บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 177 ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีก

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 177 ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีก

ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้น เป็นผลจากการผสมพันธุ์ระหว่างสัตว์อสูรบรรพกาลที่กลายพันธุ์และถูกเรียกว่าค้างคาวโลหิตหกปีกกับสัตว์เทวะบรรพกาลที่ถูกเรียกว่ามังกรโลหิต จึงทำให้มันมีสายเลือดของสัตว์อสูรบรรพกาลทั้งสองตัว ยิ่งไปกว่านั้น พละกำลังของมันก็น่าสะพรึงกลัว อีกทั้งมันยังแสนดุร้าย กระหายเลือด และโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง

เพียงแค่ชำเลืองมอง เฉินซีก็สามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่ากลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่อยู่ต่อหน้าเขาจะด้อยกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติ แต่มันก็ยังเหนือกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางธรรมดาทั่วไป!

ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวนี้ กอปรกับร่างกายที่ทรงพลังโดยกำเนิดและทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับสายลม ทำให้แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติก็อาจไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

เฉินซียอมรับว่าถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ เขาคงทำได้เพียงต้องหนีเท่านั้น

แต่นับว่าโชคดี ที่ไป๋คุยซ่อนตัวอยู่ใต้ภูเขาสีเลือดและไม่ถูกสังเกตเห็นโดยค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่แสนดุร้าย ทำให้เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ไยเจ้าตัวเล็กตัวนี้ถึงซ่อนตัวอยู่ที่นี่?

“เฉินซี เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้กำลังจะกลายร่างเป็นมนุษย์!” ในขณะเฉินซีกำลังรู้สึกมึนงง หลิงไป๋ก็ส่งเสียงผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็วให้เขาได้สติกลับคืนมา “ช่างเป็นโอกาสที่ดียิ่งเสียนี่กระไร! ระหว่างที่มันกำลังจะกลายร่างคือช่วงเวลาที่มันจะอ่อนแอที่สุด หากเราลงมือในช่วงนี้ เราจะสามารถฆ่ามันได้อย่างแน่นอน และหลังจากที่เราดึงเอาผลึกแก่นอสูรของมันออกมาและให้เจ้าใช้มัน เจ้าก็จะสามารถทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเคหาทองคำได้ในคราวเดียว!”

‘อ๊ะ มันกำลังกลายร่างแล้วนี่!’ เฉินซีตกตะลึงในทันที

เมื่อค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนี้กลายร่างแล้ว มันจะบรรลุไปสู่​​ขอบเขตจุติทันที และกลายเป็นผู้บ่มเพาะอสูรขอบเขตจุติซึ่งปราณแท้ในร่างของพวกมันจะเหนือกว่ามนุษย์เป็นอย่างมาก และมากกว่าผู้บ่มเพาะที่เป็นมนุษย์ถึงสิบหรือยี่สิบเท่า!

เนื่องจากร่างกายของค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก เมื่อมันอยู่ในร่างมนุษย์ ปราณแท้ของมันก็จะหนาแน่นขึ้นโดยธรรมชาติ

หากสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไปกลายร่างเป็นมนุษย์ ปราณแท้ของมันก็ยังไม่อาจเทียบเท่ากับอสูรค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่น่าสยดสยองเหล่านี้

แต่การที่ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้นั้น เป็นสิ่งที่ยากเข็ญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสายเลือดของสัตว์อสูรบรรพกาลทั้งสองประเภทที่ไหลเวียนอยู่ภายในเส้นเลือดของมัน เว้นเสียแต่ว่ามันจะบรรลุขอบเขตจุติ หรือใช้โอสถวิญญาณอันล้ำค่า มิฉะนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะกลายร่างเป็นมนุษย์

“เฉินซีนี่เป็นโอกาสอันหาได้ยาก ที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงชีวิตนี้ สัตว์อสูรบรรพกาลเช่นนี้เป็นสิ่งที่หายากยิ่งนัก และสัตว์ร้ายตัวนี้น่าจะเป็นจ้าวผู้ปกครองในบริเวณแถบนี้ หากในยามปกติ พวกเราคงต้องหลีกเลี่ยงมัน แต่ตอนนี้ มันกำลังจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์เพื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ และความแข็งแกร่งของมันก็อยู่ในช่วงที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก เราต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อตามล่าและฆ่ามัน!” หลิงไป๋ร้องเสียงดังอีกครั้ง และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้า

“ตกลง!” เฉินซีพยักหน้าช้า ๆ แน่นอนว่าการฆ่าค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้นจะเกิดผลประโยชน์อย่างมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ผลึกแก่นอสูร กระดูก ปีก และเขี้ยวก็เป็นวัตถุดิบสำหรับขัดเกลาสมบัติวิเศษที่หาได้ยาก และมูลค่าของมันก็มหาศาลเป็นอย่างมาก!

วูบ! วูบ! วูบ!

ในขณะนี้ ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกก็ร้องโหยหวนขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที และปีกสีเลือดทั้งหกคู่ก็กางออกจากหลังของมัน เมื่อเสียงแหลมของมันดังขึ้นพร้อมกับสายลมที่โหมกระหน่ำ มวลพลังอันไร้ขอบเขตได้ก่อตัวขึ้นเป็นกระแสวังวน และทำให้ความเยียบเย็นไหลลงสู่กระดูกสันหลัง

ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่ใสกระจ่างแต่เดิมกลับกลายเป็นสีดำสนิทเหมือนหมึกพู่กัน และมีกระทั่งร่องรอยของสายฟ้าไหลเวียนอยู่ภายในก้อนเมฆสีดำทะมึนนั้น ราวกับว่ามันกำลังเก็บสะสมพลังงานเพื่อที่จะอาละวาดไปทั้งสวรรค์และโลก

ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนี้ได้หยิบยืมสายฟ้าของทัณฑ์สวรรค์ เพื่อใช้พลังของสายฟ้าในกลายร่างเป็นมนุษย์!

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีพบเห็นสัตว์อสูรในร่างมนุษย์ และค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกขนาดมหึมาซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมจากยุคบรรพกาล

แม้จะอยู่ห่างไกลจากมันมาก แต่คลื่นปราณปีศาจอันกว้างใหญ่ และกลิ่นอายที่แพร่กระจายออกมาทำให้ผู้คนต้องอยู่ในความหวาดกลัว และพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่แสนยาวนานของค้างคาวมังกรโลหิตหกปีก ทำให้สวรรค์และโลกเกิดสายลมที่ส่งเสียงหวีดหวิวในทันที และพายุโหมกระหน่ำพร้อมเสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัวก็กระจายไปทั่วท้องฟ้า หากมีนักล่าผ่านมาในช่วงเวลานี้ เขาคงต้องหวาดกลัวจนแทบตาย!

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สิ่งมีชีวิตจะพัฒนาสติปัญญาขึ้นมา อาจเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ป่าเท่านั้น และด้วยการพัฒนาสติปัญญาและความเข้าใจถึงวิธีการดูดซับปราณวิญญาณของสวรรค์และโลกเพื่อสะสมปราณแท้ มันจึงกลายเป็นสัตว์อสูรอย่างสมบูรณ์แบบ!

สัตว์ป่าและสัตว์อสูรนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปและผู้บ่มเพาะ ซึ่งมีความแตกต่างราวกับสวรรค์และโลก

การบ่มเพาะหลังจากที่กลายเป็นสัตว์อสูร และได้พิชิตทัณฑ์สวรรค์เพื่อให้กลายร่างเป็นมนุษย์ เมื่อถึงจุดนี้แล้ว มันก็จะสามารถออกอาละวาดไปทั่วโลกได้ อีกทั้งพวกมันต่างก็แสวงหาเต๋าเฉกเช่นเดียวกับผู้บ่มเพาะที่เป็นมนุษย์ ดังนั้น หากจะพูดถึงสัตว์อสูรที่กลายร่างเป็นผู้บ่มเพาะอสูรได้แล้ว ก็คือราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหาง ที่เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติที่น่าเกรงขาม

ทว่าการที่จะอยู่ในร่างมนุษย์ก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญสำหรับสัตว์เทวะบรรพกาลและสัตว์อสูรกลายพันธุ์บางตัว ซึ่งก็ไม่เหมือนกับสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไป และบางตัวเฉกเช่น ไป๋คุย ก็ไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เช่นกัน เนื่องจากเจ้าตัวเล็กนี้เป็นสัตว์มงคลชั้นยอดที่เกิดจากสวรรค์และโลก อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสติปัญญา แต่กลับไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ตลอดชีวิต

นี่คือข้อจำกัดของกฎแห่งสวรรค์ และมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในสวรรค์และโลก

ในขณะนี้ ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกอยู่ภายในศูนย์กลางของพายุ และเหนือขึ้นไปนั้นเป็นดวงแสงที่เต็มไปด้วยประกายสายฟ้าที่กำลังปะทะกันจนเกิดเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ ๆ’ ขณะที่พวกมันปล่อยกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ใจต้องสั่นไหว

กี๊ซ!

ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในปากของมันมีเขี้ยวที่น่าสยดสยอง ความยาวของเขี้ยวนั้นราว ๆ สิบสองฉื่อ อีกทั้งยังแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พอจะคาดเดาออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าถูกมันกัด!

ยิ่งไปกว่านั้น หากเขี้ยวเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้ขัดเกลาอุปกรณ์และถูกกลั่นกรองด้วยหม้อกลั่น มันจะสามารถสกัดเป็นกระบี่บินระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดได้ด้วยซ้ำ!

“หากค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกขนาดมหึมากลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว ข้านั้นอยากรู้จริง ๆ ว่าความแข็งแกร่งของมันจะอยู่ในระดับใด?” เฉินซีที่อยู่ห่างออกไปมากกว่าสองจั้ง ก็สามารถสัมผัสได้ว่าปราณแท้ของสัตว์ร้ายตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเขาอย่างน้อยสิบเท่า และมันช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก

“เวรแล้ว เฉินซี! มีคนกำลังเข้ามาใกล้ที่นี่ และกลิ่นอายของพวกเขาก็แข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่พวกเราที่กำลังตามล่าผลึกแก่นอสูรของสัตว์ร้ายตัวนี้” หลิงไป๋ดูเหมือนจะสัมผัสถึงเห็นอะไรบางอย่าง และใบหน้าของเขาก็ตึงเครียดในทันทีขณะที่เขากล่าวอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่หลิงไป๋กล่าวจบ ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเฉินซีก็สัมผัสถึงร่างทั้งสองที่กำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจากระยะไกล เคล็ดวิชาตัวเบาของพวกเขารวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด เพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็มาถึงเบื้องหน้าของภูเขาสีเลือด และซุกซ่อนตัวเองอย่างเงียบ ๆ

นับว่าเป็นเรื่องปกติเช่นกัน ความปั่นป่วนที่เกิดจากค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกนั้นยิ่งใหญ่เกินไป และเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน

ในขณะนี้ ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกที่อยู่บนยอดเขาดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตราย และดวงตาที่เหมือนโคมไฟได้กวาดไปที่ตีนเขา ก่อนจะส่งเสียงร้องเสียดหูที่แฝงไปด้วยความดุร้ายและโหดเหี้ยม ดูเหมือนว่ามันจะต้องการทำให้ศัตรูที่มาถึงตกอยู่ในความหวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม การขู่ขวัญเช่นนี้กลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพราะผู้ใดก็ตามที่สามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของการกลายร่าง ทัณฑ์สวรรค์ที่เต็มไปด้วยสายฟ้าก็ลอยอยู่เหนือมัน ดังนั้นมันจึงไม่กล้าหันเหความสนใจไปกับสิ่งอื่น และตัวมันก็อยากล้มเลิกกลางคัน มิฉะนั้น จะต้องล้มตายอยู่ภายใต้สายฟ้าของทัณฑ์สวรรค์จนต้องกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน

“บัดซบ! ไอ้สารเลวสองคนนั้นต้องการหาประโยชน์จากเหยื่อของเราจริง ๆ!” ใบหน้าเล็ก ๆ ของหลิงไป๋เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าขณะที่เขากล่าวอย่างเย็นชา “เฉินซี หลังจากที่สัตว์ร้ายตัวนั้นต้องทนทุกข์ทรมานกับทัณฑ์สวรรค์และอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด เจ้าจงลงมือในทันที แล้วข้าจะไปหยุดสองคนนั้น”

“กลิ่นอายของคนสองคนนั้นน่าสะพรึงกลัวนัก และพวกเขาก็น่าจะเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ปล่อยให้เจ้ารับมือคนเดียว จะไม่เป็นอะไรหรือ?” เฉินซีขมวดคิ้วขณะกล่าว

“มันไม่ใช่ว่าข้าจะไปฆ่าพวกมัน แค่เพียงหยุดพวกมันชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นข้ายังพอรับมือไหว แต่เจ้าต้องลงมืออย่างรวดเร็วกว่าพวกมัน และเราจะหนีไปทันทีหลังจากที่เจ้าฆ่าสัตว์ร้ายนั้นแล้ว ข้าเชื่อว่าพวกมันจะไม่สามารถไล่ตามพวกเราทันได้” หลิงไป๋หัวเราะเยาะอย่างมีเลศนัย

“เอาล่ะ เจ้าต้องระวังตัวให้ดีและรีบหนี ถ้าเจ้าไม่สามารถหยุดพวกมันได้ แม้ว่าเราจะไม่ได้ผลึกแก่นอสูรของสัตว์ร้ายตัวนี้ แต่เจ้าก็ต้องไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน” เฉินซีสั่ง

โครม!

ในขณะนี้ บนท้องฟ้าที่มืดสนิทสนิทราวกับน้ำหมึก สายฟ้าขนาดมหึมาที่หนาพอ ๆ กับเสาหิน ซึ่งแฝงไปด้วยกลิ่นอายรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวได้ฟาดลงมาอย่างรุนแรง แม้ว่าพวกมันจะอยู่ไกลออกไปมาก แต่เฉินซีก็ยังคงรู้สึกถึงคลื่นแห่งความกลัวในใจของเขา

นี่คือทัณฑ์สวรรค์ที่มีเจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์ และมันไม่ใช่สิ่งที่สายฟ้าธรรมดาทั่วไปจะเทียบเคียงได้เลยแม้แต่น้อย

กี๊ซ!

เสียงคำรามดังกึกก้อง ในขณะที่ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกกางปีกทั้งหกคู่ออก มวลพลังที่พลุ่งพล่านก็แผ่ออกมาจากร่างของมัน เมื่อเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ มันยืนหยัดโดยปราศจากความเกรงกลัว และไม่คิดที่จะหลีกเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย!

โครม!

ปีกทั้งหกคู่ของสัตว์อสูรที่มีสายเลือดของสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาลได้ถูกสายฟ้าฟาดในทันที ทำให้มันส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่หน่อเขาสองอันบนศีรษะของมันเริ่มโตขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จนกลายเป็นเขาสองเขาที่อาบไปด้วยแสงที่ส่องประกาย!

เปรี๊ยะ!

ทันทีที่เขาคู่นั้นงอกออกมา พวกมันก็ถูกค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกตัดด้วยกรงเล็บอันแหลมคมทันที ก่อนที่จะยัดเข้าไปในปากแล้วกลืนมันเข้าไป ในเวลาเดียวกัน ร่างมหึมาของมันที่ครอบคลุมพื้นที่ร้อยยี่สิบจั้ง ก็เริ่มหดตัวลงอย่างน่าตกใจ ภายใต้การโจมตีที่โหมกระหน่ำของสายฟ้าจากทัณฑ์สวรรค์ จากนั้นกรงเล็บที่แหลมคม เขี้ยว และเกล็ดทั่วทั้งร่างกายของมันก็เริ่มหลุดร่วงลง

ครืน!

หลังจากที่สายฟ้าระลอกสุดท้ายของทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมา เมฆและหมอกบนท้องฟ้าที่มีสีดำสนิทเหมือนหมึกได้กระจายตัวในทันที ทำให้ท้องฟ้าสีครามที่ใสกระจ่างหวนคืนกลับมา ในขณะที่ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกในตอนนี้ อยู่ในสภาพที่อ่อนแอและทั่วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยรอยแผลและเลือด แต่ร่างกายของมันก็หดตัวลงทีละนิด และคงอีกไม่นานก่อนที่มันจะกลายร่างเป็นมนุษย์

“ลงมือเลย!” หลิงไป๋ตะโกนออกมาด้วยเสียงต่ำ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นดวงแสงสีทองที่เปล่งประกายขณะทะยานไปยังสถานที่ที่คนทั้งสองหลบซ่อนอยู่

ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็กระแทกปลายเท้าของเขาลงบนพื้น และร่างของเขาก็เป็นดั่งสายฟ้าขณะที่พุ่งไปยังภูเขาสีเลือดอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนที่เขาจะถึงบนยอดเขา มือขวาของเขาได้ยื่นออกไปในอากาศ และปราณจ้าววิญญาณในร่างกายของเขาก็พวยพุ่งออกมา กลายเป็นฝ่ามือมหาดาราที่มีขนาดร้อยยี่สิบจั้ง และคว้าไปที่ค้างคาวมังกรโลหิตหกปีก

สัตว์ร้ายตัวนี้เพิ่งพิชิตทัณฑ์สวรรค์เมื่อครู่ และความแข็งแกร่งของมันก็อยู่ในสถานะที่อ่อนแอที่สุด ในตอนนี้ เฉินซีได้ใช้ฝ่ามือมหาดาราด้วยกำลังทั้งหมดของเขา เพราะเขาต้องการที่จะจับมันในครั้งเดียว

ความเร็วของฝ่ามือมหาดารานั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่เท่ากับความเร็วของเสียง แต่ระยะทางเพียงครึ่งลี้นั้นก็สามารถไปถึงได้ในพริบตา ร่างของค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกตัวนี้ได้หดตัวลงจนมีขนาดเพียงยี่สิบจั้งแล้ว และเมื่อมันถูกฝ่ามือมหาดารารวบจับอย่างดุเดือด มันก็ส่งเสียงคำรามอย่างน่าสมเพชและโกรธเกรี้ยวในทันที จากนั้นก็พยายามจะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากฝ่ามือขนาดมหึมา

แต่นับว่าโชคดี หลังจากที่มันถูกทรมานจากสายฟ้าของทัณฑ์สวรรค์ ความแข็งแกร่งของมันก็ได้อ่อนแอถึงขีดสุดแล้ว จึงทำให้มันถูกฝ่ามือขนาดมหึมาลากไปหาเฉินซีในทันที

“แยกย้ายกันลงมือหรือ? ฮึ่ม! พวกเราสังเกตเห็นเจ้าทั้งคู่นานแล้ว ทิ้งชีวิตไว้ซะ!”

“เซวี่ยเฉิน เจ้าไปฆ่าเจ้าเด็กคนนั้น! ส่วนข้าจะจัดการกับเจ้าตัวประหลาดน้อยนี่เอง!”

ในขณะนี้ เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้งพร้อมกับเสียงตะโกนดังกึกก้อง ร่างสีดำได้กระโจนออกมาจากตีนเขาทันที มันรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดขณะที่มันทะยานไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเข้าใกล้เฉินซีและฟาดฝ่ามือลงมาจากท้องฟ้า

เงาร่างนี้ถูกเรียกว่า ‘เซวี่ยเฉิน’ แท้จริงแล้ว เขาไม่ได้สนใจฝ่ามือมหาดารา แต่มุ่งไปฆ่าเฉินซีโดยตรง ฝ่ามือของเขาที่ฟาดออกไปนั้นเย็นเฉียบและดุร้าย อีกทั้งยังปล่อยกระแสลมที่เหมือนใบมีดออกมา ซึ่งความเร็วของมันก็น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก

เฉินซีตกตะลึงอยู่ในใจ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็รวดเร็วมากเช่นกัน ในทันทีที่ร่างนี้โจมตี กระบี่ระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดก็ปรากฏขึ้นในมือของเฉินซี จากนั้นก็บิดข้อมือออกเพื่อใช้กระบวนท่า ‘กระบี่คุนแห่งพสุธา’ ซึ่งมีการป้องกันที่โดดเด่นจนไม่อาจมีผู้ใดเทียบเคียงได้!

ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ!

ประกายแสงของปราณกระบี่ต่างร่ายรำขณะที่ปราณกระบี่ฉีกผ่านท้องฟ้า และพวกมันก็เปลี่ยนเป็นปราณที่หนาแน่นของพื้นดินที่ขดตัวอยู่รอบ ๆ ร่างของเฉินซี กระบวนท่ากระบี่นี้มีนัยยะครอบคลุมทั่วทั้งจักรวาลและทุกทิศทาง และดูเหมือนว่าการโจมตีใด ๆ ก็ตาม จะไม่สามารถเล็ดลอดการป้องกันของกระบวนท่ากระบี่นี้ได้

กระบี่คุนแห่งพสุธา เป็นกระบวนท่ากระบี่อันดับหนึ่งในด้านการป้องกัน จากบรรดากระบวนท่ากระบี่อันยิ่งใหญ่ทั้งแปดของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ และหลังจากประสบกับการนั่งสมาธิเพื่อไตร่ตรองถึงห้าปี เฉินซีก็เข้าใจความลึกซึ้งและแก่นแท้ของมันมาตั้งนานแล้ว ในขณะที่เขาใช้กระบวนท่าออกไป ร่างกายทั้งหมดของเขาดูเหมือนหลอมรวมกับพื้นดินเป็นหนึ่งและไม่สั่นคลอนใด ๆ

ปัง!

การโจมตีด้วยฝ่ามือของเซวี่ยเฉินที่ปะทะกับปราณดาบเหล่านี้ ที่มีความหนาแน่นเหมือนพื้นดิน ก็ถูกลบล้างไปในทันที แต่อานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวของฝ่ามือนี้ กลับทำให้เฉินซีต้องสั่นสะท้านจนต้องถอยหลังไปถึงสามก้าว

“ฮะ! ผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลเช่นเจ้า กลับสามารถต้านทานการโจมตีจากฝ่ามือของข้าได้ด้วยหรือ?” เซวี่ยเฉินที่อยู่ห่างออกไป กล่าวด้วยความประหลาดใจ

ในขณะเดียวกัน เฉินซีได้เห็นรูปลักษณ์ของคนผู้นี้อย่างชัดเจน คนผู้นี้คือชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา เขาสวมชุดคลุมนักพรตเต๋าที่มีลวดลายนกกระเรียนสีขาวปักอยู่ ปีกของนกกระเรียนนั้นได้กางออก ราวกับตั้งใจโบยบินไปไกลถึงสวรรค์ทั้งเก้าและปรารถนาที่จะทะยานขึ้นไปเหนือเมฆ ได้ปรากฏขึ้นจากกลางอากาศ ทำให้ชายหนุ่มคนนี้เป็นดั่งมังกรท่ามกลางมนุษย์ ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้

นอกจากนี้ ชายหนุ่มคนนี้ยังมีกลิ่นอายที่ลึกล้ำและกว้างใหญ่ แม้ว่าเฉินซีจะไม่สามารถคาดเดาความแข็งแกร่งของเขาได้ แต่จากประสบการณ์ของเฉินซี ทำให้เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าคนผู้นี้ต้องเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางแน่นอน

“ฮึ่ม! ก่อนหน้านี้ข้าใช้พลังไปเพียงห้าส่วนเท่านั้น เจ้าไม่ต้องรู้สึกโชคดีหรอกนะ เพราะวันนี้เจ้าต้องตาย!” เซวี่ยเฉินเหลือบมองไปยังเฉินซี และภายใต้การจ้องมองของเขา ก็เป็นดั่งราชาที่ดูถูกทุกชีวิตทั้งมวล ด้วยความยโสและเต็มไปด้วยความก้าวร้าว

“โอ้ จริงหรือ?” เฉินซีกล่าวอย่างใจเย็น และสายตาของเขาก็กวาดไปโดยรอบ ในขณะที่แผนการได้เกิดขึ้นในใจของเขา

“ถ้าอย่างนั้นก็ลองรับฝ่ามือของข้าดูอีกครั้ง” เซวี่ยเฉินหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ในขณะที่เขายกมือขึ้นไปบนอากาศ มวลพลังบนฝ่ามือของเขากำลังควบแน่นโดยไม่ถูกปล่อยออกมา และมวลพลังอันน่าสะพรึงกลัวและกว้างใหญ่บนฝ่ามือนั้น กลับเข้มข้นและควบแน่นยิ่งขึ้น ทำให้ดูเหมือนว่ามีภูเขาสูงตระหง่านที่มีขนาดมหึมาอยู่ในมือของเขา

“ตกลง!” เฉินซีตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับไม่ได้ช้าเลยแม้แต่น้อย ทันทีปลายเท้าของเขาถีบลงบนพื้น ปลายกระบี่ของเขาก็สั่นไหว และกระบวนท่า ‘กระบี่สวินแห่งวายุ’ ที่เป็นเหมือนเงาและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร้ขอบเขตก็แทงทะลุออกมา

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ลมแรง สายลม ลมพายุ พายุหิมะ… สำนึกของลมประเภทต่าง ๆ ได้แฝงอยู่ในกระบวนท่ากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน และมันดูเหมือนกับเป็นโลกแห่งลมที่ต้องการพัดผ่านสวรรค์และโลก เพื่อขจัดความอยุติธรรมในโลก!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท