บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 85 ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลาก

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 85 ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลาก

บทที่ 85 ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลาก

แผนภาพวารีหลาก!

ในชั่วพริบตาอารมณ์ของเฉินซีขึ้นลงปั่นป่วนราวกับระลอกคลื่นมหึมากลางมหาสมุทรคลั่ง

“เจ้าเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าแผนภาพวารีหลากหรือไม่? มันเป็นแผนภาพที่ลึกลับที่สุดในสมัยโบราณ เหล่าเทพและมารในสมัยโบราณต่างใช้มันเพื่อทำความเข้าใจวิถีในเต๋าของตนเองให้บรรลุจุดสูงสุดของเต๋า

ด้วยเหตุนี้ การปรากฏของแผนภาพวารีหลากทุกครั้งจึงมาพร้อมกับการเข่นฆ่า ส่งผลให้เกิดความโกลาหลไปทั้งสามภพและกระทบต่อการกลับชาติมาเกิดทั้งหกวิถี ราวกับวันโลกาวินาศที่ผู้บ่มเพาะทุกคนต่อสู้แย่งชิงเพื่อครอบครองแผนภาพวารีหลาก เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ก็รู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูก”

“โชคดีที่แผนภาพวารีหลากได้หายสาบสูญไปตั้งแต่สมัยโบราณ และฉากฆ่าฟันอันน่าสะพรึงของเหล่าเทพและมารก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีกนับล้านปีตั้งแต่นั้นมา เมื่อตอนที่ข้ายังเยาว์วัยหากท่านแม่ไม่ได้อ่านตำราโบราณของตระกูลให้ฟัง ข้าคงไม่รู้นามของแผนภาพวารีหลาก”

เมื่อได้ยินคำของราชาเต่าเฒ่า เฉินซีนึกย้อนถึงถ้อยคำมารดาของเขาเอง เสียงไพเราะดั่งเสียงดนตรีชวนให้ตกอยู่ในภวังค์และตกตะลึงของนางปรากฏขึ้นในหัว

เป็นเพราะแผนภาพวารีหลากนี้เอง!

ใช่ มีเพียงอำนาจของสมบัติในตำนานระดับนี้เท่านั้นจึงจะสามารถผนึกส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้ได้เป็นเวลานับล้านปี!

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะนึกถึงรูปปั้นผู้อาวุโสฝูซีอันมโหฬารและเก่าแก่ภายในทะเลจิตสำนึกของเขา ผู้อาวุโสฝูซีได้เฝ้าสังเกตแผนภาพวารีหลากเพื่อทำนายการเปลี่ยนแปลงของความลับจากสวรรค์ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของมหาเต๋าเพื่อบรรลุความรุ่งโรจน์สูงสุด การดำรงอยู่ของแผนภาพวารีหลากนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใดสามารถเห็นได้จากสิ่งนี้ นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอันดับหนึ่งของพิภพ!

นอกจากนี้ เฉินซีเคยได้ยินจี้อวี๋กล่าวว่า ผู้อาวุโสฝูซีในทะเลจิตสำนึกของเขามีเศษเสี้ยวพลังของแผนภาพวารีหลาก ซึ่งทุกวันนี้เฉินซีก็ยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น ทว่าตอนนี้เมื่อเขาได้ยินราชาเต่าเฒ่ากล่าวถึงแผนภาพวารีหลาก ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะคิดทบทวนอยู่ในใจ ‘เป็นไปได้ไหมว่าอสูรชราผู้นี้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงมาหาและสิ่งที่ต้องการร้องขอจากข้านั้นเกี่ยวข้องกับแผนภาพวารีหลาก?’

“แผนภาพวารีหลาก? เป็นไปไม่ได้! สมบัติอันลึกลับเปี่ยมล้นไปด้วยอำนาจจะตกลงมายังสถานที่แสนกันดารห่างไกลเช่นที่นี่ได้อย่างไร!” เสียงของจี้อวี๋ดังขึ้นในหัวของเฉินซี

“ทว่าเฉินซีเจ้าควรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด แผนภาพวารีหลากนั้นลี้ลับมากหากมันตกลงที่นี่จริง ๆ จะนับได้ว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งและตัวเจ้าก็ไม่ควรพลาด เมื่อตอนนั้นเจ้านายของข้าได้รับมันมาโดยบังเอิญ

แต่ช่างน่าเสียดายในขณะที่นายท่านกำลังบรรลุมหาเต๋ามันกลับสลายหายไปในอากาศ ไม่ว่านายท่านของข้าจะค้นหาอย่างไร เขาก็ไม่เคยพานพบมันอีกเลย”

“สิ่งที่ข้าสงสัยตอนนี้คือเหตุใดอสูรสองตนนี้ถึงมาหาข้า? หรือว่าพวกมันล่วงรู้ว่าข้าครอบครองตราประทับกายาอันแท้จริงของผู้อาวุโสฝูซีอยู่ในทะเลจิตสำนึกของข้า?” เฉินซีได้แต่สงสัยอยู่ภายในใจ

“หืม?” จี้อวี๋ตกตะลึงและนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นถึงบางสิ่งและทันใดนั้นจึงกล่าวว่า “อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้ไอ้เจ้าเต่าตัวนี้ก็คือเต่ากระดองนิ่ม ในสมัยโบราณตระกูลเต่ากระดองนิ่มเชี่ยวชาญการทำนายทางโหราศาสตร์ และมีทักษะขั้นสูงในการทำนายโชคชะตาของผู้คนทั้งในอดีตและอนาคตภายในขอบเขตระยะเวลาหนึ่งปี ข้าคาดว่าเต่ากระดองนิ่มตัวนี้คงสังเกตเห็นอะไรบางสิ่งจากการทำนาย ดังนั้นมันจึงมาหาเจ้า”

“เป็นเช่นนี้เอง” เฉินซีเข้าใจทันที

“แต่มันไม่สมควรนัก เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทันทีที่แผนภาพวารีหลากปรากฏขึ้นก็จะดึงดูดความสนใจเหล่าผู้แข็งแกร่งจากสวรรค์และโลก ดูเหมือนว่าข้าต้องปรากฏตัวเพื่อพบกับพวกมัน…” จี้อวี๋กล่าวอย่างแน่วแน่ น้ำเสียงของเขาจริงจัง

ในขณะที่เฉินซีจมอยู่ในห้วงความคิด ราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางต่างมองหน้ากัน แต่พวกเขาไม่ได้รบกวนชายหนุ่มแต่อย่างใด พวกเขาต่างหยิบถ้วยสุราขึ้นมาเพื่อลิ้มรสสุราอย่างระมัดระวังในขณะที่สื่อสารผ่านกระแสปราณ

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะกล่าวถูก เจ้าหนูผู้นี้รู้จักแผนภาพวารีหลากจริง ๆ” ราชาจิ้งจอกเก้าหางกล่าวอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของมันไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นได้ “การบ่มเพาะของข้านั้นติดอยู่ในขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสมบูรณ์แบบมาหลายพันปีแล้ว หากยังไม่สามารถฝ่าขีดจำกัดที่มีอยู่ภายในภูเขาแห่งนี้ เกรงว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ช่างโชคดีที่สหายน้อยคนนี้ได้ปรากฏตัว!”

ราชาเต่าเฒ่าแค่นหายใจแล้วจึงกล่าวว่า “ใช่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเผ่าอสูรของเรามีอายุขัยอันยาวนาน ข้าเกรงว่าเราคงจะไม่อาจทนไปต่ออีกหลายปี ดังนั้นเราควรคว้าโอกาสนี้ไว้”

ราชาจิ้งจอกเก้าหางพยักหน้าและทันใดนั้นก็กล่าวว่า “ถูกต้อง ว่าแต่เจ้าคิดว่าเขาจะสามารถครอบครองภาพวารีหลากได้หรือไม่?”

“สิ่งนั้นหาใช่แผนภาพวารีหลาก มันคือ…” ก่อนจะพูดจบประโยค ราชาเต่าเฒ่าก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและร่องรอยความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา

ราชาจิ้งจอกเก้าหางก็ตกตะลึงเช่นกันแล้วเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อพบกับชายชราร่างผอมบางที่ปรากฏกายขึ้นอย่างกะทันหัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว

เหนือขึ้นไปกลางอากาศมีร่างของชายชราผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของชายชรานั้นผอมตอบ ดวงตาของเขาลึกล้ำไม่อาจหยั่ง ถือขวดน้ำเต้าสีครามอย่างเกียจคร้านในขณะที่กระดกดื่มด้วยท่าทางไม่แยแส หากไม่นับดวงตาที่ลึกล้ำพิสดาร รูปลักษณ์ของชายชราผู้นี้หากดูผิวเผินจะเหมือนกับชายชรามนุษย์ทั่วไป

อย่างไรก็ตาม สายตาของราชาอสูรทั้งสองย่อมเฉียบแหลมกว่าผู้คนทั่วไป พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวจากร่างของชายชราผู้นี้ได้ในทันทีจนทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้าน

ความรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับภูเขาสูงตระหง่านที่ไม่อาจหยั่งถึง ทำได้เพียงแหงนมองและเทิดทูนเท่านั้น!

จี้อวี๋ชำเลืองมองราชาอสูรทั้งสองและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เฒ่าเต่ากระดองนิ่มที่บ่มเพาะมาสามหมื่นหนึ่งพันสองร้อยปีและจิ้งจอกเก้าหางที่บ่มเพาะมาแปดพันสามสิบสามปี ทว่าพวกเจ้าทั้งคู่กลับมีการบ่มเพาะแค่เพียงขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น หากไม่เป็นเพราะมีอายุขัยที่ยาวนาน พวกเจ้าคงกลายเป็นกองกระดูกไปเนิ่นนานแล้ว”

ใบหน้าของราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางยิ่งเคร่งเครียดเพราะจี้อวี๋เปิดเผยตัวตนของทั้งสองด้วยถ้อยคำประโยคเดียว

“ท่านผู้อาวุโสจี้อวี๋มองพวกมันออกได้อย่างรวดเร็ว?” แม้เขาจะรู้ว่าการบ่มเพาะของจี้อวี๋นั้นยากที่จะหยั่งถึง แต่เฉินซีก็ยังอดทึ่งไม่ได้

สีหน้าของราชาเต่าเฒ่าแสดงความเคารพอย่างสูง เขาลุกขึ้นยืนโค้งกายก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพ “ดวงตาของผู้อาวุโสเต็มเปี่ยมไปด้วยปัญญา ข้าขอทราบนามของผู้อาวุโสได้หรือไม่”

ราชาจิ้งจอกเก้าหางไม่อาจนิ่งเฉยได้เช่นกันและรีบลุกขึ้นยืน สายตาที่เขาจ้องมองไปที่จี้อวี๋เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“เจ้าสองคนไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร เพียงแค่ตอบคำถามของข้าก็พอ” เสียงของจี้อวี๋แฝงไปด้วยการดูแคลน จากนั้นเขาก็กล่าวตามตรงว่า “แผนภาพวารีหลากอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขานี้จริง ๆ หรือ?”

“ใช่ ขอรับ แต่มันไม่ควรเป็นแผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์ น่าจะเป็นแค่เศษเสี้ยวมากกว่า” ราชาเต่าเฒ่าตอบกลับ เขาเข้าใจแล้วว่าจี้อวี๋มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเฉินซี และรู้ตัวดีว่าควรวางตัวอย่างไร

อย่างไรก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง มีความพิศวงมากมายอยู่ในตัวเด็กคนนี้ ในตอนนั้นต่อให้เฉินซีจะไม่บรรลุเต๋าแห่งสายลม การมีชายชราลึกลับผู้นี้อยู่ด้วย ราชาอีกาทมิฬย่อมไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน

“ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลาก?” จี้อวี๋ถามด้วยความประหลาดใจ

“มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หากเป็นแผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์ ข้าเกรงว่าจะถูกค้นพบไปนานแล้ว” ราชาเต่าเฒ่าตอบอย่างตรงไปตรงมา

“เหตุใดแผนภาพวารีหลากจึงแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย? หรือว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในช่วงหนึ่งล้านปีที่ผ่านมานี้” จี้อวี๋บ่นพึมพำกับตัวเองและจมอยู่ในห้วงความคิด

เฉินซีขมวดคิ้วและถามกลับ “ในเมื่อมันเป็นชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลาก เหตุใดผู้อาวุโสทั้งสองถึงไม่รวบรวบมันล่ะ?”

“น้องชายเฉินซี ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเรานักหรอก ข้าไม่อาจรับความเคารพขนาดนี้ของเจ้าได้ เรามาเป็นสหายกันจะดีกว่า” ราชาเต่าเฒ่ารีบแก้ไข

ราชาจิ้งจอกเก้าหางเผยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ถูกต้องแล้ว! หากน้องเฉินซีไม่รังเกียจโปรดเรียกข้าว่าพี่ชิงชิว”

เมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จิตใจของเฉินซีก็ปั่นป่วน ไม่น่าแปลกใจที่เหล่าศิษย์จากขุมกำลังใหญ่มักถูกห้อมล้อมและประจบประแจงโดยผู้คนที่อยากจะคลุกคลีกับพวกเขา ทั้งหมดเป็นเพราะเกรงกลัวต่อผู้ที่หนุนหลังศิษย์เหล่านั้นต่างหาก

“พลังของเศษเสี้ยวแผนภาพวารีหลากนั้นลึกลับยิ่ง และไม่ใช่สิ่งที่ความแข็งแกร่งของพวกเราจะสยบมันได้” สีหน้าของราชาเต่าเฒ่าเคร่งขรึมและกล่าวว่า “จากการคาดเดาของเรา มีเพียงน้องชายเฉินซีเท่านั้นที่สามารถสยบมันได้”

“ตัวข้าหรือ?” เฉินซีชี้ไปที่ตัวเองด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง มีเพียงเจ้าเท่านั้น” ราชาเต่าเฒ่ากล่าวอย่างมั่นใจ “ข้ายอมเสียสละอายุขัยสิบปีเพื่อทำนายดวงชะตา และอุทิศตนเพื่อพยายามเข้าใจมัน ซึ่งท้ายที่สุดข้าสังเกตเห็นว่าสัญญาณทั้งหมดต่างบ่งชี้มาที่เจ้า และมันย่อมถูกต้องอย่างแน่นอน”

‘ยอมสละอายุขัยสิบปีเพียงเพื่อทำนายดวงชะตา?’ เฉินซียังคงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลยิ่งนัก แต่เขาก็รู้ว่าศาสตร์ลับเช่นโหราศาสตร์และการทำนายมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นเขาจึงไม่สงสัยสิ่งที่ราชาเต่าเฒ่ากล่าวมา

“ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ เมื่อพลังของเจ้าฟื้นคืนแล้ว จงไปพิสูจน์ด้วยตาของเจ้าเอง” จี้อวี๋ตื่นจากการครุ่นคิดและกล่าวอย่างเด็ดขาด “หากเป็นชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากจริง โอกาสที่เจ้าจะได้ครอบครองก็นับว่ามีเยอะนัก อย่าได้ลืมว่าภายในทะเลจิตสำนึกของเจ้านั้นมีสิ่งใดอยู่…”

แม้จี้อวี๋กล่าวไม่ครบ เฉินซีก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย รูปปั้นผู้อาวุโสฝูซีในทะเลจิตสำนึกของเขามีเศษเสี้ยวพลังของแผนภาพวารีหลาก หากอาศัยการเชื่อมโยงนี้มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะสยบชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากสำเร็จ

“ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้อง ในตอนนี้น้องชายอาจหมดแรงจากการต่อสู้ที่ดุเดือดกับราชาอีกาทมิฬ หลังจากที่ความแข็งแกร่งของเขาฟื้นคืนแล้ว จะเป็นการเหมาะสมที่สุดที่จะสยบชิ้นส่วนของแผ่นภาพวารีหลาก” เนื่องจากการปรากฏตัวของจี้อวี๋ ราชาเต่าเฒ่าจึงมีกำลังใจมากขึ้นและมองเห็นความหวังครั้งใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย

“นี่คือวารีวิญญาณราวสองพันห้าร้อยจินสำหรับน้องเฉินซีใช้ในการฟื้นฟูพลังของเจ้า สิ่งนี้คือความปรารถนาดีของข้าและหวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธมัน” ราชาจิ้งจอกเก้าหางหยิบขวดหยกสีขาวออกมาและมอบให้แก่เฉินซี

“การยอมรับย่อมดีกว่าปฏิเสธอย่างนอบน้อม” เฉินซีป้องมือและรับมันอย่างว่าง่าย

“ฮ่า ๆๆๆ!” ราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางต่างหัวเราะเสียงดังพร้อมกัน เมื่อเฉินซียินยอมรับวารีวิญญาณไป ทำให้พวกเขารู้สึกยินดียิ่งนัก

หลังจากที่รับของชิ้นนี้มา เฉินซีก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับราชาอสูรทั้งสองแน่นแฟ้นมากขึ้น มันเป็นความจริงที่บางครั้งการยอมรับของกำนัลของผู้อื่นก็สามารถส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันได้

ราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางต่างก็เป็นอสูรที่มากประสบการณ์ มีความสามารถ ไหวพริบ รู้ขีดจำกัดของพวกเขา และรู้วิธีทำให้โปรดปราน การสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาย่อมเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน

จี้อวี๋เฝ้าดูเฉินซีสนทนากับราชาอสูรทั้งสองอยู่ด้านข้าง คำพูดและน้ำเสียงทุกอย่างของชายหนุ่มนั้นมั่นคงและเหมาะสม ความอ่อนหัดด้อยประสบการณ์แทบไม่มีให้เห็น

“ในที่สุดเด็กน้อยก็เติบใหญ่แล้ว…” จี้อวี๋ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อครั้งที่ได้พบกับเฉินซีเป็นครั้งแรกเขายังคงจำได้ว่า เด็กน้อยผู้นี้เต็มไปด้วยความหวาดระแวงมืดหม่นเปรียบเสมือนสัตว์เดรัจฉานอันโดดเดี่ยวจนตรอกที่พร้อมจะแลกชีวิตของตนเองกับศัตรูได้ทุกเมื่อ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตัวเด็กน้อยในยามนี้ได้ฉายแสงอันโดดเด่นของตัวเองออกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะหรือจะเป็นการวางตัวอันเหมาะสม

เฉินซีไม่ต้องการความสงสาร ไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจ เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ เพียงพึ่งพากระบี่คู่ใจของเขาเพื่อกระทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเปิดเผยและเที่ยงตรง ตอบแทนความเมตตาและความเกลียดชังทั้งหมดอย่างสมควร

นี่คือความคิดที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ควรพึงมี!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท