บทที่ 187 พลิกสถานการณ์
บทที่ 187 พลิกสถานการณ์
การโจมตีนี้เงียบเชียบ เฉียบขาดและรวดเร็วอย่างไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบได้ ราวกับภูตผีที่ล่องลอยท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน คอยเก็บเกี่ยววิญญาณของผู้คนก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตั้งตัว
การโจมตีครั้งนี้ไม่สามารถอธิบายได้นอกจากคำว่าน่าทึ่ง อีกทั้งมันยังน่าสยดสยอง ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกหวาดกลัว จนตรอก และสิ้นหวัง!
ในขณะนี้ เมื่อหานกู่เยว่เห็นบาดแผลที่เผยให้เห็นกระดูกสีขาวโพลนบนร่างกายของเฉินซี และมีเลือดหลั่งไหลไม่หยุด มุมปากของเขาก็แสยะยิ้มอย่างเย็นชา
ต่อให้เป็นคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบแล้วจะทำไม?
แล้วถ้าเจ้าเป็นยอดอัจฉริยะล่ะ?
ในท้ายที่สุด ภายใต้เคียวแห่งการสังหารของข้า เจ้าก็ต้องพบกับจุดจบไปพร้อมกับความเกลียดชังอยู่ในใจ!
หานกู่เยว่ได้เคียวสีดำสนิทยาวสิบสองฉื่อ ที่มีใบมีดคมกริบดั่งจันทร์เสี้ยวมาจากสุสานลึกลับ และมันเป็นสมบัติวิเศษที่น่าอัศจรรย์ซึ่งไม่สามารถระบุระดับของมันได้
มันเป็นสีดำสนิทราวกับราตรีที่ไร้ขอบเขต มีลวดลายลึกลับนับไม่ถ้วนที่ละเอียดเหมือนขนวัว ถูกจารึกอย่างหนาแน่นและซับซ้อนบนพื้นผิวของมัน พื้นผิวของใบเคียวรูปจันทร์เสี้ยวเป็นมันเงาและสะอาดหมดจด อีกทั้งยังเป็นสีดำบริสุทธิ์ทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนกับชั้นบรรยากาศอันมืดมิดที่ปกคลุมโลกก่อนที่จักรวาลจะก่อตัวขึ้น ทำให้มันดูลึกล้ำ เต็มเปี่ยม เยือกเย็น และเงียบสงัด
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ดูเหมือนว่ามีขุมนรกที่เต็มไปด้วยปราณสังหารอันไร้ขอบเขตถูกกักขังอยู่ภายในเคียวนี้ ซึ่งปราณสังหารนี้ก็โหมกระหน่ำราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และหมุนวนราวกับกระแสคลื่นอันทรงพลัง ถ้าหากเจตจำนงของผู้ที่ได้พบเจออ่อนแอลงเพียงเล็กน้อย จิตวิญญาณของคนผู้นั้นอาจต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ จากปราณสังหารที่หลั่งไหลออกมาจากมัน!
นี่คืออาวุธสังหารที่ไม่มีใครเทียบได้!
โดยอาศัยอาวุธเช่นนี้ หานกู่เยว่จึงทุ่มเทบ่มเพาะเป็นเวลาหลายร้อยปีเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหาร และเป็นเพราะว่าหานกู่เยว่สามารถใช้เขตแดนเต๋าแห่งการสังหารได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้เขาสามารถปกครองเมืองห้วงทะเลทรายมรณะได้
แต่ตอนนี้เขากลับจำเป็นต้องใช้เคียวแห่งการสังหารเพื่อเข่นฆ่าเฉินซี
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ต่อไปนี้กลับทำให้ดวงตาของหานกู่เยว่ต้องหรี่ลง เพราะเขาเห็นว่า เพียงชั่วพริบตา เฉินซีที่เกือบจะถูกผ่าเป็นสองส่วน และบาดแผลที่น่าสยดสยองบนร่างของเขากลับฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว!
มันเป็นไปได้อย่างไร?
หรือว่าเขาเป็นผู้ขัดเกลากายา?
หลังจากที่ผู้ขัดเกลากายาบรรลุสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิล ก็จะสามารถฟื้นฟูแขนขาที่ขาดได้ ซึ่งในยุคบรรพกาล เทพและเทพอสูรบางตัวจะมีพลังพิเศษที่สามารถเกิดใหม่ได้ด้วยเลือดเพียงหยดเดียวหรือใช้ความคิดเพียงเสี้ยวเดียว และพลังชีวิตที่เหลือเชื่อจนถึงขีดสุดของพวกเขาก็สั่นสะเทือนไปทั้งโลก
เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กตรงหน้าเขาไม่ใช่แค่ผู้บ่มเพาะปราณเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ขัดเกลากายาอีกด้วย!
ความตกใจของหานกู่เยว่คงอยู่เพียงครู่เดียว ก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็ว ‘แล้วถ้ามันเป็นผู้ขัดเกลากายาล่ะ? ต่อหน้าพลังที่แท้จริงและภายใต้เคียวแห่งการสังหารของข้า เจ้าก็ยังคงต้องตายอยู่ดี!’
โอม!
มิติภายในเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารสั่นสะเทือนอีกครั้ง ในขณะที่เสียงแปลกประหลาดที่สามารถดึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจดังก้องออกไป หานกู่เยว่ที่ถือเคียวแห่งการสังหารได้พุ่งเข้าใส่เฉินซีอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน เฉินซีก็พุ่งไปข้างหน้าเช่นกัน สายตาของเขาเฉยเมย สงบนิ่ง และไร้ความรู้สึก แต่เจตนาฆ่าในอกของเขากลับลุกโชนราวกับหินหลอมเหลวที่ไหลบ่าไปทั่วร่าง มันได้กระตุ้นทุกอณูขุมขนจนส่งเสียงคำรามลั่น อีกทั้งยังเย็นและเดือดจัดราวกับการผสมผสานของน้ำแข็งและไฟ ในขณะที่จิตของเขาได้เข้าสู่สภาวะการต่อสู้ที่แปลกประหลาด
นี่เป็นสภาวะการต่อสู้รูปแบบหนึ่ง ที่เขาได้มาจากการขัดเกลาผ่านการเข่นฆ่าในรอยแยกแห่งความสิ้นหวังนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อเขาตกอยู่ในสภาวะนี้แล้ว ทุกสิ่งในโลกก็ดูเหมือนจะหายไป มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเข่นฆ่าศัตรูเท่านั้นที่อยู่ในใจของเขา
แต่ในขณะนี้ เฉินซีกลับต้องการใช้การต่อสู้ครั้งนี้เพื่อผสานกระบวนท่ากระบี่อันยิ่งใหญ่ทั้งแปดของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบให้เกิดกระบวนท่าใหม่!
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ภายในเขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร ร่างทั้งสองต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ปราณกระบี่แทงออกไปอย่างรุนแรง ปะทะเข้ากับใบมีดที่ดำสนิทเหมือนหมึก เพียงชั่วพริบตา ทั้งสองคนได้ฟาดฟันกันไปหลายร้อยกระบวนท่า
ถึงแม้เคล็ดวิชาตัวเบาของเฉินซีจะรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด แต่ภายในเขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร ความเร็วของเขากลับถูกหานกู่เยว่สะกดไว้ จึงทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซีกลับถูกเคียวแห่งการสังหารของหานกู่เยว่กดดันอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังถูกโจมตีจากทั้งซ้ายและขวา จนทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ พลังของเคียวแห่งการสังหารยังน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด มันทั้งทรงอานุภาพและคมกริบจนไม่มีผู้ใดเทียบได้ เพียงแค่ปราณสังหารที่พวยพุ่งออกมาจากมัน ก็สามารถทิ้งบาดแผลที่น่าตกตะลึงไว้บนร่างกายของเฉินซีอยู่หลายสิบแห่งจนเลือดไหลรินหยดสู่พื้น
ฟึ้บ!
รอยแผลที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างน่าสะพรึงกลัวถูกฉีกออกบนหน้าอกของเขาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเฉินซีจะไม่ได้สนใจมัน และปราณจ้าววิญญาณของเขาก็โคจรด้วยตนเองเพื่อรักษาบาดแผล ในเวลาเดียวกัน เต๋ากระบี่อัคคีและอัสนี เต๋ากระบี่วายุอัสนี เต๋ากระบี่หนองบึงและภูผา… เต๋าแห่งกระบี่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการผสานกระบวนท่ากระบี่ทั้งสองของกระบวนท่ากระบี่อันยิ่งใหญ่ทั้งแปด ได้ถูกใช้ออกไปทีละกระบวนอย่างต่อเนื่อง
ท่าทางของเฉินซีในตอนนี้ดูไม่เหมือนคนที่ต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย และไม่เหมือนกับกำลังต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แต่กลับดูเหมือนคนเสียสติที่หมกมุ่นกับการบ่มเพาะเต๋าแห่งการต่อสู้ โดยไม่ได้สนใจความปลอดภัยของตนเองและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบข้าง ดังนั้น ภายใต้สภาวะเช่นนี้ กระบวนท่ากระบี่ใหม่ ๆ ที่เขาพัฒนาขึ้น ก็ค่อย ๆ เติบโตจากการขาดความคล่องแคล่วในตอนแรก กลับกลายเป็นเชี่ยวชาญ ดุร้าย รวดเร็ว และเข้มข้น ราวกับเป็นก้อนเหล็กที่ถูกทุบตีอยู่ในเตาหลอม ซึ่งกำลังกลายเป็นศัสตราศักดิ์สิทธิ์ชั้นเลิศที่ได้รับการขัดเกลาอย่างหมดจด!
บาดแผลบนร่างกายของเขาทยอยเพิ่มขึ้น และพวกมันก็มากเกินกว่าความเร็วในการรักษาของเขาเสียด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สีหน้าของเขาซีดเซียวลงเมื่อเวลาผ่านไป และการใช้ปราณจ้าววิญญาณของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าผู้ขัดเกลากายาจะสามารถฟื้นฟูแขนขาที่ขาดได้ หลังจากที่พวกเขาบรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิล แต่พลังชีวิต เลือดเนื้อ ปราณจ้าววิญญาณ และปราณวิญญาณที่ใช้ไปนั้นไม่สามารถฟื้นฟูได้ในระยะเวลาอันสั้น
หากไม่ใช่เพราะธุลีโกลาหล ไม้ศักดิ์สิทธิ์นิรนาม อัญมณีเพลิงนิรนาม มุกวารีนิรนาม และแร่โลหะนิรนาม ซึ่งเป็นสมบัติอันน่าอัศจรรย์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในอักขระจ้าววิญญาณบนแผ่นหลังของเฉินซี ได้ส่งพลังที่มีคุณสมบัติของธาตุทั้งห้าให้แก่ปราณจ้าววิญญาณอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกสับเป็นชิ้น ๆ และพบกับจุดจบไปตั้งนานแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ท่าทางของเฉินซีก็ยังทำให้หานกู่เยว่ต้องตกตะลึงอย่างไม่รู้จบ ทำให้สีหน้าของเขาเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีร่องรอยความสับสนราง ๆ
อันที่จริง ไม่ใช่ว่าหานกู่เยว่ไม่เคยพบกับผู้ขัดเกลากายามาก่อน แต่เขาไม่เคยพบผู้ขัดเกลากายาที่ไม่ย่อท้อเช่นเฉินซี ที่ดูเหมือนเป็นแมลงสาบที่ฆ่าก็ไม่ตาย ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเฉินซียังเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสต่าง ๆ แต่กลับสามารถฟื้นฟูได้ในทันที นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จึงทำให้หานกู่เยว่แทบไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง
“น่าแปลกยิ่งนัก ตอนนี้ข้าบ่มเพาะจนถึงขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูงแล้ว อีกทั้งยังสำแดงพลังของเขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร และยังใช้เคียวแห่งการสังหารเพื่อจัดการกับศัตรูของข้า ไม่ต้องกล่าวถึงเจ้าเด็กคนนี้ที่มีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเคหาทองคำ แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเดียวกันกับข้าก็ยังไม่สามารถรั้งข้าไว้ได้นานและล้วนตกตายภายใต้คมเคียวของข้า แต่เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้ถึงสามารถยืนหยัดจนถึงตอนนี้ได้? แม้แต่กระบวนท่ากระบี่ของเขาก็ไม่อ่อนแอลงเลยสักนิด อีกทั้งยังค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นมาแทน… หรือว่ามันใช้ข้าเพื่อขัดเกลาเคล็ดวิชากระบี่ของมัน?” เมื่อหานกู่เยว่ตระหนักได้ถึงจุดนี้ หัวใจของเขาก็กระตุกวูบทันที และรู้สึกถึงภัยคุกคามจากเฉินซีผู้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง แต่กลับสามารถกระตุ้นศักยภาพของตัวเองและเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ “ตัวประหลาดเช่นนี้หาได้ยากในรอบหมื่นปี! ไม่ได้การแล้ว! ข้าต้องฆ่ามันให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเนื่องจากความล่าช้าของข้า!”
“ฮึ่ม! ไอ้หนู เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้เลยหรือ? หึ!” ทันใดนั้นหานกู่เยว่ก็ตะโกนออกมา และแกนทองคำก็ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากหน้าผากของเขา แกนทองคำนี้มีขนาดเท่ากำปั้น เมื่อมันปรากฏขึ้น ก็เกิดภาพเหตุการณ์ที่ลึกล้ำมากมายฉายออกมา ยกตัวอย่างเช่น ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนที่ค่อย ๆ เติบโตขึ้น เปลวไฟที่ลุกโชนแผดเผาไปทั่วทุ่งหญ้า สายลมที่แผ่วเบาส่งเสียงหวีดหวิว และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย ภาพเหตุการณ์ที่ลึกล้ำทั้งหมดนี้แสดงถึงเต๋ารู้แจ้งที่เขาได้บรรลุ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเกิดมวลเมฆและหมอกสีดำสนิทที่มีเจตนาฆ่ามหาศาลขดตัวอยู่รอบแกนทองคำของเขา และมันเป็นตัวแทนของมหาเต๋าแห่งการสังหาร
แกนทองคำนี้มีการบ่มเพาะของหานกู่เยว่ตลอดหลายพันปี มันเกิดจากการควบแน่นของการบ่มเพาะทั้งหมดทั้งมวลของเขา ซึ่งเป็นรากของสวรรค์และโลกที่ทำให้เขาสามารถยืนหยัดได้อย่างภาคภูมิต่อหน้ามหาเต๋า นอกจากนี้ ทันทีที่แกนทองคำปรากฏขึ้นภายในเขตแดนเต๋าแห่งการสังหาร เสียงกู่ร้องคำว่า ‘ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!’ นับไม่ถ้วนก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และโลกทันที พวกมันเป็นดั่งเสียงคร่ำครวญของภูตผีและวิญญาณร้ายที่ปรารถนาจะดื่มเลือดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจนพอใจ อีกทั้งมันยังมีพลังมหาศาลอย่างไร้ขอบเขตอีกด้วย
ปัง!
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวในสภาพแวดล้อมนั้น เป็นดั่งภูเขาขนาดมหึมาจำนวนนับไม่ถ้วนที่กดทับลงมาอย่างรุนแรง ทำให้เฉินซีถูกบีบบังคับให้ต้องตื่นจากสภาวะการต่อสู้ที่แปลกประหลาดในทันที และดูเหมือนว่ากระดูกในร่างกายของเขาจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้อีกต่อไป ในขณะที่พวกมันส่งเสียงแตกร้าวที่ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกอึดอัด
แต่เฉินซีก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าที่ซีดเซียวอย่างน่าสยดสยองจนแทบโปร่งใสของเขา อันเนื่องมาจากการสูญเสียเลือดและปราณวิญญาณมากเกินไป กลับเผยให้เห็นร่องรอยของการตระหนักรู้ฉับพลัน นอกจากนี้จิตต่อสู้ที่ลุกโชนดั่งเปลวไฟก็ยังพวยพุ่งอยู่ภายในดวงตาของเขา
ในการต่อสู้ที่ไร้ความเกรงกลัวก่อนหน้านี้ เขาได้พัฒนาและผสานกระบวนท่ากระบี่อันยิ่งใหญ่ทั้งแปดเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์และราบรื่น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้บัญญัติกระบวนท่ากระบี่ขึ้นมาใหม่อีกด้วย!
“มหาเต๋าแห่งการสังหารได้ควบคุมเจตนาฆ่าของสวรรค์และโลก เจตนาฆ่าเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายเคล็ดวิชาและความชั่วร้ายทั้งหมด! ฆ่า!” หานกู่เยว่ตะโกนออกมาอย่างรุนแรง ในขณะที่เขาใช้ปราณจากแกนทองคำของเขา อัดฉีดเข้าไปในเคียวแห่งการสังหาร ทำให้อาวุธแห่งการสังหารที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้นี้ ราวกับมีชีวิตขึ้นมาในทันที และแสงสีดำก็สะท้อนให้เห็นถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงอย่างไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมา
ตู้ม!
บนยอดใบเคียวรูปจันทร์เสี้ยว ปรากฏตัวอักษร ‘ฆ่า’ ขนาดมหึมาฉีกผ่านท้องฟ้า ซึ่งดูเหมือนเจตนาฆ่าที่ถือกำเนิดขึ้นจากสวรรค์และปฐพี อีกทั้งมันก็หลอมรวมพลังแห่งการสังหารจำนวนนับไม่ถ้วน ในขณะที่มันกำลังทำลายล้างเฉินซี!
เจตนาฆ่าเช่นนี้น่าสะพรึงกลัวจนยากที่จะอธิบาย!
พรวด!!
ก่อนที่ตัวอักษร ‘ฆ่า’ จะเข้ามาใกล้ เฉินซีก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากอย่างกะทันหัน เส้นลมปราณทั่วร่างกายของเขาดูเหมือนจะถูกกัดกร่อนและฉีกขาดออกจากกันอันเนื่องมาจากเจตนาฆ่า ทำให้พลังชีวิตและปราณแท้ในร่างกายของเขาพังทลายลงแทบจะทันทีและยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ต้องกล่าวถึงการฟื้นฟูร่างกายและการโคจรของปราณแท้ของเขา แม้แต่การหายใจก็ยังต้องลำบากเป็นอย่างมาก
เดิมที เฉินซีคิดว่า ความเข้าใจของเขาในคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบได้ก้าวหน้าไปอย่างมาก และควรจะสามารถต่อสู้กับหานกู่เยว่ได้อย่างไม่ตึงมือ แต่น่าเสียดายที่เขาคิดผิด เพราะคู่ต่อสู้ของเขาเป็นตัวประหลาดที่มีการบ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูง นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวที่หยั่งรู้มหาเต๋าแห่งการสังหาร และมีอาวุธสังหารที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ในบรรดาผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางในโลกนี้ อาจถือว่าหานกู่เยว่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดและเหนือล้ำยิ่งกว่าเศษสวะเช่นหานไป๋อย่างสิ้นเชิง ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ แม้ว่าการบ่มเพาะเต๋าแห่งการต่อสู้ของเฉินซีจะไม่ธรรมดา อีกทั้งการบ่มเพาะปราณ และการแปรสภาพร่างกายของเขาก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็ต้องยอมรับว่ายังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขากับหานกู่เยว่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนได้
‘ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางนั้น… ฆ่าได้ยากจริง ๆ!’ สีหน้าของเฉินซียังคงนิ่งเฉย ยามที่เขาจ้องมองไปที่ตัวอักษร ‘ฆ่า’ ที่น่าสะพรึงกลัวและกำลังกดทับลงมาที่เขา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังด้วยความลำบากใจและอับอายอยู่ภายในใจ “หลิงไป๋ เจ้าไม่คิดจะลงมือบ้างหรือ?”
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เมื่อเฉินซีเพิ่งกล่าวสิ่งนี้ในใจของเขา แสงสีทองอร่ามสี่ดวงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกมันเป็นแกนทองคำทั้งสี่ลูก และกำลังต้านทานตัวอักษร ‘ฆ่า’ ที่กำลังพุ่งมาจากทั้งสี่ทิศทาง
“หืม? แกนทองคำทั้งสี่หรือ? มันต้องการจะทำอะไร?” เมื่อหานกู่เยว่เห็นว่าเฉินซีกำลังจะตายด้วยน้ำมือของเขา และสมบัติอมตะที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเฉินซีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม มุมปากของหานกู่เยว่ก็แย้มยิ้มเย็นชาซึ่งแฝงด้วยความอำมหิตออกมา อย่างไรก็ตาม เมื่อหานกู่เยว่เห็นแกนทองคำทั้งสี่นี้ รอยยิ้มเย็นชาที่มุมปากของเขากลับแข็งทื่อในทันที พร้อมกับสีหน้าที่กังวลและสงสัย
ฟิ้ว!
หลิงไป๋บินไปหยุดตรงหน้าเฉินซี และแสยะยิ้มไปทางหานกู่เยว่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา พร้อมกับความบ้าคลั่งอันไร้ขอบเขตพวยพุ่งอยู่ในสายตาของเขา “เจ้าหมาแก่ จงตายอย่างสงบซะ การใช้แกนทองคำทั้งสี่นี้เพื่อแลกกับชีวิตของเจ้านับว่าเป็นเกียรติสูงสุดแล้ว!”
เมื่อเขากล่าวมาถึงจุดนี้ หลิงไป๋ก็บีบนิ้วของเขาทันที และกลิ่นอายแห่งนิพพานที่อยู่รอบกายของเขาก็พวยพุ่งออกมา ขณะที่เขายื่นมือออกไปสัมผัสแกนทองคำทั้งสี่และตะโกนเสียงดังว่า “แกนทองคำแห่งต้นกำเนิดที่หยั่งรากในสวรรค์และโลก เพื่อที่จะสยบเสาหลักทั้งสี่ของจักรวาล มหาค่ายกลนิพพาน จงทำลายล้างทุกสรรพสิ่งในจักรวาล!”
“ระเบิดแกนทองคำ?!” สีหน้าของหานกู่เยว่ซีดลงอย่างน่าสยดสยอง ในขณะที่เขาร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโกรธอย่างสุดขีด