“เชิญเข้ามาได้”
หลังจากเยี่ยเหยียนกลับไปได้สองวัน วันนี้ลั่วชิวก็กลับมาที่มหาวิทยาลัย
คนที่มาต้อนรับเขา ยังคงเป็นอาจารย์หวังลั่วในครั้งที่แล้ว
ลั่วชิวมาอยู่ตรงหน้าของหวังลั่ว เธอสังเกตดูอยู่พักหนึ่ง ก็จำได้ทันทีว่าเป็นนักเรียนของศาสตราจารย์ฉินฟาง แล้วก็นึกถึงเรื่องจัดการอาจารย์ให้นักเรียนสองคนของห้องนี้ได้
ด้วยเหตุนี้หวังลั่วจึงยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “ฉันจำได้ว่าเธอคือ…นักศึกษาลั่วชิวสินะ เป็นยังไงบ้าง คิดดีแล้วหรือยัง? ย้ายห้องหรือรออาจารย์คนใหม่?”
เธอพูดต่อ “แต่เกรงว่าทางฝั่งนี้จะมีข่าวร้ายมาอีกแล้ว อาจารย์ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสาขานี้มีนักเรียนน้อยมากหรือเปล่า ทางมหาวิทยาลัยก็เลยพูดกันเรื่องยุบสาขานี้ เรื่องรับสมัครอาจารย์เองก็กำลังดำเนินการอยู่ แต่ว่า…ผลที่ได้ไม่ดีเอาซะเลย”
“ไม่เป็นไรครับ” ลั่วชิวพูดเสียงเรียบเฉย “ครั้งนี้ผมมาเพื่อทำเรื่องลาออกครับ”
“ลาออกเหรอ?”
หวังลั่วคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบมาแบบนี้ จึงตะลึงงันไปเล็กน้อย พลางตอบอย่างประหลาดใจมาก “นักศึกษาลั่วชิว เธอไม่พอใจการจัดการของทางมหาวิทยาลัยตรงไหนไหม? ถ้ามีก็ลองพูดออกมาได้นะ พวกเราเคารพความคิดเห็นของนักศึกษาทุกคน”
ด้วยหวังลั่วเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย เธอจึงมีหน้าที่เหนี่ยวรั้งนักศึกษาในสถานการณ์เช่นนี้ ยังไงปัญหาก็ไม่ได้เกิดจากนักศึกษา แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากฝ่ายศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย หวังลั่วไม่รู้แน่ชัดว่านักศึกษาคนนี้เป็นคนยังไง ถ้าเขาออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว ไปพูดถึงมหา’ลัยแบบเสียๆ หายๆ งั้นก็คงต้องลำบากแล้วแหละ
“ไม่ครับ เป็นแค่เหตุผลส่วนตัวของผม” ลั่วชิวพูดอย่างสุภาพ “อาจารย์วางใจเถอะครับ ผมจะไม่เอาเรื่องอะไรกับทางมหา’ลัย ถ้าอาจารย์ไม่วางใจล่ะก็ พวกเราเซ็นหนังสือข้อตกลงกันก็ได้นะครับ”
“เอ่อ…” หวังลั่วคิดอยู่สักพัก “งั้นเธอช่วยรออาจารย์ก่อนแป๊บหนึ่งนะ อาจารย์ขอโทรศัพท์หน่อย”
ลั่วชิวพยักหน้า
ไม่นานหวังลั่วก็ออกไปจากห้องทำงาน แล้วยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ด้านนอกระเบียงทางเดิน หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เดินกลับมาอย่างเร่งรีบ “ได้แล้ว หัวหน้าบอกไม่มีปัญหา แต่ว่ายังทำเรื่องวันนี้ไม่ได้…อืม”
หวังลั่วที่ยังพูดไม่จบ ก็รีบปิดปากของตัวเองทันที ขมวดคิ้ว เผยให้เห็นอาการคลื่นไส้
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
หวังลั่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายที แล้วดื่มน้ำอึกหนึ่ง ถึงได้ส่ายหัว เธอก้มหน้ายื่นมือมาลูบท้องของตัวเอง พร้อมทั้งรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร หลายวันมานี้ เริ่มชินบ้างแล้วล่ะ”
ลั่วชิวยิ้มพร้อมพูดว่า “ยินดีด้วยครับ”
หวังลั่วถอนหายใจพลางพูดว่า “อาจารย์น่ะ ไม่เคยคิดอยากมีลูกมาก่อนเลย แต่สุดท้ายกลับพบว่าตัวเองตั้งท้อง เฮ้อ แอบตกใจเหมือนกันนะ แต่ว่า…”
เธอกำลังเหม่อลอยมองไปนอกหน้าต่าง
นั่นคือตำแหน่งของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เป้นต้นที่โค่นลงหลังจากลมพายุพัดผ่านไปก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอที่กำลังลูบท้องตัวเองเบาๆ เริ่มเผยให้เห็นรอยยิ้มมีความสุข “ฉันคิดมาตลอดว่า เด็กคนนี้น่าจะเป็นผู้หญิงล่ะมั้ง”
ลั่วชิวพยักหน้า ยิ้มพร้อมพูดว่า “อืม ผมคิดว่าต้องเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักมากคนหนึ่งแน่ๆ”
“ขอบใจนะ”
…
…
ในขณะที่รองบรรณาธิการเริ่นกำลังตามหาข้อมูลข่าวบนถนน เธอก็แหงนหน้ามองพระอาทิตย์อันร้อนแรง พลางพูดกับผู้ช่วยสาวข้างๆ ว่า “หลีจื่อ ไปซื้อชานมกลับมาสองแก้วสิ! ฉันเลี้ยงเอง~”
“พี่เริ่น มือของพี่บาดเจ็บไม่ใช่เหรอ? ต้องงดอาหารบางอย่างไม่ใช่เหรอคะ?” ผู้ช่วยสาวกลอกตามองพร้อมกับพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ชานมแคลอรีเยอะนะคะ”
ผู้ช่วยสาวลูบพุงของตัวเองที่ยื่นออกมาเล็กน้อยพลางพูดว่า “ฉันไม่เหมือนพี่นี่ กินยังไงก็ไม่อ้วน”
จู่ๆ เริ่นจื่อหลิงก็หมดสนุก กำลังมองดูคนบนถนนเดินผ่านไปผ่านมาอย่างเบื่อหน่าย ทันใดนั้นก็พูดว่า “คือว่านะ ทำไมวันนี้นักเรียนถึงมาเดินเล่นอยู่บนถนนเยอะเลยล่ะ? ไม่ต้องเข้าเรียนกันเหรอ?”
หลีจื่อยิ้มแล้วพูดว่า “ถึงช่วงปิดเทอมฤดูร้อนแล้วค่ะ พี่เริ่นไม่รู้เหรอคะ?”
เริ่นจื่อหลิงใช้มือบังพระอาทิตย์ มองดูท้องฟ้าสีครามสด พลางพูดอย่างทอดถอนใจว่า “ปิดเทอมฤดูร้อนแล้วเหรอ…ปิดเทอมฤดูร้อน ปิดเทอมฤดูร้อน ปิดเทอมฤดูร้อน?”
รองบรรณาธิการเริ่นจับมือของผู้ช่วยสาวขึ้นมาทันที หรี่ตาลงพร้อมพูดว่า “หลีจื่อ อาทิตย์ที่แล้วมีบ้านพักตากอากาศเชิญพวกเราไปทำข่าวไม่ใช่เหรอ? ข้อมูลล่ะ?”
“หา? พี่เริ่นบอกว่าไม่สนใจไม่ใช่เหรอคะ? ฉันบอกปัดไปตั้งแต่วันนั้นแล้วล่ะค่ะ”
“…เร็ว!! ไปหาคืนมาให้ฉัน บอกว่าฉันสนใจ! ค่าโฆษณาครึ่งหนึ่งก็ได้! ”
“…พี่เริ่น ลดราคาแบบนี้เดียวหัวหน้าก็ระเบิดลงหรอกค่ะ!”
“ไม่เป็นไร ถ้าเขาอยากระเบิด ฉันจะส่งผ้าอนามัยไปให้ที่บ้านเขาเอง! ประสิทธิภาพในการห้ามเลือดดีสุดๆ ไปเลย!”
หลีจื่อในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ช่วย มองเห็นความกล้าหาญชาญชัยของ ‘จอมยุทธ์หญิง’ คนนี้มาหลายครั้งแล้ว…ตอนนี้คิดก่อนดีกว่า ว่าอีกเดี๋ยวจะไปคุยราคากับผู้รับผิดชอบบ้านพักยังไงดี
แม้เริ่นจื่อหลิงจะพูดเต็มปากเต็มคำว่าให้ลดครึ่งราคา แต่เธอก็ไม่ได้อยากทำตามอำเภอใจ…รู้สึกว่าลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็น่ากลัวแล้ว
เฮ้อ
…
ในสมาคม เจ้าของสมาคมลั่วกำลังอ่านนิตยสารสบายๆ ตามปกติ เขาเพิ่งซื้อมาจากข้างทาง เป็นนิตยสารท่องเที่ยวรัสเซีย
ก่อนหน้านี้นานทีเดียว เขาเคยรับปากโยวเย่เรื่องไปเที่ยวรัสเซีย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดเรื่องนี้จากปาก แต่เห็นได้ชัดว่าลั่วชิวมีแผนพาไปอยู่ตลอด
ฉับพลันโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอมองดูแวบหนึ่งก็เห็นว่าเป็นเริ่นจื่อหลิง
ลั่วชิวเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังคงรับสาย
เสียงอบอุ่นผิดปกติของเธอชวนให้เขาขนลุกขนพอง… ลั่วชิวถึงขนาดจินตนาการได้ว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องกำลังหรี่ตาอยู่แน่ๆ
“ลูกรักจ๊ะ ได้ยินมาว่าปิดเทอมฤดูร้อนแล้วนี่!”
“…แล้วไงครับ?”
“อย่าบอกฉันนะว่า เธอปิดเทอมฤดูร้อนแล้วยังต้องติวหนังสือต่อน่ะ”
“…อืม ติวต่อครับ”
“ไม่เป็นไร! ถ้าเธอเกรงใจล่ะก็ เธอเอาเบอร์ผู้ดูแลนักเรียนมาให้ฉัน ฉันจะลองช่วยพูดให้เอง!”
“…พูดมาเถอะ คุณมีเรื่องเดือดร้อนอะไรมาให้ผมอีก?”
“ลูกรักจ๊ะ! พวกเราไปทะเลกันเถอะ! แสงแดดและหาดทราย นี่ถึงจะเป็นหน้าร้อนนะ! ใช่แล้ว! เธอพาแฟนมาด้วยสิ! กว่าฉันจะขอคูปองที่พักมาได้ก็ไม่ง่าย ไม่ใช้ให้หมดๆ ไปก็น่าเสียดายแย่สิ!”
ลั่วชิวพยายามนึกย้อนเล็กน้อย แล้วอดพูดไม่ได้ว่า “ว่าไปแล้ว ผมทำให้คุณเข้าใจผิดว่ามีแฟนแล้วตอนไหน?”
“เอาแบบนี้นั่นแหละ!” เริ่นจื่อหลิงกลับเหมือนไทเฮาที่ว่าราชการหลังม่าน “พรุ่งนี้ออกเดินทาง! เธอจะต้องพาแฟนของเธอมาให้ฉันรู้จักด้วย! ถ้าเธอไม่พามา หรือไม่ยอมไป ก็รอดูนรกนัดดูตัวตลอดหน้าร้อนนี้ได้เลย! พูดแบบนี้ตกลงแล้วนะ! ฉันยังมีธุระ ตอนกลางคืนค่อยคุยรายละเอียดกัน!”
ตื๊ด!
กระสับกระส่ายร้อนรน
…ลั่วชิวหุบนิตยสารท่องเที่ยวในมือลง แล้ววางโทรศัพท์มือถือไว้บนหน้าปกนิตยสารท่องเที่ยว ก่อนเคาะนิ้วมือลงบนโต๊ะ
ตกลงว่า ความเข้าใจผิดเรื่องแฟนนี้ เกิดขึ้นมาตอนไหนกันแน่นะ?
ภายในสมาคมที่มีอากาศเย็นสบาย ตอนนี้สาวใช้ก็เดินออกมาจากด้านหลังห้องโถง พร้อมกับชาแดงเลม่อนส่งกลิ่นหอมชวนให้คนหลงใหลอยู่
เธอวางจานลงมาก่อน จากนั้นก็เป็นแก้วชา ต่อมาก็จานน้ำตาล “นายท่านคะ วันนี้อยากได้น้ำตาลกี่ก้อนคะ?”
ลั่วชิวมองโยวเย่ หรี่ตาพร้อมพูดว่า “ใช่แล้ว เธอมีชุดว่ายน้ำไหม?”
คุณสาวใช้ก็หรี่ตาเช่นกัน เธอไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก