บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 263 จารึกยันต์เทวะ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 263 จารึกยันต์เทวะ

บทที่ 263 จารึกยันต์เทวะ

เฉินซีนั่งขัดสมาธิอยู่ในโลกแห่งดารา ท้องฟ้าที่นี่มีมนต์ขลังเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ามีพื้นดินที่มองไม่เห็นถูกวางอยู่บนท้องฟ้า เมื่อเขานั่งอยู่บนนั้น ก็ไม่มีความรู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย

ที่เบื้องหน้าของเขาคือแก่นศัสตราที่เก่าแก่และเรียบง่าย

หลังจากเวลาผ่านไปนาน เมื่อไม่มีร่องรอยของความคิดที่ทำให้ไขว้เขวอยู่ในใจของเขาอีกต่อไป มือของเฉินซีก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน นิ้วของเขาตวัดไปมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปลายนิ้วได้กลายเป็นภาพติดตาอยู่กลางอากาศ และพวกมันดูเหมือนผีเสื้อที่บินผ่านดอกไม้และมีความเร็วที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้

ชึบ! ชึบ! ชึบ!

มันเหมือนกับเสียงของฝูงผึ้งกำลังกระพือปีก และบนนิ้วมือทั้งสิบของเฉินซีก็มีดวงแสงหมุนวนไปรอบ ๆ เสมือนกับระลอกคลื่นวงกลมในทะเลสาบ ซึ่งมันช่างสวยงามอย่างแท้จริง

นี่คือเคล็ดวิชาการขัดเกลาศัสตราที่จี้อวี๋ถ่ายทอดให้แก่เขา มันเป็นการเปิดช่องวางที่เพียงพอที่จะจารึกยันต์เทวะไว้ที่แก่นศัสตรา

ตราประทับที่ลึกล้ำจำนวนมากถูกประทับลงบนแก่นศัสตรา ทำให้เกิดช่องว่าง ซึ่งค่อย ๆ ขยายขึ้นภายในแก่นศัสตรา และถ้าใช้กระแสจิตท่องลงไปในช่องว่างนี้ จะพบว่าช่องว่างนี้มีขนาดกว้างราวสองลี้และว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อมองจากภายนอก แก่นศัสตราจะมีความยาวเพียงสี่ฉื่อ

หลักการของมันก็คล้ายกับการจัดวางวัตถุขนาดใหญ่ในวัตถุขนาดเล็ก เช่นเดียวกับเคล็ดวิชาปรับแต่งคลังเก็บสมบัติวิเศษ ที่พัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ภายในพื้นที่ขนาดเล็กของคลังเก็บสมบัติวิเศษ

‘ยันต์เทวะพฤกษาครามมีความสามารถในการให้กำเนิดดวงจิตวิญญาณของแก่นศัสตรา ดังนั้นข้าจะเริ่มจากสิ่งนี้ก่อน’ เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะระลึกถึงโครงสร้างของอักขระยันต์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในยันต์เทวะพฤกษาครามอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ขับเคลื่อนจิตสัมผัสเทพของเขาให้พุ่งเข้าไปในช่องว่างที่พัฒนาขึ้นภายในแก่นศัสตรา

นี่เป็นพื้นที่ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ เฉินซีสำรวจมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโคจรปราณแท้ในร่างกายของเขา เพื่อควบแน่นพวกมันจนเป็นเส้นที่ละเอียดเหมือนขนของวัว และภายใต้การควบคุมของจิตสัมผัสเทพ เส้นนี้จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวเพื่อจารึกอักขระลงบนพื้นที่ที่ว่างเปล่านี้

อันที่จริง วิธีการลงอักขระยันต์เช่นนี้คล้ายกับการใช้กระดาษยันต์และพู่กันวาดยันต์ เพียงแต่ใช้จิตสัมผัสเทพแทนมือของเขา ใช้ปราณแท้แทนที่หมึก และใช้พื้นที่แทนกระดาษยันต์

ฟ่อ~ ฟ่อ~ ฟ่อ~ ฟ่อ~

ในทันใดที่อักขระยันต์ที่ลึกล้ำและยืดหยุ่นปรากฏขึ้นในพื้นที่นี้ พวกมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าที่สว่างไสว จนค่อย ๆ เปลี่ยนอักขระยันต์สีฟ้า จากนั้นพวกมันก็เริ่มบิดตัวและแปรเปลี่ยนเป็นโครงสร้างที่แตกต่างกัน แต่มันไม่ได้พัวพันจนยุ่งเหยิงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเผยให้เห็นโครงสร้างที่เป็นระเบียบสวยงาม

เมื่อมองจากระยะไกล อักขระยันต์ที่ค่อย ๆ จารึกลงบนพื้นที่นั้น เป็นเหมือนต้นอ่อนเล็ก ๆ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาที่เรียวยาวและหนาทึบออกไป มันพยายามที่จะแผ่ขยายออกไปรอบ ๆ พวงแล้วพวงเล่า จากนั้นจึงค่อย ๆ เติบโตจนใบไม้และดอกไม้สีฟ้าจำนวนมากผลิดอกออกผล กระบวนการทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติยิ่งนัก ลึกล้ำ งดงาม และไม่มีร่องรอยของงานประดิษฐ์เลยแม้แต่น้อย

ซึ่งมันเป็นเพียงโครงสร้างอักขระยันต์รูปแบบหนึ่งในยันต์เทวะพฤกษาคราม และมีโครงสร้างอักขระยันต์อย่างน้อยหลายแสนรูปแบบอยู่ภายในยันต์เทวะพฤกษาครามทั้งหมด ทำให้มันหนาแน่น ซับซ้อน และกว้างใหญ่ดั่งท้องทะเล

นับว่าโชคดี หลังจากผ่านประสบการณ์กับคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ ความสามารถในการคาดการณ์ของเฉินซีก็ได้บรรลุขอบเขตที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น เขายังประสบความสำเร็จในด้านการสร้างอักขระยันต์เป็นอย่างสูง มิฉะนั้น แค่มองดูอักขระยันต์ที่มากมายมหาศาลเหล่านี้ก็อาจทำให้สายตาพร่ามัว นับประสาอะไรกับการแยกแยะความแตกต่างและการใช้งานของแต่ละอักขระยันต์

แต่ถึงอย่างนั้น เฉินซีก็ต้องระมัดระวังและจิตใจของเขาจะต้องมีสมาธิอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าจะเป็นเพียงการจารึกโครงสร้างอักขระยันต์ของยันต์เทวะพฤกษาคราม ตราบใดที่เกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาจะต้องเริ่มจารึกมันใหม่ตั้งแต่ต้น และผลลัพธ์เช่นนี้จะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน

หากลองทบทวนดูแล้ว การจารึกยันต์เทวะพฤกษาครามเพียงชนิดเดียวต้องใช้เวลาในการจารึกถึงห้าปี หากเกิดความผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า จะต้องเสียเวลาไปกับมันถึงเพียงใด?

ดังนั้น เฉินซีจึงได้ตัดสินใจตั้งแต่ต้นว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น และจะไม่ยอมให้เกิดความล้มเหลวเป็นอันขาด!

เป็นเพราะแรงกดดันนี้จึงทำให้จิตใจของเขามีสมาธิเป็นอย่างมาก และไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความคิดที่ทำให้ไขว้เขวในจิตใจของเขา มีเพียงโครงสร้างอักขระยันต์ที่ลึกล้ำและสง่างามในสายตาของเขาเท่านั้น ในขณะนี้ แม้ว่าคนธรรมดาจะเข้าใกล้เฉินซี เขาก็คงไม่สังเกตเห็นการมาถึงของบุคคลนั้นได้อย่างสิ้นเชิง

“หืม?” หลังจากผ่านไปสามชั่วยาม เมื่อเขามองไปที่ลวดลายอักขระยันต์ที่เขาจารึกไว้ในพื้นที่ด้านในของแก่นศัสตรา จู่ ๆ ความรู้สึกที่คุ้นเคยได้ทำให้หัวใจของเขาสูบฉีดทันที

ลวดลายอักขระยันต์นี้ได้รวมโครงสร้างอักขระยันต์นับร้อยแบบเข้าด้วยกัน เมื่อมองจากระยะไกล มันเหมือนใบไม้สีฟ้าชอุ่มที่แกว่งไกวไปมาตามแรงลม และเส้นใบของมันก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเผยให้เห็นพลังที่ล้นเหลือวนเวียนอยู่ภายใน

‘เหตุใดข้าถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นมันมาก่อนนะ?’

คิ้วของเฉินซีขมวดแน่น จู่ ๆ ความทรงจำก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา ทำให้เขาสามารถระลึกได้ทันทีว่า ‘อักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราพฤกษาที่สองบนแผ่นหลังของข้า ก็อยู่ในรูปลักษณ์ของใบไม้เช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ’

‘ไม่แปลกใจเลยที่ข้าจะรู้สึกคุ้นเคย อักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราพฤกษาที่สองนี้เป็นลวดลายอักขระยันต์ชนิดหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น มันยังบรรจุอยู่ในยันต์เทวะพฤกษาคราม เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสฝูซีได้อ้างอิงจากยันต์เทวะนี้ เพื่อสร้างวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพ? หรืออาจเป็นเพราะอักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราพฤกษาที่สองทำให้ผู้อาวุโสฝูซีสามารถเข้าใจยันต์เทวะพฤกษาครามได้?’ เฉินซีรู้สึกคลุมเครือว่าไม่ใช่แค่ยันต์เทวะพฤกษาครามเท่านั้น แต่ยันต์เทวะอีกสี่ชนิดที่เหลือจะต้องเกี่ยวข้องกับวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพอย่างแน่นอน

‘บางที หากข้าสามารถเข้าใจแก่นแท้ของยันต์เทวะทั้งห้าประเภทนี้แล้ว มันอาจส่งผลที่คาดไม่ถึงต่อการบ่มเพาะทักษะแปรสภาพร่างกายของข้าได้…’ เฉินซีไม่ได้ครุ่นคิดอีกต่อไปและหมกมุ่นอยู่กับการจารึกอักขระยันต์อีกครั้ง

เวลาผ่านไปทีละนิด ผ่านไปเจ็ดวันโดยไม่รู้ตัว

ในช่วงเวลาเจ็ดวันนี้ เฉินซีเป็นเหมือนก้อนหินที่ปราศจากการรับรู้จากโลกภายนอก เขามุ่งความสนใจไปที่การจารึกอักขระยันต์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากจิตสัมผัสเทพในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาเหือดแห้งและปราณแท้ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาจะแห้งผาก เขาจึงจะตื่นขึ้นมาจากห้วงสมาธิทันที

เมื่อตื่นขึ้นจากห้วงสมาธิ เขาเริ่มบ่มเพาะในขณะที่นั่งสมาธิเพื่อฟื้นพละกำลังโดยไม่ให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย

นับว่าโชคดีที่ภายในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ มีวารีวิญญาณอยู่มากมายและมันก็เพียงพอที่จะฟื้นฟูปราณแท้ของเขาในช่วงเวลาอันสั้น ในขณะที่การฟื้นตัวของพลังวิญญาณของเขา ต้องการเพียงแค่ทำสมาธิและเฝ้าจินตภาพรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีเท่านั้น

‘ในเวลาเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ ข้าได้จารึกโครงสร้างอักขระยันต์อย่างน้อยสองพันแบบ หากยึดตามความเร็วนี้ ตราบเท่าที่ไม่มีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น ข้าจะจารึกยันต์เทวะพฤกษาครามสำเร็จภายในห้าปี…’ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยาม เฉินซีก็ตื่นขึ้นจากการนั่งสมาธิ เขาสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณและปราณแท้ได้ฟื้นฟูสู่สภาพที่ดีที่สุด อีกทั้งยังไม่มีอาการเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจใด ๆ ดังนั้นเขาจึงลงมือจารึกอักขระยันต์อีกครั้งหนึ่ง

ทว่าเฉินซีกลับไม่ได้สังเกตเห็นว่า ในขณะที่จำนวนของโครงสร้างอักขระยันต์ที่เขาจารึกไว้เพิ่มขึ้น ความรู้และความสามารถในการคาดการณ์เกี่ยวกับเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขา ก็ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดโดยไม่รู้ตัว

บางทีเมื่อเขาจารึกยันต์เทวะทั้งห้าชนิดนี้เสร็จแล้ว ความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขาจะสามารถบรรลุไปถึงระดับที่ยากจะเหลือเชื่อได้

ในบรรดามหาเต๋ามากมายในสวรรค์และโลก เต๋าแห่งยันต์อักขระอาจถือได้ว่าเป็นมหาเต๋าสูงสุดที่กว้างใหญ่และหลากหลายที่สุด ในการทำความเข้าใจต่อเต๋าแห่งยันต์อักขระ จำเป็นต้องมีความสามารถในการทำความเข้าใจที่ไม่ธรรมดา ความสามารถในการอนุมานที่น่าเกรงขาม เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างอักขระยันต์ต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ส่วนผู้ไม่มีอุปนิสัยที่แน่วแน่ก็จะไม่สามารถบรรลุความสำเร็จใด ๆ ในเต๋าแห่งยันต์อักขระได้อย่างแน่นอน

ซึ่งอันที่จริง แม้ว่าเต๋าแห่งยันต์อักขระจะคลุมเครือ ซับซ้อนและยากเย็นแสนเข็ญ การใช้งานพวกมันก็ครอบคลุมหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น การปรับแต่งอุปกรณ์ การกลั่นโอสถ การประดิษฐ์หุ่นเชิด การสร้างค่ายกลขนาดใหญ่… ทั้งหมดนี้ต้องใช้เต๋าแห่งยันต์อักขระเพื่อสนับสนุนทั้งสิ้น

ยกตัวอย่างเช่นการปรับแต่งอุปกรณ์ การมีเตาหลอมและวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ มันต้องอาศัยความร่วมมือของค่ายกลอักขระยันต์และการจารึกอักขระยันต์ต่าง ๆ จึงจะสามารถขัดเกลาให้เป็นสมบัติวิเศษชั้นหนึ่งได้

ในโลกแห่งการบ่มเพาะ ปรมาจารย์แห่งการปรับแต่งอุปกรณ์ที่น่าเกรงขาม จะต้องมีความเชี่ยวชาญในการสร้างอักขระยันต์อย่างแน่นอน แต่ปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระนั้นสามารถเป็นช่างปรับแต่งอุปกรณ์ที่มีความสามารถ หรือนักเล่นแร่แปรธาตุ และอาชีพอื่น ๆ ที่หลากหลาย

แต่ปรมาจารย์แห่งการปรับแต่งอุปกรณ์และปรมาจารย์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุนั้นมีน้อยมาก ตัวอย่างเช่น ในราชวงศ์ซ่งมีคนเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นที่เป็นปรมาจารย์แห่งการปรับแต่งอุปกรณ์ที่น่าเกรงขาม และอาจกล่าวได้ว่าหายากเหมือนขนปักษาเพลิงและเขากิเลน แต่เนื่องจากความขาดแคลนของพวกเขาจึงทำให้ปรมาจารย์แห่งการปรับแต่งอุปกรณ์มีสถานะที่สูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังได้รับความเคารพจากผู้บ่มเพาะในโลกอย่างลึกซึ้ง

ภายใต้สถานการณ์ปกติ ไม่มีใครสักคนที่กล้าทำให้ปรมาจารย์ขัดเกลาอุปกรณ์ต้องขุ่นเคือง อย่างไรก็ตาม พวกเขาล้วนอยู่ในโลกแห่งการบ่มเพาะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจขาดแคลนสมบัติวิเศษที่มีประโยชน์แก่การบ่มเพาะได้ หากพวกเขาทำให้ปรมาจารย์แห่งการปรับแต่งอุปกรณ์ไม่พอใจ แล้วผู้ใดจะขัดเกลาสมบัติวิเศษให้แก่พวกเขา?

เป็นเพราะทุกศาสตร์นั้นล้วนเกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งยันต์อักขระ จึงทำให้มันซับซ้อนและดูเหมือนครอบคลุมทุกสิ่งในโลก

กาลเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วอึดใจเดียวก็ผ่านไปถึงสามปีโดยไม่รู้ตัว

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการจารึกอักขระยันต์แล้ว เฉินซียังนั่งสมาธิและบ่มเพาะอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะไม่ได้เพิ่มพูนมากนัก แต่จิตสัมผัสเทพของเขาก็ก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด ในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของจิตสัมผัสเทพของเขาเพียงพอที่จะเทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติ และเมื่อเขาแผ่ขยายมันออกไป การเคลื่อนไหวทั้งหมดภายในระยะสองร้อยห้าสิบลี้ จะสะท้อนให้เห็นอยู่ภายในใจของเขาอย่างชัดเจน

ยิ่งไปกว่านั้น ควบคู่ไปกับการเพิ่มจำนวนของอักขระยันต์ที่เขาจารึกไว้ ความเข้าใจเกี่ยวกับยันต์เทวะพฤกษาครามของเฉินซีก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ และความเร็วในการจารึกโครงสร้างอักขระยันต์ก็รวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้เขาเข้าใจคำกล่าวของจี้อวี๋ในวันนั้น การขัดเกลายันต์ศัสตราเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการบ่มเพาะยันต์เทวะทั้งห้าประเภท และยังเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการควบคุมยันต์เทวะทั้งห้าอีกด้วย

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา จี้อวี๋มายังโลกแห่งดาราหลายครั้งเพื่อเยี่ยมเยียนเฉินซี และเมื่อเขาเห็นชายหนุ่มจารึกอักขระยันต์อย่างทุ่มเทจนลืมกินลืมนอนและไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวในโลกภายนอก จี้อวี๋ก็รู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมากและชื่นชมเฉินซีมากขึ้นเรื่อย ๆ

อาจกล่าวได้ว่า ในช่วงหนึ่งล้านปีที่ผ่านมานี้ เฉินซีเป็นคนเดียวที่จี้อวี๋ยอมรับ นอกจากนี้ จี้อวี๋ดูเหมือนจะรับเฉินซีเป็นศิษย์สืบทอดมรดกของอาจารย์ของเขาในใจแล้ว

สำหรับคนอื่น ๆ ที่เข้ามาในเคหาบ่มเพาะ ส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการยอมรับจากเขา และแม้ว่าจะผ่านบททดสอบทั้งสิบแปดระดับของบททดสอบแห่งสรวงสวรรค์ ก็ไม่เคยมีใครสักคนที่ประสบความสำเร็จ

เวลาผ่านไปไวเสมือนดาวตกบนฟากฟ้า และอีกสองปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว

ในวันนี้ หลังจากที่เฉินซีตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ เขาก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะจารึกโครงสร้างอักขระยันต์อย่างเคย แต่เขากลับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อพักฟื้นร่างกายและจิตใจของเขาอย่างสงบเงียบ

เนื่องจากยันต์เทวะพฤกษาครามเหลือเพียงโครงสร้างอักขระยันต์สุดท้ายเท่านั้นและยังเป็นโครงสร้างอักขระยันต์ที่ยากที่สุดอีกเช่นกัน เฉินซีจึงจำเป็นต้องจารึกอักขระยันต์ถึงหนึ่งร้อยแปดตัวให้เสร็จสิ้นทันทีเพื่อสร้างโครงสร้างอักขระยันต์ใหม่ขึ้นมา หลังจากนั้นมันจะทำงานร่วมกับโครงสร้างอักขระยันต์อื่น ๆ เพื่อหลอมรวมเข้ากับยันต์เทวะทั้งหมดได้อย่างไร้ที่ติ เมื่อถึงจุดนี้ ยันต์เทวะพฤกษาครามก็จะเสร็จสมบูรณ์

แต่การจารึกอักขระยันต์ทั้งร้อยแปดตัวให้เสร็จในทันทีนั้น มีข้อกำหนดที่เข้มงวดอย่างยิ่งต่อญาณสัมผัสและปราณแท้ของเฉินซี เพราะจิตสัมผัสเทพของเขาจะต้องกำหนดเส้นทางของอักขระยันต์ทั้งหนึ่งร้อยแปดตัวในทันที ในขณะที่ปราณแท้ของเขาต้องแบ่งออกเป็นหนึ่งร้อยแปดส่วนเท่า ๆ กัน เพื่อใช้มันในการวาดอักขระยันต์ในเวลาเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และความยากของมันก็อยู่ที่การทำมันให้เสร็จในพริบตาเดียว หากเกิดความผิดพลาดในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ยันต์เทวะก็จะพังทลายลง และสิ่งที่เขาทุ่มเทมาตลอดห้าปีก็จะสูญเปล่า!

“เจ้าอยากพักผ่อนสักสองสามวันไหม” ทันใดนั้น จี้อวี๋ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างของเฉินซี สายตาของเขากวาดไปที่แก่นศัสตรา ราวกับเขาเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเฉินซีแล้ว

“ไม่จำเป็นขอรับ ตอนนี้ข้าอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดแล้ว สิ่งเดียวที่ข้าต้องทำคือปลดปล่อยทุกสิ่งออกมาในช่วงเวลานี้” เฉินซีส่ายศีรษะขณะที่เขากล่าว

จี้อวี๋สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความสงบของจิตใจของเฉินซีนั้นไกลเกินกว่าที่เขาคาดคิด ราวกับเขามีแผนการอยู่ในใจและทุกสิ่งได้อยู่ในควบคุมของเขาแล้ว อีกทั้งความสงบของเขาก็เผยให้เห็นถึงความมั่นใจที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก

จี้อวี๋ไม่ได้แนะนำเฉินซีอีกต่อไป และยืนอยู่ที่ด้านข้างโดยเอามือไพล่หลังไว้ ในขณะที่เขารอให้เฉินซีทำขั้นตอนสุดท้ายให้เสร็จสิ้น

หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ เฉินซีก็นั่งขัดสมาธิบนพื้นอีกครั้งด้วยท่าทางผ่อนคลายและสงบนิ่ง ดวงตาของเขาใสกระจ่างและลึกล้ำราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ในขณะที่จิตสัมผัสเทพและปราณแท้ของเขา ถูกเปลี่ยนเป็นเส้นปราณนับร้อยแปดเส้นที่ละเอียดเหมือนเส้นผม ก่อนที่มันจะยืดเข้าไปในพื้นที่ภายในแก่นศัสตรา

ในขณะนี้ พื้นที่นั้นไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป แต่ถูกปกคลุมด้วยลวดลายอักขระยันต์อย่างหนาแน่นราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แสงสีฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมอกไหลออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และดูเหมือนเป็นสีฟ้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมีชีวิตชีวา มีเพียงส่วนท้ายของลวดลายเท่านั้นที่ยังมีร่องรอยของความว่างเปล่าเหลืออยู่ ซึ่งยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า และทำให้ลวดลายทั้งหมดไม่สมบูรณ์เล็กน้อย

ฟิ้ว!

เส้นปราณแท้นับร้อยแปดเส้นและจิตสัมผัสเทพนั้น ดูเหมือนกับหนวดที่ว่องไวจำนวนนับไม่ถ้วนของปลาหมึกยักษ์ ทันทีที่พวกมันปรากฏตัวในพื้นที่นี้ พวกมันแทบไม่ลังเลเลยที่จะทะยานไปตามเส้นทางที่ดูเหมือนจะถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว และเจาะเข้าไปในพื้นที่ที่ว่างเปล่าในส่วนท้ายของลวดลาย

ฉากนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเลย

โอม!

ภายในพื้นที่ทั้งหมด ลวดลายอักขระยันต์ที่หนาแน่นราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าเจิดจ้าและเปล่งประกายราวกับน้ำตก ในขณะที่ลวดลายอักขระยันต์สั่นไหว ดูเหมือนว่าพื้นผิวมหาสมุทรที่เงียบงันได้พุ่งขึ้นอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้น ดวงวิญญาณก็ปรากฏขึ้นบนแก่นศัสตราสีดำสนิท และมันก็เหมือนกับหุ่นเชิดไม้ที่มีวิญญาณอยู่ภายใน ทำให้มันส่งเสียงดังอย่างชัดเจนและไพเราะ

เห็นได้ชัดว่า การจารึกยันต์เทวะพฤกษาครามนั้นประสบความสำเร็จแล้ว!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท