต้องตัดสินใจชั่วคราวเพื่อพาฉีเจาออกไป ส่งผลให้ฉีเจาต้องตัดมือและเท้าโดยไม่มีการเตรียมการแต่อย่างใด ส่วนฉีเจ๋อก็พาคนออกจากค่ายกล ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการรักษาเบื้องต้น!
สถานที่รักษาที่เร็วที่สุดย่อมเป็นในเผ่าพยัคฆ์เมฆา!
จิตเทวะของลู่หยวนแผ่ขยายออกไปจนปกคลุมทั่วดินแดนพยัคฆ์เมฆาในพริบตา แต่กลับไม่มีกลิ่นอายของฉีเจากับฉีเจ๋อ!
ลู่หยวนขมวดคิ้วหลังจากดึงจิตเทวะกลับมา ผ่านไปหลายอึดใจ เขาคล้ายกับสังเกตเห็นบางสิ่งก่อนมุมปากจะยกยิ้ม
“ไปกันเถอะ”
ลู่หยวนพลันออกคำสั่งขณะเดินไปนอกค่ายกล
นาคาทะยานไม่กล้าเอ่ยอะไรก่อนจะรีบตามไป
หลังจากลู่หยวนออกจากค่ายกลแล้ว เขาสลักบางสิ่งทับบนค่ายกลที่เพิ่งสร้างขึ้น จากนั้นมันก็จมหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
นาคาทะยานไม่ทราบว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร!
แต่เขาไม่กล้าถามให้มากความขณะเดินตามลู่หยวนออกจากห้องโถงใหญ่
…
หลังจากลู่หยวนกับนาคาทะยานออกมาแล้ว ร่างทั้งสองก็ค่อยปรากฏในหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดภายในค่ายกล
คนหนึ่งแบกร่างของอีกคนเอาไว้
สองคนนี้คือฉีเจากับฉีเจ๋อ!
ฉีเจ๋อแบกฉีเจาไว้บนหลังในสภาพอ่อนแรง!
ส่วนใบหน้าของฉีเจากลับซีดยิ่งกว่าราวกับจะตายได้ทุกเมื่อ!
“พวกเราจะออกไปทีหลัง!”
ฉีเจ๋อเอ่ย
ฉีเจาย่อมเห็นด้วย!
“คนเมื่อครู่เป็นใครกัน?”
ฉีเจาผู้รอมาพักใหญ่พลันเอ่ยถาม
นับตั้งแต่ลู่หยวนก้าวเข้ามาในสถานที่นี้ ฉีเจาก็สัมผัสได้ว่าคนผู้นี้อันตรายมาก!
อายุเพียงเท่านี้ แต่การบ่มเพาะกลับโดดเด่นยิ่งนัก!
ยิ่งกว่านั้น จักรพรรดินาคาทะยานติดตามลู่หยวนประหนึ่งสุนัขเชียวหรือ?!
ชายหนุ่มมนุษย์ผู้นี้ใช้วิธีใดถึงทำให้อีกฝ่ายยอมติดตามแบบนี้ได้?!
ฉีเจาพลันรู้สึกโชคดี เป็นเพราะการออกแบบค่ายกลนี้ฉลาดเกินไป ทำให้คนที่เข้าสู่หุบเหวถูกบังตา
ไม่อย่างนั้น ด้วยการบ่มเพาะของลู่หยวน เขาย่อมมองออกนานแล้ว!
ฉีเจ๋อไม่เคยเห็นลู่หยวนก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่ทราบ”
“แต่ว่า ดูจากอายุกับรูปร่างแล้ว เขาดูเหมือนลู่หยวนที่หู่เซียวเคยส่งคนไปตรวจสอบเลย!”
“ลู่หยวนหรือ?”
ฉีเจาขมวดคิ้ว
ฉีเจ๋ออธิบายเรื่องเกี่ยวกับลู่หยวนเท่าที่ทราบให้ฟังแม้ว่าตนเองจะรู้ไม่มากก็ตาม
ซึ่งเมื่อนำแต่ละชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายอยู่ในแผ่นดินนี้มารวมกัน มันก็ชวนให้น่าตกตะลึงไม่น้อย!
“หากเป็นลู่หยวนจริง เขาต้องมาหาข้าแน่ถึงได้มาที่นี่!”
ฉีเจาได้ข้อสรุป
จากนั้นเขาก็เริ่มคาดเดา “แล้วเขามาหาข้าเพราะอะไร?!”
“เขาต้องการหัวข้าเพื่อสร้างความดีความชอบงั้นหรือ?! หรือจะเป็นการพิสูจน์ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ตระกูลลู่สังหารเมล็ดพันธุ์มารจนได้รับคำเชยชมจากทั่วหล้า?!”
“หรืออยากสอบถามบางอย่างเหมือนที่หู่เซียวทำ?!”
ฉีเจ๋อไม่ทราบว่าพวกหู่เซียวก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ลู่หยวนกำลังทำเช่นกัน
ฉีเจ๋อเกียจคร้านเกินกว่าจะคาดเดาในตอนนี้ เขาเพียงอยากพาฉีเจาออกไปเท่านั้น!
หลังจากรออยู่สักพัก ฉีเจ๋อก็วางฉีเจาลงก่อนจะเอ่ย “ข้าขอออกไปดูก่อน ท่านรออยู่ที่นี่!”
ฉีเจาพยักหน้า ตอนนี้เขาสูญเสียทั้งมือและเท้าไปแล้ว ทำให้พละกำลังลดลงไปมาก เขาจึงทำได้เพียงพึ่งฉีเจ๋อเท่านั้น!
ฉีเจ๋อสำรวจค่ายกลอย่างละเอียดก่อนจะสัมผัสได้ว่าแสงสว่างหายไปชั่วขณะ จากนั้นจึงตกอยู่ในความเงียบงัน
แต่ความเร็วของมันไวมากราวกับแสงกะพริบ
ฉีเจ๋อระแวดระวังจนไม่เคลื่อนไหวอีก หลังจากรอสักพักก็ไม่มีการเคลื่อนไหวจากค่ายกลตรงหน้าอีก
เขาขยับร่างกายพลางสะกดกลิ่นอายเอาไว้ จากนั้นจึงสำรวจด้านนอกต่อ
เมื่อออกจากห้องโถงใหญ่ เขาจึงตระหนักได้ว่าสมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จำนวนมากที่คุ้มกันด้านนอกได้จากไปแล้ว!
ทั่วทั้งดินแดนพยัคฆ์เมฆาคล้ายกับถูกทำลายราวกับแผ่นดินพลิกคว่ำ
นอกเหนือจากของสิ่งของบางส่วนแล้ว ดูเหมือนของดีทั้งหมดจะถูกพรากไป!
ฉีเจ๋อรู้สึกโล่งอก ขอเพียงคนจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จากไปก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว!
ฉีเจ๋อเริ่มจากไปสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อค้นหายา จากนั้นจึงนำกลับไปที่ค่ายกลเพื่อรักษาบาดแผลให้ฉีเจา!
เขารู้สึกว่าโชคเข้าข้างอย่างไม่น่าเชื่อ โชคยังดีที่หลังจากถูกรื้อค้นไปแล้วก็ยังมียาเหลืออยู่ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นระดับต่ำ แต่ก็ไม่มีปัญหาต่อการรับมือกับอาการบาดเจ็บของฉีเจาแม้แต่น้อย!