บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 186 เขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 186 เขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร

บทที่ 186 เขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร

สวรรค์และโลกถูกปกคลุมด้วยความมืดอันไร้ขอบเขต จิตสังหารพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคร่ำครวญและเสียงโหยหวนของภูตผีที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ และทุกสรรพสิ่งต่างก็เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการเข่นฆ่า ความตายได้ถาโถมและโหมกระหน่ำอยู่ในที่แห่งนี้

สถานที่แห่งนี้ถูกแยกออกจากโลกภายนอก เขตแดนนี้เป็นของหานกู่เยว่ และเขาเป็นจ้าวผู้ปกครองสูงสุดท่ามกลางสวรรค์และโลกใบนี้!

นี่คือเขตแดนเต๋า!

มันเป็นระดับขั้นใหม่ของเต๋าที่จะก่อตัวขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสะสมมวลพลังของเต๋ารู้แจ้งอย่างสุดขั้วจนถึงขีดสุด เมื่อมันถูกใช้งานออกไป คนผู้นั้นจะสามารถครอบครองตำแหน่งที่เหนือกว่าภายในเขตแดนของตน และสามารถแยกความรู้สึกของศัตรูออกจากสรรพสิ่งมากมายภายในสวรรค์และโลก ทำให้ศัตรูต้องตกอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอและต้องร้องขอความเมตตาต่อการถูกลงทัณฑ์

ยิ่งไปกว่านั้น เขตแดนเต๋าจะถูกควบแน่นจากบรรลุเต๋าแห่งสวรรค์ของผู้บ่มเพาะ ดังนั้นเมื่อศัตรูติดอยู่ภายในนั้น จิตใจของพวกเขาจะถูกทรมานจากแรงกดดันของเต๋ารู้แจ้งอันไร้ขอบเขต จนทำให้พละกำลังในการต่อสู้ของพวกเขาอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก ซึ่งมันเป็นความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นไปได้อย่างไร!? หานกู่เยว่ผู้โง่เขลาคนนี้เข้าใจเขตแดนเต๋าเมื่อใดกัน”

“นี่มันเขตแดนเต๋า! เราจบสิ้นแล้ว! พวกเราจบสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว!”

“เจ้าเฒ่าสารเลวหาน มีการบ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูง และยังถือสมบัติวิเศษที่เป็นเคียวลึกลับอยู่ในมือ อีกทั้ง ตอนนี้เขาได้ใช้เขตแดนเต๋าของเขาแล้ว วันนี้เราจะเอาชีวิตรอดได้อยู่อีกหรือ?”

ทันทีที่พวกเขาติดอยู่ภายในเขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร สีหน้าของผู้คุ้มกันขอบเขตเคหาทองคำทั้งสี่คนที่อยู่ด้านข้างของถันไถจื่อเซวียนต่างก็ซีดลงในทันที และสายตาของพวกเขาแสดงถึงความหวาดกลัวอย่างไร้ขอบเขต กำลังใจที่จะสู้ของพวกเขาได้สลายไปอย่างสิ้นเชิง

เฉินซีก็รู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจของเขาเช่นกัน เนื่องจากเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสายสัมพันธ์ของเขากับสวรรค์และโลกได้ถูกตัดขาดลง ยิ่งไปกว่านั้น จิตวิญญาณและจิตใจของเขาได้รับการทรมานจากแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้พลังจิตใจส่วนหนึ่งเพื่อต่อต้านมัน ก่อนที่จะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันที่ไร้รูปร่างนี้ลงได้ ถึงกระนั้น จิตสังหารอันรุนแรงที่ถาโถมเข้าใส่จากทุกทิศทุกทางอย่างไม่หยุดยั้ง ยังสร้างผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นจนเส้นขนในร่างต่างก็ลุกชูชัน

ช่างทรงพลังยิ่งนัก!

นี่คือเขตแดนเต๋าหรือ?

ครั้งหนึ่ง เฉินซีเคยเผชิญหน้ากับเขตแดนเต๋ากร่อนโลหิตของหลัวซิ่วมาก่อน แต่เมื่อเทียบกับเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารของหานกู่เยว่ที่อยู่เบื้องหน้าเขา มันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เขตแดนเต๋ากร่อนโลหิตด้อยกว่าเป็นอย่างมาก

“เจ้าหนู! เจ้าควรจะภูมิใจที่สามารถบังคับให้ข้าต้องใช้เขตแดนเต๋าแห่งการสังหารของตัวเองออกมา แต่วันนี้พวกเจ้าทุกคนต้องตาย ข้าจะสกัดวิญญาณโสโครกของพวกเจ้าออกมาและทรมานตลอดทั้งวันทั้งคืน และทำให้พวกเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไม่รู้จบ จนไม่สามารถเกิดใหม่ได้ตลอดกาล!”

ภายในโลกที่มืดมิด หานกู่เยว่ปรากฏตัวขึ้นจากกลางอากาศขณะตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า เขายืนอยู่บนหมอกสีดำพร้อมกับเคียวสีดำสนิทในมือ เสื้อคลุมสีเลือดของเขาปลิวไสวไปตามสายลม ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ร่างกายของเขาได้ผสานเข้ากับเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารได้อย่างไร้ที่ติ จนดูราวกับเป็นเทพแห่งการเข่นฆ่าผู้บ้าคลั่ง

“เฉินซี ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้คนเหล่านี้ตาย ก็จงนำพวกเขาไปไว้ที่เจดีย์บำเพ็ญทุกข์ มิฉะนั้น ถ้าปล่อยให้พวกเขาสู้อยู่เคียงข้าง ก็จะเป็นภาระแก่เจ้า! ยิ่งไปกว่านั้น จงมอบแกนทองคำทั้งสองชิ้นที่เก็บอยู่ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ให้แก่ข้า จากนั้นเราจะบดขยี้เจ้าสุนัขแก่ตัวนี้ไปด้วยกัน นอกจากนี้ ข้ายังมองออกว่าคนผู้นี้ไม่ได้เข้าใจเขตแดนเต๋าของตัวเองอย่างถ่องแท้ และก่อเขตแดนเต๋าขึ้นมาโดยอาศัยสมบัติวิเศษที่เป็นเคียวสีดำในมือของเขา หลังจากที่เราสังหารเขาแล้ว เราจะยึดสมบัติวิเศษนี้มา บางทีเจ้าอาจจะเข้าใจเต๋าแห่งการสังหารและทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง” น้ำเสียงของหลิงไป๋นั้นจริงจังมาก ขณะที่ดวงตาของเขาเผยถึงร่องรอยแห่งความบ้าคลั่งอย่างชัดเจน

“ตกลง!” เฉินซีตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ในระหว่างการต่อสู้ภายในรอยแยกแห่งความสิ้นหวังนับครั้งไม่ถ้วน เขาได้สร้างความไว้วางใจและความเข้าใจโดยปราศจากข้อกังขากับหลิงไป๋ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาความหมายในคำกล่าวของหลิงไป๋ ก่อนที่จะตอบตกลง

โดยไม่ต้องถามว่าถันไถจื่อเซวียน และคนอื่น ๆ จะเห็นด้วยหรือไม่ และในทันทีที่เฉินซีเห็นด้วยกับสิ่งที่หลิงไป๋กล่าว เขาก็สะบัดแขนเสื้อเพื่อส่งถันไถจื่อเซวียน และคนอื่น ๆ เข้าไปในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ก่อนที่พวกเขาจะทันได้โต้ตอบ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ส่งแกนทองคำที่ได้รับจากการฆ่าหานไป๋และชายชราผมดำให้กับหลิงไป๋

การกระทำเหล่านี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา และรวดเร็วจนหานกู่เยว่ไม่มีเวลาได้ขัดขวาง

“หืม? นี่มัน…” เมื่อเขาเห็นถันไถจื่อเซวียนและคนอื่น ๆ หายไป ดวงตาของหานกู่เยว่ก็หรี่ลง จากนั้นก็ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างได้ ทำให้ดวงตาของเขาเกิดประกายแสงที่สั่นไหว พร้อมกับเขาร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามีสมบัติอมตะ!?”

มีเพียงสมบัติอมตะเท่านั้นที่สามารถเปิดมิติอันไร้ขอบเขตและบรรจุทุกสรรพสิ่งในโลกได้ นี่คือลักษณะของสมบัติอมตะ ซึ่งเป็นความรู้ทั่วไปที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้ว่าหานกู่เยว่จะไม่เคยเห็นสมบัติอมตะมาก่อน แต่ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล เขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับสมบัติอมตะได้อย่างไร

‘มันคือสมบัติอมตะจริง ๆ! ถ้าข้าสามารถครอบครองมันได้ หลังจากที่ข้าบรรลุไปสู่ขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว ข้าก็ไม่ต้องปวดหัวกับการค้นหาสมบัติวิเศษเพื่อที่จะใช้พิชิตทัณฑ์สวรรค์อีกต่อไป ดังนั้นการบรรลุสู่การเป็นเซียนสวรรค์นั้นก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม! ช่างเป็นความบังเอิญที่ฟ้าประทานมาให้จริง ๆ แม้ว่าข้าจะสูญเสียผู้อาวุโสทั้งหมดไป แต่ด้วยสมบัติอมตะนี้ ทุกสิ่งก็คุ้มค่าเป็นอย่างมาก!’ ทันใดนั้น สายตาที่หานกู่เยว่จ้องมองมายังเฉินซีก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่ลุกโชนไปด้วยความโลภของเขา ไม่มีทีท่าว่าจะปกปิดเลยแม้แต่น้อย และราวกับว่าเขากำลังจ้องมองลูกแกะตัวอวบอ้วนอยู่

“เจ้าหนู ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จงมอบสมบัติอมตะมาซะ!” หานกู่เยว่กระตือรือร้นด้วยความโลภ เขาไม่ได้กังวลว่าเฉินซีจะมีโอกาสที่จะต่อต้านเขาโดยสิ้นเชิง แม้ว่าเฉินซีจะครอบครองสมบัติอมตะอยู่ แต่การบ่มเพาะของเขากลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่ ทำให้มันไม่ได้สร้างภัยคุกคามต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าคิดว่าจะเป็นไปได้หรือ” เฉินซียกยิ้มเย็นยะเยือก ในขณะที่เขากล่าวคำต่อคำ “หยุดกล่าววาจาไร้สาระได้แล้ว เข้ามาเลย! ให้ข้าได้สัมผัสกับความน่ากลัวเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารของเจ้าสักครั้ง!”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เฉินซีไม่รู้วิธีในการทำความเข้าใจเขตแดนเต๋าที่ถูกต้อง แต่ในตอนนี้ เขาต้องการใช้เขตแดนเต๋าของหานกู่เยว่ เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของเขตแดนเต๋าอย่างเหมาะสม และสร้างรากฐานสำหรับหลอมรวมเขตแดนเต๋าในภายภาคหน้า

“ดี! ดี! ดี! จิตสังหารตลอดชีวิตได้เก็บซ่อนอยู่ในหัวใจข้า และเมื่อจิตสังหารปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็จะฆ่าศัตรูทั้งหมด!” หานกู่เยว่ระเบิดความโกรธอย่างรุนแรงพร้อมกับก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่จิตสังหารบนร่างกายของเขากระจายออกไป และกลายเป็นแสงสีดำสนิทที่ดูแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นจากอากาศต่อหน้าเฉินซี แสงสีดำสนิทเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นกระบี่ที่คมกริบจำนวนมากที่แฝงไปด้วยจิตสังหารมหาศาล และพวกมันก็ไขว้กันทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อสร้างตาข่ายขนาดใหญ่ที่ครอบลงมาบนร่างของเฉินซี ซึ่งดูเหมือนว่ามันต้องการจะบดขยี้เขาให้เละเป็นเศษเนื้อ

นี่คือพลังของเขตแดนเต๋า…

ภายในเขตแดนเต๋า พื้นที่ทุก ๆ ตารางนิ้วจะถูกควบคุมด้วยจิตใจของเจ้าของ ด้วยคำสั่งเดียวในใจ การโจมตีที่ไม่มีที่สิ้นสุดจะปรากฏขึ้นจากอากาศเบาบาง และทำให้ผู้คนไม่สามารถป้องกันได้อย่างสิ้นเชิง

“เข้ามาเลย!” เฉินซีไม่ได้มีทีท่าเศร้าหรือมีความสุข จิตใจของเขาเข้าสู่สภาวะสมาธิในทันที และกระบี่ในมือเขาก็เคลื่อนไหวไปพร้อมกับหัวใจของเขา ในขณะที่ใช้กระบวนท่า ‘กระบี่สวินแห่งวายุ’ และ ‘กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้า’ ติดต่อกัน

สัญลักษณ์สวินเป็นตัวแทนของสายลม และสัญลักษณ์เจิ้นเป็นตัวแทนของสายฟ้า สายลมและสายฟ้าผสานเข้าด้วยกัน ทำให้พลังโจมตีของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึงสองสามครั้ง สายลมที่รุนแรงและสายฟ้าที่ดุร้ายก็ถาโถมออกไป ราวกับต้องการจะฉีกความมืดมิดทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ออกจากกัน เพื่อนำสวรรค์และโลกที่สดใสกลับคืนมาอีกครั้ง!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดที่เสียดหูดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง และการโจมตีของหานกู่เยว่ก็ถูกเฉินซีสกัดกั้นได้อย่างสิ้นเชิง แต่กระบี่ระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดในมือของเฉินซี กลับต้องแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับสิ่งนี้

มันแข็งแกร่งมาก… เพียงแค่พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แฝงด้วยจิตสังหารอยู่ภายในก็ทำให้เขาต้องสั่นสะท้าน อีกทั้งพลังชีวิตและเลือดลมของเขาก็พลุ่งพล่านอย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกบีบคั้นอยู่ในอกจนแทบจะกระอักเลือดออกมา

‘ช่างทรงอานุภาพยิ่งนัก! แม้ว่ากระบวนท่า ‘กระบี่สวินแห่งวายุ’ และ ‘กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้า’ จะยังไม่ได้ผสานเข้าด้วยกัน แต่ในที่สุดข้าก็สามารถต้านทานมันได้…’ ดวงตาเฉินซีส่องประกาย หัวใจของเขาสงบนิ่งและไร้ความกลัว ในมือของเขามีกระบี่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง จากนั้นชายหนุ่มก็ทะยานไปข้างหน้าด้วยเคล็ดวาตะเหินทะยาน เพื่อพุ่งเข้าหาหานกู่เยว่ที่อยู่ห่างไกลออกไป

เขารู้สึกได้ราง ๆ ว่าหลังจากที่เขาประสบกับการต่อสู้ครั้งนี้ กระบวนท่ากระบี่อันยิ่งใหญ่ทั้งแปดของเคล็ดวิชากระบี่หมื่นบรรจบ จะสามารถผสานกันเป็นคู่และบรรลุสู่ระดับใหม่อย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้น อานุภาพของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือไม่?

“หืม? เจ้าสามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้? ได้! เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสถึงพลังของขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง และเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารต่อไป!” เมื่อหานกู่เยว่เห็นว่าเฉินซีไม่เพียงแต่จะรอดจากการโจมตีของเขาแล้ว อีกฝ่ายกลับพุ่งเข้ามาโจมตีด้วย จึงทำให้หานกู่เยว่อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันในใจ ขณะที่เคียวสีดำสนิทในมือของเขาฟาดออกไปในแนวนอน

ทุก ๆ ที่ที่มันผ่านไป ลำแสงมืดมิดซึ่งก่อตัวขึ้นจากเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหารค่อย ๆ พุ่งออกมา ทันทีที่พวกมันปรากฏตัวขึ้น ก็ดูเหมือนพวกมันได้ฉีกโลกใต้พิภพที่สยบวิญญาณพยาบาทและอสูรออกจากกัน ก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นภูตผี วิญญาณ และโครงกระดูกที่มีจิตสังหารอันดุร้ายในทันที ยิ่งไปกว่านั้น พวกภูตผีที่น่ากลัวเหล่านี้ บางตัวยังถือโซ่เกี่ยววิญญาณ ไม้ตะพดที่มีหนามแหลมคม มีดปังตอ วงล้อที่มีหนามแหลมล้อมรอบ และอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวอื่น ๆ ซึ่งพวกมันทั้งหมดนี้กำเนิดขึ้นมาจากจิตสังหาร แต่ดูเหมือนมีสาระ และมันก็น่ากลัวอย่างยิ่ง

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

เสียงตะโกนนับไม่ถ้วนประสานเป็นเสียงของการฆ่าฟันที่ดังกึกก้องไปทั่วสวรรค์และโลก และภูตผีน่ากลัวที่ล้วนกำเนิดจากเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหารเหล่านี้ก็พุ่งเข้าหาเฉินซี

“เต๋าแห่งอัสนีกำจัดวิญญาณและความชั่วร้าย ตัดสินสวรรค์และโลก เต๋าแห่งอัคคีเผาผลาญทุกสิ่งเพื่อสร้างอนาคตใหม่ เขตแดนเต๋าแห่งการสังหารที่ไม่สามารถทำลายศัตรู จะถือว่าเป็นการเข่นฆ่าได้อย่างไร!?” เฉินซีหาวอย่างยาวนาน ร่างของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระท่ามกลางภูตผีที่น่ากลัวนับพัน และกระบี่ของเขาก็เสมือนสายฟ้าและเปลวไฟ ในขณะที่กระบวนท่า ‘กระบี่หลีแห่งอัคคี’ กับ ‘กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้า’ ประสานเข้าด้วยกัน และพุ่งไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง ด้วยความรู้สึกเที่ยงธรรมอันน่าประทับใจที่จะกำจัดความชั่วร้ายทั้งมวล!

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

วิถีของสายฟ้าพุ่งทะยานดั่งไอพ่นเมื่อเปลวไฟแผดเผาท้องฟ้า ทุก ๆ ที่ที่กระบี่เคลื่อนผ่าน ภูตผีที่น่ากลัวจะถูกกำจัดจนหมดสิ้น ราวกับเป็นน้ำแข็งที่ละลายเป็นน้ำหรือหิมะที่ละลายภายใต้ดวงอาทิตย์ และพวกมันไม่สามารถทำร้ายเฉินซีได้เลยแม้แต่น้อย

“แท้จริงแล้วมันก็คือคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ! เจ้าเด็กที่น่ารังเกียจคนนี้ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะเคล็ดวิชากระบี่ที่ยากที่สุดในโลกอย่างนั้นหรือ? พรสวรรค์เช่นนี้หาได้ยากในรอบหนึ่งพันปี หากข้าปล่อยให้มันหนีไปในวันนี้ เมื่อมันโตขึ้นแล้วจะเก่งกล้าขนาดไหน?” ดวงตาของหานกู่เยว่หรี่ลง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าภายใต้เขตแดนเต๋าของเขา เจ้าเด็กตัวเล็ก ๆ ที่มีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเคหาทองคำเท่านั้น กลับสามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้ และยังมีพลังพอที่จะตอบโต้กลับอีก?!

‘ดูเหมือนว่าข้าต้องใช้ท่าไม้ตายเสียแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ต้องถูกกำจัดทิ้ง มิฉะนั้น มันจะเป็นหายนะของตระกูลหานในภายภาคหน้า!’

หานกู่เยว่ไม่มีทีท่าลังเลอีกต่อไป ร่างของเขาทะยานออกไปพร้อมกับถือเคียวสีดำสนิทอยู่ในมือ และเขาเป็นดั่งอสุรกายที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารขณะที่พุ่งเข้าโจมตีเฉินซี

ในขณะนี้ เฉินซีกำลังเข่นฆ่าเหล่าภูตผีให้สาแก่ใจ ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนท่ากระบี่ที่ยิ่งใหญ่ทั้งแปดของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบในใจของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างหมดจด และมันทำให้ความรู้ การรับรู้ และความเข้าใจของเขาที่เกี่ยวกับเต๋าแห่งกระบี่บริสุทธิ์ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า… การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีที่สิ้นสุดและกำลังพัฒนาอยู่ภายในจิตใจของเฉินซีด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

‘กระบี่เกิ้นแห่งขุนเขา’ และ ‘กระบี่ตุ้ยแห่งหนองบึง’ รวมกันเป็น เต๋ากระบี่หนองบึงและภูผา

‘กระบี่หลีแห่งอัคคี’ และ ‘กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้า’ รวมกันเป็น เต๋ากระบี่อัคคีและอัศนี

‘กระบี่สวินแห่งวายุ’ และ ‘กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้า’ รวมกันเป็น เต๋ากระบี่วายุอัสนี

ทุกครั้งที่กระบวนท่ากระบี่ทั้งสองได้ประสานกัน กระบวนท่ากระบี่เต๋ารูปแบบใหม่จะก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนท่ากระบี่ที่ยิ่งใหญ่ทั้งแปดได้ประสานกันเป็นคู่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จบจนเกิดกระบวนท่ากระบี่เต๋าได้อีกนับสิบท่าที่ทั้งซับซ้อน ลึกซึ้ง และกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร

โอม!

ในขณะที่เฉินซีกำลังหยั่งถึงเคล็ดวิชากระบี่ จนตกอยู่ในสภาวะของการเปลี่ยนแปลง เสียงสวดมนต์แปลก ๆ ก็ดังกึกก้องอยู่ที่ข้างหูของเขา เสียงนี้ดูเหมือนจะสามารถดึงเอาความกลัวที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจของคนผู้นั้นออกมา และสามารถทำให้จิตวิญญาณของคนผู้นั้นต้องสั่นสะท้านด้วยความกลัวได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการเข่นฆ่าและการทำลายล้าง

ทันใดนั้น ดวงแสงแห่งความมืดได้เคลื่อนผ่านเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่ามันได้ก้าวข้ามขอบเขตของมิติ จากนั้นก็ฟาดฟันไปที่หน้าอกของเฉินซี ทำให้เลือดเนื้อและผิวหนังของเขาแยกออกจนเผยให้เห็นถึงกระดูกสีขาวที่อยู่ภายใน

มันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท