บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 30 ป่นหินให้เป็นผง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 30 ป่นหินให้เป็นผง

บทที่ 30 ป่นหินให้เป็นผง

“หืม?” ในชั่วพริบตา ชายร่างใหญ่ตาเดียวปรากฏตัวขึ้นบนเนินเขา แต่เมื่อกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และเห็นองค์รักษ์ชุดดำของตระกูลหลี่ที่นอนตายเกลื่อนอย่างน่าสังเวช สีหน้าของเขาก็ดูไม่น่ามองในทันใด

“เจ้าฆ่าคนเหล่านี้ทั้งหมดหรือ?” ชายร่างใหญ่ตาเดียวหันไปมองที่เฉินซีซึ่งยืนอยู่คนเดียวในระยะไกลอย่างดุร้าย

เฉินซีไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับอย่างเย็นชา “เจ้าคือเดรัจฉานตัวสีม่วงเขาเดียวที่ผู้คนกล่าวถึงกันใช่ไหม?”

เดรัจฉาน?

ชายร่างใหญ่ตาเดียวตกตะลึง และเมื่อได้สติเขาก็โกรธจัดในทันที “ไอ้มนุษย์เด็ก! เจ้ากล้าดูถูกข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!?”

“ดูถูกเจ้าอย่างเดียวไม่มีทางสาแก่ใจข้า วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าด้วย!”

หลังจากยืนยันตัวตนของชายร่างใหญ่ตาเดียวแล้ว เฉินซีก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างของเขาปะทุด้วยพลังอันแกร่งกล้าก่อนจะออกหมัดอันน่าสะพรึงกลัวเข้าใส่อสูรแรดอินทนิลสองหัวอย่างสุดแรง

“มนุษย์ขอบเขตก่อกำเนิดเช่นเจ้ากล้าอวดดีต่อหน้าข้าหรือ! รนหาที่ตายโดยแท้!” อสูรแรดอินทนิลสองหัวเดือดดาลอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นว่าเฉินซีโจมตีตนเองอย่างไร้เหตุผล มันก็ยื่นมือออกหวังจะคว้าหมัดคู่นั้น

เดรัจฉานก็ยังเป็นเดรัจฉานวันยังค่ำ! โง่ราวไร้สมอง!

เมื่อเห็นว่าอสูรแรดอินทนิลสองหัวอวดดีถึงขนาดคิดใช้มือตัวเองรับหมัดของเขาโดยตรง เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ

ปัง!

หมัดและฝ่ามือปะทะกันรุนแรงจนบังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น คลื่นลมปะทะกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง แม้กระทั่งพื้นดินบริเวณจุดปะทะยังแตกเป็นใยแมงมุมเนื่องจากไม่สามารถทนต่อแรงปะทะอันน่าสะพรึงกลัวได้

หมัดนี้ เฉินซีผสานความแข็งแกร่งทั้งหมดของตนเองลงไปอย่างไม่มีกั้กไว้ ซึ่งส่งผลให้อสูรแรดอินทนิลสองหัวไถลถอยไปถึงสามจั้ง!

ทว่าสิ่งที่ทำให้เฉินซีประหลาดใจก็คืออสูรแรดอินทนิลสองหัวกลับสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง หลังจากหยุดไถลถอยและไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

“ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เลว แต่ก็ยังอ่อนแอเกินไปสำหรับข้า!” อสูรแรดอินทนิลสองหัวแสดงสีหน้าดุร้าย “ต่อไป ข้าจะให้เจ้าได้รู้ซึ้งว่าอสูรขอบเขตก่อกำเนิดที่แท้จริงนั้นแข็งแกร่งเช่นไร!”

ขณะที่พูด ปราณปีศาจพวยพุ่งออกจากร่างของอสูรแรดอินทนิลสองหัว ก่อนที่ร่างมนุษย์ของมันจะกลายเป็นแรดขนาดมหึมาสูงสิบจั้ง ผิวหนาสีม่วงอมน้ำตาลของมันเต็มไปด้วยปราณปีศาจ และร่างกายที่มโหฬารของมันนั้นหากมองไกล ๆ ไม่ต่างจากภูเขาขนาดย่อมเลย เฉินซีเป็นดั่งมดเมื่อเทียบกับตัวมันเพราะเขายังสูงไม่ถึงเข่าของมันด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือคอที่หนาใหญ่ของมันนั้นมีหัวขนาดมหึมาสองหัวติดอยู่อย่างพิสดาร!

โฮก!

อสูรแรดอินทนิลสองหัวที่กลายร่างกลับไปเป็นสัตว์อสูรคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงคำรามของมันดังก้องไปทั่วพื้นที่หลายสิบลี้โดยรอบส่งผลให้เหล่าสัตว์อสูรต่าง ๆ ที่เตร็ดเตร่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เงยหน้าขึ้นด้วยความกลัวตัวสั่นสะท้าน

ปราณปีศาจอันสูงลิ่ว?

ไม่มีความกลัวในหัวใจของชายหนุ่ม กลับกันเขายิ่งรู้สึกอยากจะต่อสู้กับสัตว์อสูรตัวนี้มากยิ่งขึ้น การได้ฆ่าศัตรูเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถช่วยให้การบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าได้!

“ไอ้เด็กน้อย! หากหมัดที่เจ้าชกออกนั่นคือทั้งหมดที่เจ้าทำได้ งั้นเจ้าก็เตรียมตัวมาเป็นเครื่องเคียงให้กับสุราของข้าได้เลยวันนี้!”

ในขณะที่มันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง อสูรแรดอินทนิลก็ยกกีบเท้าที่ใหญ่โตของมันและเหยียบย่ำไปยังเฉินซีโดยตรง

ตูม!

เสียงเหยียบดังสนั่นลั่นไปทั่วทุกทิศ การกระทืบนี้รุนแรงจนพื้นดินยุบเป็นหลุมลึก แต่เฉินซีนั้นเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้วจึงสามารถหลบได้อย่างไม่ยากเย็นนักเท่าใดนัก

ปัง!

ชายหนุ่มกระโจนเข้าหาขาของอสูรแรดอินทนิลข้างที่เพิ่งย่ำลงมาที่พื้น ก่อนจะปล่อยหมัดที่อัดแน่นไปด้วยปราณแท้ซึ่งเปล่งแสงราวกับดาวตกเข้าใส่กีบยักษ์ของอสูรแรดอินทนิลสองหัว การปะทะนั้นสร้างเสียงดังลั่น ทว่ามันมีเพียงรอยยุบรูปหมัดที่เหลือทิ้งไว้ที่กีบเท้านั้น อสูรแรดอินทนิลบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง

เฉินซีถอยกลับทันที

ปัง! ปัง!

การต่อสู้อันดุเดือดดำเนินไปทำให้พื้นดินเกิดเป็นหลุมยุบมากมายนับไม่ถ้วน

“ไม่มีประโยชน์ แรดอินทนิลอย่างข้ามีพลังป้องกันที่ไม่มีใครเทียบได้ และข้าก็บ่มเพาะมาหลายพันปี ร่างกายของข้าจึงได้บรรลุถึงขั้นสูงตั้งแต่เมื่อนานแล้ว หากเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะกระบี่ขอบเขตตำหนักอินทนิล ข้าอาจจะยังกลัวเจ้าอยู่ แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่ อย่างมากที่สุดเจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยที่รู้จักการออกหมัดเล็กน้อยก็เท่านั้น ฮ่า ๆๆ…” อสูรแรดอินทนิลสองหัวหัวเราะไม่หยุดเมื่อเห็นเฉินซีวิ่งหลบไปมาหัวซุกหัวซุน กีบเท้าของมันเหยียบกระทืบลงไปที่พื้นครั้งแล้วครั้งเล่าพยายามเล็งไปที่ร่างเล็ก ๆ ของเฉินซีที่ไม่ต่างจากมดในสายตามัน

‘หนังของไอ้แรดโง่นี่หนาเกินไป ข้าไม่มีอาวุธอยู่ในมือถ้าข้าต้องการจะฆ่ามัน ดูเหมือนว่าอันดับแรกข้าต้องปีนขึ้นไปบนร่างกายมันให้ได้และชกที่หัวมันด้วยสุดแรงเพียงเท่านั้นถึงอาจจะฆ่ามันได้…’

เฉินซีดีดตัวถอยอย่างรวดเร็วขณะครุ่นคิดหาวิธีการฆ่าสัตว์อสูรตรงหน้า

“กลัว? อยากหนีรึ? ฮึ่ม! เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!” อสูรแรดอินทนิลสองหัวคำรามในขณะที่มันรีบเดินตามเฉินซี ทว่าเป็นอย่างที่ต้วนอิงเคยอธิบายไว้ อสูรแรดอินทนิลสองหัวนั้นเคลื่อนที่ได้ไม่เร็วนัก มันจึงไม่สามารถปิดระยะเข้าประชิดชายหนุ่มได้เลย

ครืน! ครืน!

อสูรแรดอินทนิลสองหัวไม่สนใจต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากที่กีดขวางมัน และพุ่งชนจนล้มราบเป็นหน้ากลอง ส่วนเฉินซี เมื่อได้โอกาสเขาก็รีบกระโดดขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ใหญ่ จากนั้นจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับอสูรแรดอินทนิลสองหัวที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตี

“ทำใจรับความตายได้แล้วหรือ!” อสูรแรดอินทนิลสองหัวคำรามอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงใช้หัวของมันพุ่งชนเข้าที่ต้นไม้ใหญ่อย่างรุนแรง

ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นจังหวะนี้เฉินซีรีบงอเข่าและถีบตัวยืมแรงสะท้อนกลับจากลำต้นของต้นไม้ ร่างกายของเขาเป็นเหมือนลูกศรที่ออกจากคันธนูพุ่งไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็บิดเอวให้ร่างโค้งลงตกลงยังแผ่นหลังของอสูรแรดอินทนิลสองหัวอย่างพอเหมาะพอเจาะ

“ลงไปซะ!” อสูรแรดอินทนิลสองหัวโกรธจัดเมื่อชายหนุ่มกระโดดลงบนหลังของมัน ร่างกายขนาดมหึมาของมันแกว่งไปมาอย่างรุนแรง เพื่อพยายามสลัดเฉินซีให้หลุดออก

เฉินซีคว้าโอกาสนี้มาด้วยความยากลำบาก แล้วเขาจะปล่อยให้ตัวเองร่วงหล่นไปได้อย่างไร? ขาของเขาเกร็งขึ้นและร่างกายของเขาก็แข็งแรงดุจต้นไม้โบราณที่หยั่งรากลึกลงไปในพื้นดิน ไม่ว่าแรดอินทนิลจะส่ายร่างของมันไปมาอย่างไร เฉินซีก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย

จากนั้นชายหนุ่มก็โคจรปราณแท้ในร่างอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะออกหมัดยิงปราณหมัดผ่านอากาศเข้าใส่หัวของอสูรแรดอินทนิลอย่างถี่รัวและเต็มแรง

ปัง! ปัง! ปัง!

ร่างกายของเฉินซีถูกขัดเกลาด้วยพลังแห่งดาวห้าดวงที่แตกต่างกัน และเมื่อรวมกับปราณแท้ที่หนาแน่นภายในร่างของเขา ทุกหมัดของเฉินซีจึงเปรียบดุจค้อนเหล็กหนักหลายหมื่นจินทุบลงไป จนบริเวณหัวของอสูรแรดอินทนิลปรากฏรอยยุบนับไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่หนังของมันหนาและแข็งเกินไป ไม่ว่าจะต่อยอย่างไรชายหนุ่มก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่สมองของมันได้

“ข้าจะกินเจ้าซะ!” ทันใดนั้นกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตีเข้าที่หน้าของเฉินซี และภาพถัดมาที่เขาเห็นคือหนึ่งในหัวของอสูรแรดอินทนิลสองหัวได้หันกลับมา จากนั้นมันก็เปิดปากที่เปื้อนเลือดซึ่งมีเขี้ยวแหลมคมราวกระบี่เพื่อพยายามงับเฉินซี

เอาเลย! มาเลย!

เฉินซีคาดหวังสิ่งนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว จากนั้นเขาก็กระโจนสวนหลบปากที่อ้ากว้างของอสูรแรดไปอย่างฉิวเฉียด เท้าเหยียบคออสูรแรดอินทนิลสองหัวเหมือนลิงที่ว่องไวตัวเล็ก ๆ ก่อนจะง้างหมัดอัดเข้าใส่ดวงตาที่เบิกกว้างของอสูรแรดอินทนิลสองหัว

ปัง!

ผิวหนังและเนื้อของอสูรแรดอินทนิลสองหัว หนาและแข็งแกร่ง อีกทั้งพลังการป้องกันของมันก็เหนือล้ำ แต่ดวงตาที่มีขนาดเท่ากับแตงโมของมันกลับบอบบางมาก ภายใต้แรงหมัดของเฉินซีที่ชกอย่างเต็มแรง ดวงตาคู่นั้นจึงถูกเจาะทะลุเป็นรูโบ๋ทันที ก่อนจะมีของเหลวสีเขียวที่น่าขยะแขยงไหลทะลักออกมา

โฮก!

อสูรแรดอินทนิลสองหัวคำรามโหยหวนลั่น ศีรษะมหึมาของมันเหวี่ยงไปมาอย่างบ้าคลั่ง

เฉินซีฉวยโอกาสนี้กระโดดกลับไปยังแผ่นหลังของอสูรแรดอินทนิลสองหัวอีกครั้ง และเมื่อยืนได้อย่างมั่นคงตรงจุดเดิมที่เคยยืน เขาก็ปล่อยปราณหมัดอันรุนแรงเข้าใส่จุดที่เขาเคยชกตรงกลางหัวของอสูรตนนั้นอีกระลอก

ขณะนี้อสูรแรดอินทนิลสองหัวกำลังโกรธจัดจนเสียสติ หากชายหนุ่มไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อทำลายการป้องกันที่หัวของสัตว์อสูรตนนี้ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นในภายหลังจากที่มันได้สติกลับคืนมา

ความรู้สึกเร่งด่วนทำให้จิตใจของเฉินซียิ่งมีสมาธิ ความคิดยิ่งชัดแจ้ง นั่นคือทลายผิวหนังที่บริเวณศีรษะของอสูรแรดอินทนิลสองหัวออกมาให้ได้… จากนั้นเขาก็ลืมทุกสิ่งรอบตัว ลืมหมัดถล่มทลายที่เขาชำนาญแล้ว และเริ่มจมดิ่งสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง

ปัง! ปัง! ปัง!

หมัดของเขาระเบิดลั่นราวกับฟ้าร้อง ทว่าจังหวะการชกของเฉินซีนั้นเริ่มแปลกไป รวมไปถึงเสียงระเบิดจากหมัดก็เริ่มแปรเปลี่ยนทีละน้อย มันกลับกลายเป็นว่าพลังของหมัดค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ภายในหัวของชายหนุ่มเห็นฉากที่เขาฝึกฝนหมัดถล่มทลายในช่วงเดือนที่ผ่านมาอย่างชัดเจน และร่องรอยของการรู้แจ้งได้สะสมอย่างเงียบงัน…

“ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!” อสูรแรดอินทนิลสองหัวเดือดดาลสุดขีดจากการที่ตาข้างหนึ่งของมันได้รับบาดเจ็บ และเฉินซีก็ยังคงเกาะติดมันราวกับตังเม เมื่อไม่สามารถสลัดชายหนุ่มให้หลุดได้ มันจึงคิดเปลี่ยนวิธีการทุ่มร่างตัวเองลงไปที่พื้นอย่างรุนแรงแทน โดยหมายจะต้องการทับเฉินซีให้บี้แบนตายคาพื้น

ฮึ่ม!

ทว่าก่อนที่อสูรแรดอินทนิลสองหัวจะทันได้ทุ่มร่างของมันเองลงไปที่พื้น เฉินซีก็ได้ตื่นขึ้นจากสภาวะรู้แจ้ง และนัยน์ตาของเขาก็ส่องประกายด้วยแสงสว่างไสวก่อนจะง้างหมัดขวาขึ้น ส่งผลให้อากาศโดยรอบสั่นสะเทือนจนมองเห็นเป็นระลอกคลื่น จากนั้นตามด้วยเสียงหวีดแหลมกรีดผ่านอากาศ เขาชกหมัดลงไปที่หนึ่งในศีรษะของอสูรแรดอินทนิลอย่างดุเดือด!

กร๊อบ!!!

ทันใดนั้น รอยแตกนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนหัวมหึมาของอสูรแรดอินทนิลสองหัวและอึดใจต่อมา หัวขนาดมหึมาก็ระเบิดกลายเป็นชิ้นเนื้อและกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงสู่พื้น!

หลังจากนั้นร่างมหึมาของอสูรแรดอินทนิลที่ยิ่งใหญ่ก็ล้มกระแทกพื้นอย่างแรง

“โฮก~” อสูรแรดอินทนิลสองหัวซึ่งเสียหัวและตาไปอย่างละหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส มันนอนอยู่บนพื้นขณะส่งเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

พลังชีวิตของสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งมาก จนสามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้แม้ว่าแขนขาของพวกมันจะถูกตัดขาด แต่หัวและหัวใจของพวกมันคือจุดอ่อนที่แท้จริง เมื่อหัวหนึ่งของมันถูกชกแหลกเป็นชิ้น ๆ จึงทำให้อสูรแรดอินทนิลสองหัวได้รับบาดเจ็บสาหัส

“บอกข้าที เหตุใดตระกูลหลี่ถึงต้องการสังเวยชีวิตมนุษย์มากมายให้แก่เจ้า? ถ้าเจ้าตอบตามตรง ข้าจะปรานีทำให้เจ้าตายอย่างรวดเร็ว” เฉินซีที่ยืนอยู่ในระยะไกลกล่าวด้วยเสียงเย็นชา

“ตอบเจ้าแล้วข้าก็ยังคงต้องตายอย่างนั้นหรือ? เหอะ! ฆ่าข้าเลยเถอะ!” อสูรแรดอินทนิลสองหัวตวาดกลับอย่างไม่พอใจ เลือดจำนวนมากที่ไหลออกจากหัวที่ถูกระเบิด ทำให้พละกำลังของมันค่อย ๆ อ่อนลง

“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร” เฉินซีเดินไปข้างหน้า และชกหมัดเข้าที่หัวที่เหลืออยู่ของอสูรแรดอินทนิลจนกลายเป็นแอ่งเลือดและเศษเนื้อทันที

อสูรขอบเขตก่อกำเนิดที่บ่มเพาะมานับพันปีได้ตายจากไปเช่นนี้…

‘ตามที่คาดไว้ หมัดถล่มทลายขั้นสอง ทลายก้อนหินเป็นผุยผง! แม้ว่ามันจะไม่สามารถทำให้หัวของแรดโง่ตัวนี้กลายเป็นผงได้ แต่ความรุนแรงของมันก็นับได้ว่ายังเกินความคาดหมายของข้า’

เฉินซีครุ่นคิดอยู่คนเดียวถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังหมัดถล่มทลาย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ผู้อาวุโสจี้อวี๋กล่าวไม่ผิด แน่นอนว่าทักษะการต่อสู้นั้นสามารถถูกพัฒนาให้รุนแรงขึ้นได้เมื่อรู้แจ้งจากสถานการณ์เป็นตาย ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าหมัดถล่มทลายขั้นสามจะรุนแรงแค่ไหนกัน…?”

การสังหารอสูรแรดอินทนิลสองหัวทำให้เจตนาฆ่าและความโกรธแค้นภายในหัวใจของเฉินซีได้ระบายออกอย่างเต็มที่ และสิ่งที่น่ายินดีที่สุดก็คือเขาได้บรรลุวิชาหมัดมาถึงขั้นที่สอง ซึ่งเมื่อรวมกับระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวผู้ใดที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดทั้งสิ้น!

“แรดโง่ตัวนี้บ่มเพาะมานับพันปี น่าสงสัยจริง ๆ ว่ามันเก็บของมีค่าอะไรไว้บ้าง?”

เฉินซีเดินไปที่ข้างซากศพที่มีขนาดมหึมาของอสูรแรด จากนั้นเขาก็ดึงผิวหนังหนาของแรดอินทนิลออกอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มจากจุดที่หัวของมันถูกระเบิดออกด้วยหมัดของเขา

ผ่านไปครู่หนึ่งแหวนมิติที่ดูไม่โดดเด่นก็ตกลงไปที่พื้น

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท