บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 76 สถานการณ์เปลี่ยนไป

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 76 สถานการณ์เปลี่ยนไป

บทที่ 76 สถานการณ์เปลี่ยนไป

ภายในถ้ำที่ไม่สะดุดตาในส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้

ชายชราผมสีเงินสวมชุดสีครามซึ่งมีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้ากำลังนั่งสมาธิอยู่ ที่เบื้องหน้าเขามีเหรียญทองแดงที่แตกหัก กลิ่นอายอันคลุมเครือ ลึกลับ และเยือกเย็นได้แผ่กระจายออกมาจากมัน

“ฉุดลากผ่านนรกทั้งเก้าชั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นมังกร… อันที่จริงมันเป็นสัญลักษณ์ของมังกรที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในน้ำลึกเพื่อรอวันที่จะทะยานไปสู่ฟากฟ้า!”

ซี่! ซี่!

ขณะที่เขาจ้องมองไปยังเหรียญทองแดงที่แตกหักบนพื้น ประกายวาวโรจน์ที่มิอาจอธิบายได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่มีรอยย่นและผอมซูบของชายชรา เหนือศีรษะของเขา ทิวทัศน์ลึกลับต่าง ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางราวกับสายฟ้าฟาด รวมตัวกันเป็นนกกระเรียนมงกุฎแดง มังกร อาชาที่ควบทะยาน และสิ่งอื่น ๆ ที่เปี่ยมด้วยสติปัญญา โดยมีแสงศักดิ์สิทธิ์ลึกลับและลึกซึ้งโคจรรอบตัวมัน

“เฒ่าเต่า ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าราชาวานรทมิฬและราชาเหยี่ยวสายฟ้าถูกฆ่าตายแล้ว!” ในทันใดนั้น เสียงแผ่วเบาคล้ายเสียงของหญิงสาวก็ลอดเข้ามาในถ้ำ จากนั้นชายหนุ่มรูปงามผู้มีผมยาวเคลียไหล่และดวงตาคล้ายลูกท้อ ก็ปรากฏกายขึ้นในทันที

“ไม่แปลกใจ… ไม่น่าแปลกใจเลย!” ชายชราตกตะลึง ดวงตาของเขายังคงจ้องมองไปที่เหรียญทองแดงที่แตกหักอยู่บนพื้น การแสดงออกของเขาเผยให้เห็นปมของการรู้แจ้ง

“เจ้ารู้อยู่แล้วหรือ?” ชายคนนั้นถามด้วยความประหลาดใจ

“ชิงชิว โอกาสอันยิ่งใหญ่มาถึงแล้ว หากเชื่อข้าก็จงรีบตามข้าไปยังสถานที่หนึ่ง” ทันใดนั้นชายชราก็ยืนขึ้นและถือไม้เท้าสีดำสนิทในมือขณะที่เขารีบจากไปในทันที

“เราจะไปที่ใดหรือ?” ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าชิงชิวหรี่ตาลงเล็กน้อย ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเต่าเฒ่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง จึงทำให้เกิดคลื่นแห่งความประหลาดใจที่ไม่อาจหยุดยั้งในใจของเขา

“เทือกเขาวงจันทรา” เสียงของชายชราลอยล่องไปกับสายลมในขณะที่เขาได้หายไปแล้ว

เทือกเขาวงจันทรา?

เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะไปตามหาชายหนุ่มคนนั้น?

เมื่อเขาครุ่นคิดเสร็จ ร่างของชิงชิวก็กะพริบราวกับฟ้าผ่า ในขณะที่เขาหายตัวไปก็เกิดเสียงดังฟิ้วเช่นกัน

เทือกเขาวงจันทรา

เทือกเขาวงจันทราในตอนนี้คึกคักมาก แตกต่างจากที่เคยเงียบเหงาก่อนหน้านี้ สัตว์อสูรในรัศมีสองร้อยห้าสิบลี้ได้มารวมตัวกันที่นี่อย่างพร้อมเพรียง อีกทั้งยังนำสุราชั้นดี ผลไม้วิญญาณ สมบัติหายาก และอาหารเลิศรสติดตัวมา พวกเขาต่างนั่งลงบนพื้นที่ไหล่เขาของป่าสนคราม ขณะที่พวกเขาคุยกันอย่างผ่อนคลาย

“ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสเฉินซีฆ่าราชาวานรทมิฬของถ้ำวารีกระซิบและราชาเหยี่ยวสายฟ้าของเทือกเขาสัมฤทธิ์ภายในวันเดียว ความแข็งแกร่งระดับนี้ช่างน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง”

“อันที่จริง ผู้อาวุโสเฉินซีนับเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลที่น่าเกรงขามที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอ ตัวเขาเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิลเพียงไม่ถึงครึ่งปี แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็สามารถไปถึงระดับดังกล่าวได้แล้ว เขาช่างเป็นอัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์!”

“ฮ่า ๆ! ในวันนั้น ข้าได้เห็นการต่อสู้ของผู้อาวุโสเฉินซีกับราชาวานรทมิฬด้วยตาทั้งสองของข้าเอง เคล็ดวิชากระบี่ที่ลึกซึ้งและคาดเดาไม่ได้ อีกทั้งความเร็วที่มิอาจหาผู้ใดเทียบเคียง… ชิ ๆ ยากที่จะอธิบายถึงมันจริง ๆ”

มู่ขุยฟังการสนทนาที่กล่าวถึงเฉินซีของสัตว์อสูรโดยรอบ เขารับฟังคำชื่นชมและเยินยอโดยไม่ปิดบังของพวกมัน แต่ในใจของเขากลับสงบนิ่งอย่างยิ่ง

เขารู้ว่าอสูรเหล่านี้มาที่นี่เพื่อสิ่งใด เมื่อราชาวานรทมิฬตายจากไปแล้ว พื้นที่โดยรอบสองพันห้าร้อยลี้ก็ไร้เจ้าของ เห็นได้ชัดว่าอสูรเหล่านี้ยกผู้อาวุโสเฉินซี เป็น ‘ราชา’ ของดินแดนนี้ไปแล้วและนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดพวกมันทั้งหมดจึงมาที่นี่อย่างเป็นมิตร

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความคิดชั่วร้ายก็เกิดขึ้นในใจและเขาก็โพล่งออกมาว่า “พวกเจ้าทุกคนไม่อาจพบท่านผู้อาวุโสเฉินซีได้ในวันนี้ เนื่องจากเขามุ่งหน้าไปยังหุบเขาจันทราโหยหวนแล้ว และดูเหมือนว่าเขาต้องการจะต่อสู้กับราชาอีกาทมิฬ!”

“อ๊า!”

“ราชาอีกาทมิฬ?”

“สวรรค์! เขาคิดหาที่ตายหรือ?”

เสียงโห่ร้อง เสียงหัวเราะ คำเยินยอ… เสียงทั้งหมดต่างก็หยุดลงกะทันหันก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเสียงอุทานมากมายที่แฝงไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ

บรรยากาศมืดหม่นในทันใด

“ราชาอีกาทมิฬเป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งลำดับต้น ๆ ของราชาอสูรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด… อืม ท่านพี่มู่ขุย ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการและต้องขอตัวลาก่อน…”

“เอ่อ ข้าเพิ่งจำได้ว่าลูกของข้ากำลังจะก้าวผ่านสู่ขอบเขตก่อกำเนิดในวันนี้ ข้าต้องไปคอยคุ้มกันเขา”

เหล่าสัตว์อสูรต่างอ้างเหตุผลต่าง ๆ ด้วยสีหน้าที่มืดมน ขณะที่พวกเขากล่าวคำอำลาอย่างเร่งรีบ

มู่ขุยไม่ได้รั้งให้พวกเขาอยู่ต่อและถือจอกสุราด้วยมือทั้งสองข้าง ขณะที่เขาดื่มสุราอย่างสบาย ๆ ด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง เขาไม่อาจโกรธต่อพวกเหยียบเรือสองแคมเหล่านี้ที่กลับหน้ามือเป็นหลังมือยามต้องประสบกับภัยอันตราย

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ณ ขณะนั้น ลำแสงสองสายได้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางอากาศเหนือเทือกเขาวงจันทรา คนหนึ่งเป็นชายชราในชุดสีครามและมีผมสีเงินที่เป็นประกาย ส่วนอีกคนเป็นชายวัยกลางคนที่มีหล่อเหลา เขาไว้ผมยาวพาดบ่าและมีดวงตาคล้ายลูกท้อ

“ราชาเต่าเฒ่าผู้รอบรู้!”

“ราชาจิ้งจอกเก้าหางแห่งเทือกเขาดาราเยือกแข็ง!”

เหล่าอสูรที่เดินลงมายังตีนเขา ต่างแหงนหน้าขึ้นมองและหยุดกะทันหัน ใบหน้าของพวกมันต่างก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในบรรดาราชาอสูรทั้งสอง ตัวหนึ่งลึกลับสุดขีดอีกทั้งความแข็งแกร่งก็ยากจะหยั่งถึง อีกตัวหนึ่งอาศัยอยู่อย่างสันโดษบนเทือกเขาดาราเยือกแข็ง และคาดว่าจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าราชาอีกาทมิฬ เหตุใดพวกเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่?

เป็นไปได้ไหมที่พวกมันจะมาจับเฉินซีผู้นั้น?

“เจ้าคืออสูรหมาป่าตัวน้อยนั่นหรือ? ข้าขอถามเจ้าหน่อยเถอะ ชายหนุ่มผู้นั้นอยู่บนภูเขาหรือไม่?” สายตาของชายชราผมสีเงินที่สวมชุดสีครามกวาดสายตามองไปยังมู่ขุย ซึ่งยังคงรั้งอยู่บนไหล่เขา

‘เป็นไปตามคาด ชายหนุ่มชาวมนุษย์ผู้นั้นต้องตายแน่!’

ที่ตีนเขา อสูรทั้งหมดลอบยินดีออกมาอย่างสุดระงับ

มู่ขุยย่อมรู้จักราชาอสูรที่ทรงพลังทั้งสองนี้อย่างแน่นอน และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดผวาในใจเมื่อเห็นทั้งคู่มาเยือน

‘เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขามาเพื่อแก้แค้นให้กับราชาวานรทมิฬและราชาเหยี่ยวสายฟ้า?’

ราชาเต่าเฒ่าเหมือนอ่านความคิดของมู่ขุยได้ จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ไม่ต้องห่วงข้าไม่ได้มาสร้างปัญหา เพียงต้องการมาเยี่ยมเยียนสหายเต๋าชาวมนุษย์เท่านั้น ข้ามีบางสิ่งที่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเขา”

‘ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเฉินซี?’

มู่ขุยตกตะลึงเมื่อได้ยินประโยคนี้ บรรดาอสูรที่ตีนเขาและแม้แต่ราชาจิ้งจอกเก้าหางที่อยู่เคียงข้างราชาเต่าเฒ่าต่างก็รู้สึกประหลาดใจ

“อะไร พวกเจ้าไม่เชื่อคำที่ข้ากล่าวหรือ?” ราชาเต่าเฒ่าส่ายศีรษะและทอดถอนใจ

“นายท่านของข้า… ท่านไปที่หุบเขาจันทราโหยหวนแล้ว” มู่ขุยพูดติดอ่าง ราชาเต่าเฒ่ามีชื่อเสียงที่ดีเป็นที่ล่วงรู้กันไปทั่ว อย่างน้อยก็ภายในส่วนลึกของภูเขาดินแดนรกร้างใต้พิภพ เขาไม่เคยได้ยินใครกล่าวว่าราชาเต่าเฒ่าเป็นพวกกลับไปกลับมา ดังนั้นมู่ขุยจึงเชื่อราชาเต่าเฒ่าได้อย่างสนิทใจ

“หุบเขาจันทราโหยหวน?” ราชาเต่าเฒ่าตกตะลึง

มู่ขุยกัดฟันและกล่าวว่า “ถูกต้อง สหายของเจ้านายข้าถูกจับราชาอีกาทมิฬไป ดังนั้นนายท่านจึงไปที่แห่งนั้นเพื่อช่วยเหลือพวกเขา”

ราชาจิ้งจอกเก้าหางขมวดคิ้วขณะที่เขากล่าวช้า ๆ “อืม…ข้าได้ยินมาว่าราชาอีกาทมิฬและราชาตนอื่น ๆ จับผู้บ่มเพาะชาวมนุษย์สองสามคนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในตอนนี้ราชาอีกาทมิฬ ราชามังกรทมิฬ และราชาอสรพิษอินทนิลได้ปิดด่านฝึกวิชาอยู่ในหุบเขาจันทราโหยหวน ดูเหมือนว่าพวกมันต้องการกลั่นเม็ดยาลาภวิญญาณโลหิต เป็นไปได้ไหมว่าสหายของชายหนุ่มจะถูกจับกุมโดยพวกมัน?”

“เขากำลังรนหาที่ตาย!” เมื่อราชาเต่าเฒ่าได้ยินถึงเรื่องนี้ ความโกรธที่ไม่อาจยับยั้งก็ฉายแววในดวงตาคู่นั้น “ชิงชิว เจ้าอยากไปหุบเขาจันทราโหยหวนกับข้าหรือไม่”

ราชาจิ้งจอกเก้าหางลูบจมูกและถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวว่า “ตาเฒ่า เจ้าอุตสาห์เอ่ยถามแล้วข้าจะไม่ไปได้หรือ? เอาล่ะ ถึงเวลาที่ข้าจะได้ตัดสินแพ้ชนะกับราชาอีกาทมิฬแล้ว” ขณะที่เขากล่าว ความมั่นใจแสนเย่อหยิ่งก็แวบผ่านดวงตาคล้ายลูกท้อของเขา

ฟุ้บ! ฟุ้บ!

ดวงแสงทั้งสองทะยานผ่านท้องฟ้า และราชาเต่าเฒ่าผู้รอบรู้และราชาจิ้งจอกเก้าหางก็หายตัวไป

“ยอดเยี่ยมนัก! เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งวัน ข้าหวังว่าท่านผู้อาวุโสเฉินซีจะยังคงมีชีวิตอยู่ ด้วยความช่วยเหลือจากราชาอสูรทั้งสองนี้ เขาย่อมปลอดภัยอย่างแน่นอน” มู่ขุยจ้องมองท้องฟ้าอันไกลโพ้นอย่างว่างเปล่า หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน จู่ ๆ เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความเบิกบาน

เหตุใดถึงเป็นอย่างนี้?

ที่ตีนเขา เหล่าสัตว์อสูรต่างตกตะลึงและรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง

“มันเป็นเขาวงกตขนาดใหญ่…”

ที่ริมเขาของหุบเขาจันทราโหยหวน เฉินซีจ้องมองไปยังหมอกหนาทึบสีเทาที่ปกคลุมรอบตัวเขาด้วยท่าทางระมัดระวังและไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ ยามนี้เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะทำลายค่ายกลนี้

ในห้องหินขนาดเกือบพันจั้งที่ถูกปิดผนึกอยู่ในใจกลางภูเขา มีหม้อกลั่นขนาดใหญ่สีแดงเข้มราวกับโลหิต ใต้หม้อกลั่นมีเปลวไฟสีเขียวลุกไหม้อยู่ เหนือหม้อกลั่นมีดวงแสงสีโลหิตเก้าลูกที่พลุ่งพล่านอย่างรุนแรงและกระแสของยาทิพย์ที่มีฤทธิ์เข้มข้นก็แผ่กระจายออกมาจากพวกมัน

ในขณะนี้ มีชายสามคนที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่ง

ชายในชุดคลุมสีดำมีสีหน้ามืดมนและดวงตาสีเลือด เขาขมวดคิ้วในขณะที่กล่าวว่า “สมุนไพรวิญญาณล้ำค่า 996 ชนิดและไม้วิญญาณอันล้ำค่าเหล่านี้กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ด้วยวิธีการกลั่นโลหิต แต่ก็ยังขาดผู้บ่มเพาะชาวมนุษย์อีกหนึ่งคน เพื่อให้ครบทั้งเก้าคน หากเราไม่สามารถจับผู้บ่มเพาะเพิ่มให้ได้ภายในสามวัน ยาทิพย์ที่อยู่ภายในหม้อกลั่นใบนี้ก็จะสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง”

“พี่ใหญ่ราชาอีกาทมิฬ กล่าวถูกแล้ว นับว่าเป็นปัญหายิ่งนัก ข้าสงสัยว่าราชาวานรทมิฬและราชาเหยี่ยวสายฟ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่? ผ่านมานานมากแล้วยังจับใครไม่ได้อีกหรือ?” ชายผู้มีรูปลักษณ์กำยำ ใบปากที่กว้างและมีเขาเดียวบนหน้าผากของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และน้ำเสียงของเขาก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจ

“หืม?” ข้างชายร่างกำยำที่มีเขาเดียว เป็นชายผิวซีดที่มีดวงตาเปล่งประกายด้วยแสงอันชั่วร้ายและไร้คิ้วอยู่บนหน้าผาก ชายผู้ไร้คิ้วดูเหมือนจะสังเกตเห็นถึงอะไรบางสิ่ง จากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปคว้ามัน ทันใดนั้นแผ่นหยกกระแสจิตก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

“ราชาของข้า มีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้น ราชาวานรทมิฬและราชาเหยี่ยวสายฟ้าถูกฆ่าโดยชายหนุ่มที่มีนามว่าเฉินซี…” หลังจากที่เขาอ่านข้อความในแผ่นหยกกระแสจิตเสร็จ ใบหน้าของชายผู้ไร้คิ้วก็แปรเปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงกลัว แล้วอุทานออกมาว่า “พี่ใหญ่ราชาอีกาทมิฬ พี่ใหญ่ราชามังกรทมิฬ ราชาวานรทมิฬและราชาเหยี่ยวสายฟ้าถูกสังหารแล้ว!”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” ชายชุดดำหรือก็คือราชาอีกาทมิฬ ชิงแผ่นหยกไปและอ่านมันอยู่ชั่วครู่ สีหน้าของเขาก็มืดมนยิ่งขึ้น จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเบาแผ่ว “ไอ้โง่สองคนนี้! ลืมมันไปซะ เราจะทำการกลั่นเม็ดยาในหม้อนี้เสียก่อน”

ราชามังกรทมิฬผู้มีเขาเดียวและศีรษะโล้นครุ่นคิดก่อนจะกล่าวว่า “ในเมื่อมันทั้งสองตายไปแล้ว พวกเราก็กลั่นยาลาภวิญญาณโลหิตแค่แปดเม็ดก็พอ”

“ถูกต้อง เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เราจะไปแก้แค้นให้ราชาวานรทมิฬและราชาเหยี่ยวสายฟ้าหลังจากที่กลั่นเม็ดยาเสร็จแล้ว!” ราชาอสรพิษอินทนิลผู้ไร้คิ้วแสยะยิ้มขณะที่เขาพยักหน้ารับเห็นด้วย

“ขั้นแรกคือกลั่นวัตถุดิบเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น จากนั้นค่อยไปเก็บเกี่ยวเลือดและดวงวิญญาณของผู้บ่มเพาะทั้งแปดคนนั้นในภายหลัง” ราชาอีกาทมิฬสั่ง

ทันใดนั้น ราชาอสูรทั้งสามก็ยืนล้อมรอบหม้อกลั่นสีเลือดขนาดใหญ่ และสร้างตราประทับด้วยนิ้วของพวกเขา และใช้ทักษะลับมากมายลงบนหม้อ

ขณะเดียวกัน

“ราชาของข้า ชายหนุ่มชาวมนุษย์ได้บุกรุกเข้ามาในค่ายกลเขาวงกตพันมายาแล้วขอรับ!” น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยเคารพลอดเข้ามาจากข้างนอกห้องหินที่ปิดสนิท

“เป็นเจ้าเด็กน้อยชื่อเฉินซีที่ฆ่าราชาวานรทมิฬและราชาเหยี่ยวสายฟ้าหรือ?” ราชาอสรพิษอินทนิลกล่าวด้วยความตื่นตระหนก

“บัดซบ เขาไม่ได้มาช้าหรือเร็ว แต่บังเอิญมาปรากฏตัวในช่วงสำคัญของการกลั่นวัตถุดิบ!” ความอับจนหนทางได้ปรากฏขึ้นในดวงตาที่คล้ายหยกแวววาวของราชาอีกาทมิฬ

“ราชาอสรพิษอินทนิล เจ้าจงช่วยพี่ใหญ่ดูสถานการณ์ก่อน ข้าจะไปจัดการกับมนุษย์ผู้นั้น” ร่างกายกำยำของราชามังกรทมิฬลุกขึ้นยืน ขณะที่ก้าวเดินออกจากห้องที่ปิดผนึก ฝีเท้าของเขาก็ดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง

“ราชามังกรทมิฬ เจ้าจงระมัดระวังตัว เจ้าเด็กคนนี้สามารถฆ่าราชาวานรทมิฬและราชาเหยี่ยวสายฟ้าได้ ดังนั้นจึงอาจรับมือได้ยาก” ราชาอีกาทมิฬเอ่ยเตือน

“ฮ่า ๆๆๆ! ไม่ต้องกังวลไปพี่ใหญ่ ข้ามังกรทมิฬไม่เหมือนไอ้โง่สองตัวนั้นหรอก” ราชามังกรทมิฬหัวเราะดังสนั่น กระดูกที่หนาและแข็งแกร่งจากร่างกายของเขาต่างส่งเสียง จากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกจากห้องที่ปิดผนึกไปแล้ว

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท