บทที่ 200 พายุห้าธาตุ
บทที่ 200 พายุห้าธาตุ
เต๋ารู้แจ้งนั้น คือความเข้าใจของผู้บ่มเพาะที่มีต่อเต๋าแห่งสวรรค์ และถ้าความเข้าใจของคนผู้นั้นมีไม่เพียงพอ คนผู้นั้นก็จะไม่มีวันเข้าใจร่องรอยของเต๋าแห่งสวรรค์ไปตลอดชีวิต แต่โอสถทิพย์กำเนิดเต๋านี้ หลังจากที่ได้กลืนกินมันเข้าไป กลับทำให้สามารถหยั่งรู้เต๋ารู้แจ้งได้ ดังนั้น สรรพคุณที่น่ามหัศจรรย์เช่นนี้ จึงเสมือนกับโชคลาภที่หล่นมาจากสวรรค์ และเป็นการท้าทายสวรรค์!
“สมบัติล้ำค่าอย่างโอสถทิพย์กำเนิดเต๋านั้น กลับมีอยู่ในขุมสมบัติของเฉียนหยวนจริง ๆ หรือ!?” เฉินซีรู้สึกหวั่นไหวในใจเช่นกันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และใบหน้าของเขาดูเหมือนกับกำลังเพ้อฝัน
อาจถือได้ว่า ขอบเขตสร้างรากฐาน ขอบเขตก่อกำเนิด ขอบเขตตำหนักอินทนิล และขอบเขตเคหาทองคำ คือการแข่งขันที่ความหนาแน่นของปราณแท้ จากนั้นหลังจากขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง นอกจากความหนาแน่นของปราณแท้แล้ว ยังเป็นการแข่งขันเกี่ยวกับเต๋าแห่งการรู้แจ้งมากกว่า!
ยิ่งผู้บ่มเพาะเข้าใจเต๋ารู้แจ้งมากเท่าไร ความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความมั่นใจในการพิชิตทัณฑ์สวรรค์และโอกาสที่จะกลายเป็นเซียนสวรรค์จะมากขึ้นกว่าเดิม…
ยกตัวอย่างผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง คุณภาพของแกนทองคำของผู้บ่มเพาะจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของปราณหยินและปราณหยางที่ได้ดูดซับเข้าไป และจำนวนของเต๋าแห่งการรู้แจ้งที่ผู้บ่มเพาะได้หยั่งถึง
ปราณหยินและปราณหยางเป็นรากฐานที่สำคัญ เพราะจะต้องใช้มันในการขัดเกลาปราณแท้เพื่อควบแน่นเป็นแกนทองคำ ในขณะที่เต๋ารู้แจ้งเป็นจิตวิญญาณซึ่งเป็นแกนกลาง หากปราศจากจิตวิญญาณแล้ว ไม่ว่าแกนทองคำจะมีคุณภาพยอดเยี่ยมสักเพียงใด มันก็จะเป็นเพียงเปลือกเปล่า ๆ ราวกับหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณเท่านั้น
เมื่อผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางอาจต้องเผชิญหน้ากับศัตรูของพวกเขา พวกเขาสามารถตัดสินฐานการฝึกฝนและความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้อย่างคร่าว ๆ โดยยึดจากจำนวนเต๋าที่มีอยู่ในแกนทองคำของคู่ต่อสู้จากระยะไกล ก่อนที่จะปรับกลยุทธ์เพื่อที่จะต่อสู้หรือหลบหนี
แน่นอนว่า เต๋ารู้แจ้งนั้นยังถูกแบ่งเป็นเต๋ารองและมหาเต๋า นอกจากนี้ อานุภาพของพวกมันก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้อย่างสิ้นเชิง
ยกตัวอย่างเช่น ในบรรดาเต๋ารู้แจ้งทั้งสี่ประเภทที่หานกู่เยว่ได้หยั่งถึง มีเพียงเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหารเท่านั้นที่เป็นมหาเต๋า และอีกสามประเภทที่เหลือเป็นเพียงเต๋ารองเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ความแข็งแกร่งของเขาก็เหนือกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางบางคนที่สามารถหยั่งถึงเต๋ารองมากกว่าสิบประเภท และกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาเหนือกว่าผู้บ่มเพาะเหล่านั้น ก็คือเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหารที่เขาบ่มเพาะเป็นหนึ่งในมหาเต๋าแห่งสวรรค์ ดังนั้นมันจึงสามารถบดขยี้เต๋ารองได้ทั้งหมด!
แน่นอนว่า มหาเต๋านั้นได้พัฒนามาจากเต๋ารองนับไม่ถ้วน ดังนั้น ยิ่งหยั่งรู้เต๋ารองมากขึ้นเท่าใด โอกาสที่จะพัฒนาเป็นมหาเต๋าก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นมหาเต๋าแห่งวารีได้รับการพัฒนามาจากเต๋ารู้แจ้งแห่งกระแสน้ำ เต๋ารู้แจ้งแห่งทะเลสาบ เต๋ารู้แจ้งแห่งหิมะ เต๋ารู้แจ้งแห่งมหาสมุทร เต๋ารู้แจ้งแห่งสายฝน และเต๋ารองอื่น ๆ อีกมากมายที่มีมวลพลังของน้ำ ตราบใดที่คนเหล่านั้นสามารถหยั่งรู้เต๋ารองเหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้ คนผู้นั้นก็จะเทียบได้กับการหยั่งรู้ถึงมหาเต๋าแห่งวารีไปโดยปริยาย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เราได้เห็นความแตกต่างระหว่างมหาเต๋ากับเต๋ารองได้อย่างสิ้นเชิง
การบ่มเพาะของเฉินซีจนถึงตอนนี้ เขาได้จินตภาพถึงรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้ความสามารถในการเข้าใจของเขาล้ำเลิศและไม่มีใครเทียบได้ อีกทั้งวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพและคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบที่เขาบ่มเพาะอยู่นั้น มีความล้ำลึกของเต๋าแห่งสวรรค์มากมาย ยิ่งไปกว่านั้น เต๋ารู้แจ้งทั้งสิบเอ็ดประเภทที่เขาได้หยั่งถึงล้วนเป็นมหาเต๋าชั้นเลิศ และอาจถือได้ว่าเขามีศักยภาพที่ลึกล้ำอย่างยิ่งในมหาเต๋า ตราบเท่าที่เขาสามารถค้นพบศักยภาพอันมหาศาลนี้และเข้าใจแก่นแท้ของพวกมันอย่างถ่องแท้ ความสำเร็จของเขาย่อมเหนือล้ำกว่าคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
แต่มหาเต๋านั้นลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง และในตอนนี้เขาได้หยั่งรู้มหาเต๋าเพียงสิบเอ็ดประเภทเท่านั้น ถ้าหากเขาต้องการที่จะหยั่งรู้พวกมันอย่างถ่องแท้ มันจะเป็นการฝึกฝนที่ใช้ทั้งเวลาและพลังงานมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปอยู่หลายเท่า
“เอาล่ะ ทุกคน ไปกันเถอะ การเดินทางเพื่อค้นหาขุมสมบัติของเฉียนหยวนในครั้งนี้ เราจะต้องผ่านพื้นที่อันตรายนับไม่ถ้วนและอาจต้องเผชิญกับฝูงสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัว ดังนั้นทุกคนจะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ท่านผู้อาวุโสถันไถต้องมีสมาธิในการนำทางให้แก่พวกเรา มิฉะนั้น ถ้าเราหลงทางภายในห้วงทะเลทรายมรณะ เราจะต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝังเป็นแน่แท้” หวงฝู่ฉงหมิง กวาดสายตามองผ่านทุกคนขณะกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัดเจน จากนั้นเขาก็เป็นคนแรกที่ทะยานขึ้นและมุ่งหน้าเข้าไปยังห้วงทะเลทรายมรณะ
เฉินซีและคนอื่น ๆ ทะยานขึ้นบนฟ้า ติดตามหลังหวงฝู่ฉงหมิงไปทันที
ในตอนนี้ พวกเขาได้กระจายเป็นกลุ่ม ๆ เฉินซีและถันไถหงอยู่ด้วยกัน ในขณะที่หลินโม่เซวียนแห่งนิกายสวรรค์ปฐพีกับเซียวหลิงเอ๋อร์แห่งนิกายเตากลั่นเซียนนพเก้าได้ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น ส่วนเถิงหัวจีและเถิงหัวซวี่ก็รวมกลุ่มกับหวงฝู่ฉงหมิงแทน
กลุ่มเจ็ดคนของพวกเขาได้ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มแทน เมื่อเฉินซีเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขายิ่งแน่ใจมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเข้าไปในคลังขุมสมบัติของเฉียนหยวนได้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงข้อพิพาทระหว่างกลุ่มได้ เนื่องมาจากความไม่ยุติธรรมของการแบ่งปันสมบัติ ดังนั้นอาจจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
“เฉินเค่อ เจ้าต้องคอยระวังตัว ความแข็งแกร่งของเจ้าอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเรา และถ้าเราเผชิญกับภยันตราย แม้แต่ข้าเองก็เกรงว่าจะไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้มากนัก” ในระหว่างที่พวกเขาเหาะเหิน ถันไถหงได้ส่งเสียงผ่านกระแสปราณเตือนมายังเฉินซี
“ข้าเข้าใจแล้ว” เฉินซีพยักหน้ารับ แต่ตอนนี้เขากำลังครุ่นคิดอยู่เรื่องเดียว ในขณะที่พวกเขากำลังออกเดินทางก่อนหน้านี้ เฉินซีกลับเหลือบไปเห็นฝาแฝดจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันกำลังแอบมองเขาอย่างลับ ๆ ราวกับว่าพวกมันสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
‘สองคนนี้จะต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าหมู่ตึกฟ่านคนนั้นอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ฟ่านอวิ๋นหลานน่าจะเคยเห็นรูปลักษณ์ของข้าในการจัดอันดับมังกรซ่อนเมื่อไม่กี่ปีก่อน เป็นไปได้ไหมว่า… พวกมันจะจดจำตัวตนของข้าได้แล้ว?’ เฉินซีครุ่นคิด ขณะเพิ่มความระมัดระวังกับพวกมันมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน เถิงหัวจีและเถิงหัวซวี่ที่บินอยู่ด้านหน้า ดูเหมือนกำลังสื่อสารกันอยู่เช่นกัน “พี่ใหญ่ เจ้าเด็กคนนี้ย่อมเป็นเฉินซีอย่างแน่นอน” ขณะที่เขากล่าว แผ่นหยกภาพมายาก็ปรากฏขึ้นในมือของเถิงหัวซวี่
เมื่อได้ยินสิ่งที่เถิงหัวซวี่กล่าว เถิงหัวจีก็กวาดสายตาไปโดยรอบ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจเขา เถิงหัวซวี่จึงถ่ายเทปราณวิญญาณเข้าไปในแผ่นหยกภาพมายา ทันใดนั้น ก็ปรากฏภาพของชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์สูงโปร่งและใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งไปกว่านั้นรูปลักษณ์ของคนผู้นี้ ก็เหมือนกับเฉินเค่อที่ติดตามอยู่ด้านหลังพวกเขาทุกประการ!
“ที่แท้ มันเป็นเจ้าเด็กบัดซบคนนั้น! ไม่เพียงแต่ฆ่าผู้พิทักษ์จิตอสูรทั้งสามสิบสองคนของนิกายเราเท่านั้น มันยังได้ขโมยยันต์สยบวิญญาณเก้าพยางค์แห่งสัจธรรมของนายท่านและเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ไปเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ท่านหัวหน้าหมู่ตึกฟ่านจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกนายท่านลงโทษอย่างรุนแรง และถูกลดบทบาทให้ไปปฏิบัติภารกิจอยู่ที่เมืองห้วงทะเลทรายมรณะแทน มันช่างเป็นเด็กที่น่ารังเกียจจริง ๆ!” เถิงหัวจีกัดฟันแน่นในขณะที่เขากล่าวผ่านกระแสปราณ
“ฮึ ๆ พี่ใหญ่ โปรดระงับความโกรธของท่านซะ เจ้าเด็กคนนั้นได้ตกอยู่ในมือของพวกเราแล้ว แค่หาโอกาสฆ่ามัน จากนั้นค่อยยึดยันต์สยบวิญญาณเก้าพยางค์แห่งสัจธรรมและเจดีย์บำเพ็ญทุกข์กลับคืนมา หากสำเร็จก็จะผลงานครั้งใหญ่ และท่านหัวหน้าหมู่ตึกฟ่านจะต้องตอบแทนพวกเราพี่น้องอย่างแน่นอน ด้วยผลงานนี้ สถานะของเราในนิกายก็จะสูงขึ้นและจะสามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากรต่าง ๆ ที่เราใฝ่ฝันมานาน” เถิงหัวซวี่ยิ้มอย่างชั่วร้าย และดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงเจตนาฆ่า
“ใช่แล้ว! หากเราไม่ฉวยโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้ เราย่อมถูกสวรรค์ลงโทษอย่างแน่นอน ฮ่า ๆๆ” เถิงหัวจีหัวเราะอย่างเย็นชาโดยไม่มีที่สิ้นสุด “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเด็กคนนี้ได้อันดับที่หนึ่งในการจัดอันดับมังกรซ่อน และทำให้ชื่อเสียงของมันเลื่องลือไปทั่วดินแดนทางตอนใต้ แต่ในสายตาของข้า มันก็เป็นแค่มดปลวกที่ถูกกำหนดให้ตายด้วยเงื้อมมือของพวกเราพี่น้อง”
“พี่ใหญ่ พวกเราจะลงมือกันเมื่อไรดี?” เถิงหัวซวี่เอ่ยถาม
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หากเราลงมือตอนนี้ ข้าเกรงว่ามันจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น นอกจากนี้ หากพวกมันได้เห็นสมบัติล้ำค่าทั้งสองแล้ว อาจทำให้เราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม” เถิงหัวจีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “บางที…”
โฮก! โฮก! โฮก! โฮก!
ในชั่วพริบตาก่อนที่เถิงหัวจีจะกล่าวจบ ทันใดนั้นเสียงคำรามของสัตว์อสูรที่ดุร้ายก็ดังก้องมาจากทะเลทรายที่อยู่ห่างไกลออกไป และบนท้องฟ้าก็ปรากฏมวลเมฆหลากสีปกคลุมไปทั่วสวรรค์และโลก
“บัดซบ! นั่นมันพายุมรสุมห้าธาตุนี่น่า และภายในพายุนั้นก็คือซากปรักหักพังห้าธาตุที่มีสัตว์อสูรทรงพลังอยู่นับไม่ถ้วน!” ดวงตาของหวงฝู่ฉงหมิงหรี่ลง ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมา
ในขณะนี้ เฉินซีได้เห็นพายุหลากสีสันที่สวยงามมาก แต่มันก็อันตรายมากเช่นกัน!