บทที่ 230 ทะลวงผ่าน
บทที่ 230 ทะลวงผ่าน
ไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดาราเป็นสมบัติที่น่าอัศจรรย์และล้ำค่ายิ่ง มันสามารถค้นหาพื้นที่ที่ซ่อนอยู่ภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ และยังสามารถทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางจำพวกแดนซ่อนเร้นหรือเคหาเซียนได้อีกด้วย
ด้วยความช่วยเหลือจากไข่มุกนี้ ผู้อาวุโสที่เยาว์วัยที่สุดของตระกูลซู ซูเหลิ่งจึงได้พบกับแดนซ่อนเร้นลับแลและเคหาเซียนมากมาย เขาได้รับทักษะบ่มเพาะ โอสถ และสมบัติล้ำค่าจำนวนมากจากสถานที่เหล่านั้น การกระทำของเขาทำให้เมืองทะเลสาบมังกรเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ แต่หลังจากการตายของซูเหลิ่ง ไข่มุกเม็ดนี้ก็ตกไปอยู่ในมือของเฉินซี
“ในยามนั้น ซูเหลิ่งคนนี้ถือเป็นคนที่โชคดีมาก แต่ยามนี้เขาได้ตายไปแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดาราที่ตกมาอยู่ในมือข้า แม้กระทั่งระเบียนแดนมรณะที่ลึกลับนั่นและพู่กันพิพากษามารก็กลายเป็นของข้า โชคชะตาช่างเล่นตลกกับผู้คนเสียจริง ๆ” เฉินซีถอนหายใจด้วยความสะเทือนใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังขุมสมบัติของเฉียนหยวนที่ลอยอยู่ในอากาศ
ตอนนี้ขุมสมบัติของเฉียนหยวนที่ทอดตัวอยู่กึ่งกลางระหว่างสวรรค์และโลกได้ค่อย ๆ เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของมันแล้ว ดูเหมือนว่าโครงสร้างทั้งหมดของมันจะทำมาจากหยกบริสุทธิ์ที่ไร้ตำหนิ มีเสาขนาดมหึมาสามสิบหกต้นที่ดูเหมือนจะทำด้วยทองคำคอยค้ำยันเอาไว้ พื้นผิวของห้องเก็บสมบัติถูกสลักเป็นรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว สิ่งมีชีวิตนานาชนิด พืชพันธุ์ต่าง ๆ และอักขระยันต์ที่สลับซับซ้อน โดยมีม่านแสงที่ดูราวกับระลอกคลื่นน้ำเป็นชั้น ๆ ปกคลุมมัน ทำให้เห็นศาลาและห้องโถงในนั้นได้เพียงราง ๆ เท่านั้น
แสงสว่างเจิดจ้างดงามที่อยู่โดยรอบเป็นเสมือนม่านกั้นห้องเก็บสมบัติจากโลกภายนอก
สิ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือตรงที่ด้านบนของขุมสมบัติมีรูปปั้นของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตั้งประดับเอาไว้ มีทั้งอีกาทองคำสามขา มังกรฟ้า ปี้อั้น*[1] ซวนหนี*[2] ชือเวิ่น*[3] ฉิวหนิว*[4]… พวกมันมีขนาดใหญ่และเด่นสง่าดุจขุนเขา รูปลักษณ์ท่าทางของแต่ละตัวต่างก็ดูทระนงและไม่ยอมใคร ขณะที่ครอบครองพื้นที่ส่วนบนของห้องเก็บสมบัติอยู่อย่างเงียบ ๆ แม้ว่าพวกมันจะเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่พวกมันก็ดูราวกับเทพเจ้าที่ก้มมองโลกอย่างไม่แยแส บรรยากาศอันน่าหวาดหวั่นจากสายตาพวกนั้นสร้างความครั่นครามให้ผู้มาเยือนมิใช่น้อย
เพียงแค่เหล่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือขุมสมบัติของเฉียนหยวน ก็ทำให้มันดูมีต้นกำเนิดที่ไม่ธรรมดาแล้ว!
สิ่งล้ำค่าต่าง ๆ อาทิ มรดกของเซียนสวรรค์ ทักษะบ่มเพาะ โอสถวิเศษ สมบัติล้ำค่า โอสถทิพย์กำเนิดเต๋าที่ลึกลับทั้งหมดถูกปิดผนึกและเก็บไว้ในขุมสมบัติขนาดมหึมานี้อย่างนั้นหรือ?
หัวใจของเฉินซีลุกโชนด้วยความปรารถนา และเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกองเพลิงวิญญาณเคลื่อนเข้าหาขุมสมบัติที่สวยงามและน่าตื่นตาของเฉียนหยวนอย่างเงียบงัน
ช่างเป็นข้อจำกัดที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!
ยิ่งเขาเข้าใกล้ขุมสมบัติมากเท่าไร เฉินซีก็ยิ่งรู้สึกว่าสนามพลังที่มองไม่เห็นตรงหน้าของเขานั้น เป็นราวกับมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขตซึ่งไม่สามารถเอาชนะได้ ยิ่งกว่านั้นพลังงานนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด กลับกันมันเหมือนจะสังเกตเห็นการเข้าใกล้ของเฉินซี มันจึงพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทางพร้อมกันก่อนจะสร้างแรงกดดันที่รุนแรงขึ้น ด้วยระดับบ่มเพาะของชายหนุ่มในปัจจุบัน ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก และกระดูกของเขาดูเหมือนจะไม่สามารถทนรับแรงกดมหาศาลนี้ได้เช่นกัน จึงทำให้พวกมันส่งเสียงแตกร้าวออกมาอย่างชัดเจน
ในเวลานี้ เฉินซีอยู่ห่างจากขุมสมบัติของเฉียนหยวนเพียงสามก้าว แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อีก และเมื่อเวลาผ่านไป แรงกดดันจากพลังไร้รูปร่างรอบตัวเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาเป็นเหมือนกับมดที่ถูกพันธนาการไว้ที่ก้นทะเล ซึ่งกำลังจะถูกบี้ทิ้งในไม่ช้า
ระยะทางสามก้าวดูเหมือนจะเป็นช่องว่างที่กว้างมาก เกรงว่าแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี ก็ยังไม่สามารถเจาะผ่านสนามพลังไร้รูปร่างที่อยู่โดยรอบนี้ไปได้
ฮึ่ม!
ในตอนนี้ เฉินซีไม่ลังเลเลยที่จะคว้าเอาไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดาราออกมา เขาถ่ายเทปราณแท้ทั้งหมดในร่างกายลงไป ทันใดนั้นแสงหลากสีที่งดงามก็พุ่งออกมาจากไข่มุก ภายใต้แสงสว่างหลากสีนี้ ชั้นคลื่นโปร่งใสที่บิดเบี้ยวได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเฉินซี เขารับรู้ได้ทันทีว่านี่คือม่านป้องกันของขุมสมบัติ
ขวับ!
ด้วยไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดาราในมือของเขา สิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นและโปร่งใสนั้นเป็นราวกับฟองสบู่ที่ถูกเจาะ เมื่อรอยแตกที่ยาวและแคบซึ่งนำไปสู่ด้านในของขุมสมบัติของเฉียนหยวนปรากฏขึ้น เฉินซีก็ไม่รอช้าแม้แต่น้อย ขาทั้งสองข้างก็พุ่งตรงออกไปก่อนจะหายตัวไปอย่างสมบูรณ์
…
“บัดซบ! มีคนบุกเข้าไปก่อนแล้ว!”
“ให้ตายเถอะ แสงหลากสีนั่นมันอะไรกัน? รอบด้านขุมสมบัติของเฉียนหยวนมีม่านป้องกันที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์สร้างเอาไว้เลยนะ มันจะพังง่าย ๆ ได้อย่างไร?”
“ไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดารา! มันต้องเป็นสมบัติชิ้นนั้นอย่างแน่นอน! ในโลกนี้ มีเพียงไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดาราเท่านั้นที่จะสามารถข้ามผ่านม่านป้องกันและข้อจำกัดต่าง ๆ ได้!”
…
เมื่อเฉินซีทะลวงผ่านม่านป้องกันของขุมสมบัติเฉียนหยวนมาได้ แสงหลากสีที่ปล่อยออกมาจากไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดารา ได้ดึงความสนใจของหวงฝู่ฉงหมิง หลิวเฟิ่งฉือ หม่านหง และคนอื่น ๆ ในระแวกใกล้เคียงทันที
พวกเขาเฝ้ามองขุมสมบัติเฉียนหยวนและกำลังรอให้ม่านป้องกันหายไป เพื่อจะได้รีบเข้าไปทันทีอยู่ตลอด ใครจะคาดคิดกันว่า จะมีคนนำหน้าพวกเขาไปก่อนก้าวหนึ่ง?
“ไอ้ตัวบัดซบ! ข้าจำชายคนนั้นได้ มันคือเจ้าเด็กขอบเขตเคหาทองคำ เฉินซี!”
“เฉินซี? มันจะเป็นเขาได้อย่างไร? เขาจะครอบครองสมบัติล้ำค่าอย่างไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดาราได้อย่างไร?”
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ในเมื่อเขาล้ำหน้าเราไปก้าวหนึ่งแล้วอย่างไร? หลังจากที่เราเข้าไปข้างในแล้ว ให้ฆ่าเขาและเอาสมบัติที่เขามีมาซะ”
หลังจากที่พวกเขาระบุได้ว่าคนที่แอบเข้าไปในขุมสมบัติก่อนคือเฉินซี ใบหน้าของหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ ก็มึนตึงในทันใด ไฟแห่งโทสะในอกของพวกเขาลุกโชนอย่างรุนแรง ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการฉีกเฉินซีเป็นชิ้น ๆ แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก เพราะพวกเขาไม่มีไข่มุกเร้นนิรันดร์ลับดารา ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงรอให้ม่านป้องกันรอบขุมสมบัติหายไปเองก่อน จึงจะเข้าไปได้
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ชั่วขณะนั้นเอง เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นจากขอบฟ้าไกล จากนั้นลำแสงจำนวนมากก็พุ่งตรงมาจากทางริมขอบฟ้า ที่พวกเขานับได้คร่าว ๆ มันจะต้องมีไม่ต่ำกว่าร้อยคนและไม่แน่ว่าอาจจะมีมาเพิ่มอีก
“อันเชี่ยนอวี้ นิกายกระบี่สะบั้นนภาจากที่ราบตอนกลาง!”
“หวังเต้าซวี่ นิกายแสงจรัสจากที่ราบตอนกลาง!”
“เจิ้นหลิวชิง หอวารีหมอกจากทะเลตะวันออก!”
…
หลังจากการปรากฏตัวของลำแสงเหล่านั้น หวงฝู่ฉงหมิง หลิวเฟิ่งฉือ หม่านหงและคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจราวกับว่าพวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า พวกเขาจะพบกับคนรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากมายที่นี่ ทำให้พวกเขาหนักใจขึ้นมาในทันที
ยิ่งมีผู้บ่มเพาะเข้าสู่ขุมสมบัติเฉียนหยวนมากเท่าไร การแข่งขันก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เมื่อมีหมาป่ามากขึ้นและชิ้นเนื้อมีน้อยเกินไป ก็ย่อมมีการต่อสู้เกิดขึ้น แล้วใครจะอยากให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นกัน?
“คงจะดีไม่ใช่น้อยหากแม่นางชิงยังอยู่ที่นี่!” หวงฝู่ฉงหมิงถอนหายใจ ในยามนี้เขาชื่นชมประโยชน์ของการปรากฏตัวของชิงซิ่วอี้อย่างเต็มที่ หากนางอยู่เป็นผู้คุมที่นี่ ทำไมเขาต้องกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้กับกองกำลังอื่น ๆ กัน?
เมื่อประโยคทอดถอนหายใจนี้กระทบโสตของคนอื่น ๆ พวกเขาก็ได้แต่พากันพยักหน้ายอมรับ อาจกล่าวได้ว่าชิงซิ่วอี้ถือเป็นดาราที่โดดเด่นและเจิดจรัสที่สุดในราชวงศ์ซ่งแล้ว หากมีใครต้องการสู้กับกลุ่มของพวกเขา ก็ย่อมต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขากับชิงซิ่วอี้เสียก่อน ภายใต้ความลังเลใจที่จะลงมือของกลุ่มอื่น ๆ พวกเขาก็ย่อมจะได้รับโอกาสเก็บเกี่ยวสมบัติที่สามารถแบ่งได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
น่าเสียดายที่ตอนนี้ชิงซิ่วอี้ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่านางหายไปที่ใด
พร้อมกับการมาถึงของผู้บ่มเพาะที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉากเบื้องหน้าตอนนี้กลายเป็นภาพที่งดงามและน่าตื่นเต้นไปในทันที พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่โดดเด่นจากภูมิภาคต่าง ๆ ในราชวงศ์ซ่ง ศิษย์หลายร้อยคนจากนิกายหลัก ๆ เกือบทั้งหมดเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางด้วยกันทั้งสิ้น พวกเขาทั้งหมดครอบครองพื้นที่ที่แตกต่างกันไปและไม่เคยรบกวนกันและกัน แต่เมื่อเจอกันพวกเขาก็ยังคงสร้างสถานการณ์การเผชิญหน้าขึ้นเล็กน้อย ทำให้บรรยากาศดูกดดันอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้หวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย นั่นคือกลุ่มของพวกเขาได้รวบรวมผู้บ่มเพาะจากนิกายสวรรค์ปฐพี นิกายเตากลั่นเซียนนพเก้า เกาะฉลามมังกร ภูเขานภาลัย และตำหนักจ้าวปัญญาเอาไว้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าการที่กลุ่มเต็มไปด้วยสมาชิกที่ยอดเยี่ยม ทำให้พวกเขากลายเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้บ่มเพาะจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกลัวกองกำลังอื่นมากนัก
ตึง!
หลังจากผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป เสียงลั่นก้องใสเหมือนระฆังยามเช้าก็ดังขึ้นในอากาศ กังวานไปทั่วสวรรค์และโลก
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในทันใด ขุมสมบัติเฉียนหยวนที่เคยลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบงัน ก็ส่งเสียงดังกึกก้องเมื่อประตูทางเข้าที่ยิ่งใหญ่และงดงามเปิดออก!
พริบตาต่อมา สะพานโค้งราวกับถูกปูด้วยก้อนเมฆก่อตัวขึ้นจากด้านนอกประตูของขุมสมบัติ ดุจสะพานสายรุ้งที่พาดผ่านท้องฟ้าและผืนดินซึ่งทอดตรงไปยังประตูทางเข้าที่ถูกเปิดออก
ในเวลาเดียวกัน แรงกดดันมหาศาลและยิ่งใหญ่ก็ได้พัดผ่านสวรรค์และโลกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปลวไฟที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็พวยพุ่งออกมาจากรอบขุมสมบัติ ประหนึ่งลาวาที่พยายามเผาผลาญโลกทั้งใบ
คลื่นความร้อนอันน่าสะพรึงกลัวเหมือนจะสามารถละลายทุกสิ่งได้ มันได้บังคับให้ผู้บ่มเพาะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลต้องล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฟิ้ว! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เพียงชั่วครู่ ลำแสงบางส่วนก็พาดผ่านข้ามท้องฟ้าขึ้นไปบนสะพานสายรุ้ง และพุ่งตรงไปยังทางเข้าของห้องเก็บสมบัติอย่างรวดเร็ว
“รนหาที่ตาย!” ดวงตาของหวงฝู่ฉงหมิงทอประกายเปี่ยมจิตสังหารออกมา เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร ในเมื่อมีคนกำลังเข้าไปในขุมสมบัติก่อนกลุ่มของเขา?
“องค์ชายหวงฝู่ เราก็รีบไปกันเถอะ…” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ถันไถหงก็หยุดประโยคไปอย่างกะทันหัน ริ้วแสงที่ก่อตัวขึ้นจากผู้บ่มเพาะที่พุ่งตรงไปยังขุมสมบัติก่อนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะเปล่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนที่พวกเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นลูกบอลเพลิงและหายไปในพริบตา
เปลวเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นขดเป็นวงล้อมขุมสมบัติเอาไว้อย่างสวยงาม เมื่อเข้าไปใกล้เท่านั้นจึงจะสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่แท้จริงของเปลวเพลิงเหล่านั้น การเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจของผู้บ่มเพาะกลุ่มแรก เป็นเสมือนถังน้ำเย็นที่ราดดับไฟแห่งความกระตือรือร้นในหัวใจของทุกคนในทันที
“ไปกันเถอะ พวกโง่เง่าที่สนใจแต่จะมุ่งหน้าไปก่อนแต่ลืมที่จะต้านทานไฟรอบข้าง เราแค่ต้องนำสมบัติวิเศษที่ทรงพลังออกมาสังเวยและพุ่งผ่านกำแพงแห่งเปลวเพลิงนั้นไป เท่านี้เราก็จะสามารถเข้าไปได้แล้ว!” หวงฝู่ฉงหมิงหรี่ตาของเขาและกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านกระแสปราณ เขาสังเกตเห็นแล้วว่าถึงแม้จะมีสะพานสายรุ้งที่ทอดผ่านเปลวไฟที่ขดตัวล้อมรอบขุมสมบัติอยู่ แต่เมื่อตรงเข้าไป พวกเขาก็ต้องหลีกเลี่ยงเปลวไฟเหล่านั้นด้วย
ขณะที่พูด เขาก็ดึงเอาพัดเหล็กที่ดูเหมือนเกล็ดขัดเงาออกมา ทันใดนั้นสายลมเบาบางราวกับผิวน้ำกระเพื่อมก็กระจายตัวออกจากพื้นผิวที่หมองคล้ำและไร้ความแวววาวของพัด ตามด้วยคลื่นน้ำที่ปกคลุมเขาเอาไว้ และปล่อยให้มันพาเขาผ่านเปลวเพลิงที่อยู่รอบ ๆ นั้นไปได้อย่างง่ายดาย
ในเวลาเดียวกัน หลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ ถันไถหง หลิวเฟิ่งฉือ หม่านหงและคนอื่น ๆ ต่างก็ดึงสมบัติวิเศษของตนออกมาให้เปลวเพลิง ก่อนจะพุ่งตัวออกไปในอากาศ
อันที่จริง ไม่ใช่แค่กลุ่มของหวงฝู่ฉงหมิงเท่านั้น ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ เองก็สังเกตเห็นถึงความลับนี้เช่นกัน พวกเขาเริ่มสังเวยสมบัติวิเศษธาตุน้ำกันคนละชิ้น และมุ่งหน้าไปยังขุมสมบัติอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยริ้วแสงที่พร่างพรายหลากสีไปชั่วขณะ
เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนั้น ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำบางคนที่ประเมินความสามารถของพวกเขาไว้สูงเกินไป ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นและรีบพุ่งเข้าหาขุมสมบัติอย่างประมาท ผลลัพธ์ที่ออกมาเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยความหวาดกลัวในใจผู้เฝ้ามอง เมื่อทุกคนที่มุ่งไปล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านในเปลวเพลิงที่ไร้ความปรานีและไม่มีใครรอดชีวิตเลยสักคนเดียว
ที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งก็คือในระหว่างนั้นมีผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติผู้หนึ่งตรงเข้าไปด้วย แต่กลับถูกขุมสมบัติขวางกั้นไว้รอบนอก ดูเหมือนจะถูกสนามพลังที่มองไม่เห็นที่อยู่นอกประตูของขุมสมบัติอีกชั้นขวางไว้ จนทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้คลังสมบัติได้แม้แต่ก้าวเดียวไม่ว่าเขาจะใช้ทักษะที่ทรงพลังเพียงไหนก็ตาม!
ทางเข้าที่เปิดกว้างของคลังสมบัติดูเหมือนจะเปิดให้เฉพาะผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเท่านั้น ช่างลึกลับมากจริง ๆ
[1] ปี้อั้น คือ สัตว์ในตำนานของจีน มันมีรูปลักษณ์คล้ายเสือ เป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรม สมัยโบราณจะถูกนำตั้งอยู่หน้าเรือนจำหรือศาล เพื่อพิทักษ์ความเที่ยงธรรม
[2] ซวนหนี คือ สัตว์ในตำนานของจีน มันมีรูปลักษณ์เหมือนสิงโต และชื่นชอบไฟมาก จึงมักไปหลบอยู่ใต้แท่นบูชาของวัด
[3] ชือเวิ่น คือ สัตว์ในตำนานที่มีรูปลักษณ์คล้ายมังกร มักจะปรากฏอยู่บนหลังคาเรือน เพื่อขจัดสิ่งชั่วร้าย
[4] ฉิวหนิว คือ เป็นสัตว์ในตำนานที่มีรูปลักษณ์คล้ายมังกรขนาดเล็ก มันชื่นชอบดนตรีมาก และมักจะถูกแกะสลักอยู่บนเครื่องดนตรีต่าง ๆ เช่น ขิม