บทที่ 286 การพลิกผันที่ไม่มีที่สิ้นสุด
บทที่ 286 การพลิกผันที่ไม่มีที่สิ้นสุด
การประมูลที่หอขุมทรัพย์สวรรค์จัดขึ้นในครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนและมันได้รวบรวมสมบัติล้ำค่าไว้อย่างมากมาย
หลังจากที่เฉินซีซื้อกระบองหนามระดับปฐพีขั้นสุดยอด สมบัติอีกชิ้นหนึ่งก็กำลังถูกประมูลอยู่ที่ด้านล่าง มันเป็นวัตถุปรับแต่งอุปกรณ์ที่หายาก ซึ่งถูกปกคลุมด้วยสายฟ้าสีแดงเพลิงที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อสายฟ้าสว่างวูบวาบ และมันก็ได้ปลดปล่อยพลังทำลายล้างที่รุนแรงออกมา
เหล็กประกายอัสนีนภาชาด!
ทุกคนที่อยู่ในงานประมูลต่างก็แทบหยุดหายใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ มันเป็นวัตถุปรับแต่งอุปกรณ์ที่รวบรวมคุณลักษณะของไฟ ดิน และสายฟ้า ซึ่งหายากเป็นอย่างมาก เมื่อมันถูกใช้ในการปรับแต่งสมบัติวิเศษคุณภาพของสมบัติวิเศษจะอยู่ในระดับปฐพีขั้นสุดยอดเป็นอย่างน้อย
เฉินซีไม่ได้คิดที่จะซื้อมัน เนื่องจากประการแรก มันไม่มีประโยชน์สำหรับเขา และประการที่สอง ราคาของมันน่าตกตะลึงเกินไป เพียงเปิดเสนอราคาขั้นต่ำก็เท่ากับโอสถกลั่นแรกเริ่มแปดหมื่นเม็ด อีกทั้งยังมากกว่าราคาเสนอขั้นต่ำของกระบองหนามก่อนหน้านี้ถึงสามหมื่นเม็ด แต่ต่ำกว่าเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามที่เป็นวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าเพียงเล็กน้อย
มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการถึงความดุเดือดของการแข่งขัน ส่วนราคาสุดท้ายของมันก็อยู่ที่ห้าแสนเม็ดหรือสูงกว่านั้น
แน่นอนว่า หลังจากจบการประมูล หลินโม่เซวียนแห่งนิกายสวรรค์ปฐพีได้ซื้อไปในราคาหกแสนสามหมื่นโอสถกลั่นแรกเริ่ม
แต่สิ่งที่น่าสนใจในระหว่างการประมูลก็คือ ซูเจี้ยนคงได้เสนอราคาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเหล็กประกายอัสนีนภาชาดที่แต่เดิมควรมีราคาเพียงห้าแสนโอสถกลั่นแรกเริ่ม แต่เขาก็เสนอราคาเพิ่มขึ้นเป็นหกแสนสามหมื่นเม็ด ทำให้หลินโม่เซวียนที่นั่งอยู่ภายในห้องรับรองพิเศษ โกรธเกรี้ยวจนทุบจอกสุราในมืออย่างแรงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การประมูลหลังจากนั้นกลับไม่มีการเสนอราคาที่ดุเดือดอีก แต่จำนวนสมบัติก็มีมากมายมหาศาล เช่น มะเดื่อเก้าสี ผลึกโมราโลหิตหมื่นปี ดอกพวงไข่มุกโบราณ หินเงินดาราหลากสี ไม้เครามังกร นอกจากนี้ เฉินซียังพบกับวานรวิญญาณลายคราม ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่หยั่งถึงเต๋ารู้แจ้ง
วานรวิญญาณลายครามมีสีน้ำเงินเข้มและมีปีกคู่หนึ่งที่หลัง ผิวหนังและขนทั่วร่างของมันถูกอาบด้วยแสงสีฟ้า เสียงคำรามของมันราวกับฟ้าร้องและมีพลังที่น่าตกตะลึง ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วของมันก็รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด อีกทั้งมันยังเข้าใจเต๋ารู้แจ้งลมสลาตันอย่างถ่องแท้ ซึ่งเผยให้เห็นถึงความฉลาดที่ไม่ธรรมดา
แต่สิ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษคือความแข็งแกร่งของมันได้บรรลุถึงขอบเขตแกนทองคำหยินหยางอย่างชัดเจน แต่มันกลับไม่ได้แสดงสัญญาณของการกลายร่างเป็นมนุษย์เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันมีสายเลือดอันสูงส่งและศักยภาพที่ไร้ขอบเขต ดังนั้นการใช้สัตว์วิญญาณเช่นนี้เพื่อเฝ้าบ้านหรือรับใช้จึงล้วนเป็นตัวเลือกที่ดี
สัตว์ร้ายตัวนี้ถูกซื้อโดยผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติที่ยิ่งใหญ่ด้วยโอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งล้านเม็ด
สรุปแล้ว การประมูลที่จัดขึ้นโดยหอขุมทรัพย์สวรรค์ครั้งนี้ครอบคลุมสมบัติหายาก สัตว์แปลกประหลาด สมบัติวิเศษ วัสดุ เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ โอสถวิญญาณ… พวกมันทยอยโผล่ออกมาราวกับลำธารที่ไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนี้พวกมันยังมีคุณภาพที่ไม่ธรรมดา ดังนั้น แม้แต่เฉินซีก็ยังตื่นตากับภาพที่เห็น และอดใจไม่ไหวที่จะซื้อพวกมันทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น เขาเพียงเฝ้ารอการปรากฏตัวของโอสถกำจายล้ำอย่างเงียบ ๆ
อันที่จริง ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนคิดเช่นเดียวกับเฉินซีและพวกเขากำลังรอโอสถนี้ การบ่มเพาะของคนเหล่านี้ล้วนวนเวียนอยู่ที่ขอบเขตเคหาทองคำขั้นสมบูรณ์ และพวกเขาล้วนต้องการได้โอสถนี้ เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการบรรลุสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง
ทันใดนั้น ความโกลาหลก็แพร่กระจายไปทั่วโรงประมูล และกลายเป็นว่า ในที่สุดโอสถกำจายล้ำที่ทุกคนคาดหวังก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว
โอสถนี้ไม่ได้ถูกคลุมด้วยผ้าใด ๆ ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน มันมีขนาดประมาณกำปั้นของทารก บนพื้นผิวของมันปกคลุมด้วยเงาสลัวสีฟ้าระยิบระยับและโปร่งแสงเหมือนน้ำพุใสกระจ่าง และใคร ๆ ก็สามารถเห็นเส้นแสงสีขาวที่หลั่งไหลออกมาเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนลูกอ๊อดที่กะพริบอยู่ข้างในและสร้างอักขระยันต์ที่ลึกซึ้งจำนวนนับไม่ถ้วนไว้ในนั้น
เมื่อมองจากระยะไกล โอสถนี้เปรียบเสมือนศูนย์กลางของมหาสมุทร กลิ่นอายที่บริสุทธิ์และกว้างใหญ่ไพศาลถูกปลดปล่อยออกมาจากมัน ทำให้จิตวิญญาณของผู้คนรู้สึกสดชื่นและกระตุ้นความปรารถนาที่จะครอบครองมัน
‘ช่างเป็นโอสถที่ทรงพลังจริง ๆ!!’ เฉินซีรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจของเขา ในขณะที่เขามองเห็นได้อย่างคลุมเครือว่า โอสถนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีชีวิตและเต็มไปด้วยสติปัญญา เพียงแค่กลิ่นอายของมันก็สามารถทำให้ประตูชีวิตภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาสั่นสะท้าน ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงลมหวีดหวิวดังขึ้นอย่างกะทันหันและอากาศที่ลุกเป็นไฟก็ขดตัวอยู่รอบ ๆ และมันก็เกือบจะกระตุ้นบททดสอบแห่งลมและไฟของเขา!
“โอสถนี้จัดอยู่ในโอสถวิญญาณระดับปฐพี นอกจากนี้ มันยังเป็นโอสถวิญญาณที่ล้ำค่า ซึ่งมีสรรพคุณที่มหัศจรรย์อย่างไร้ขอบเขต มันถูกกลั่นมาจากการรวบรวมปราณและโอสถวิญญาณที่หายากอีกนับร้อยชนิด และการกลั่นแต่ละครั้งจะได้เพียงโอสถเท่านั้น ทำให้มูลค่าของมันมหาศาลอย่างสุดขีด นอกจากนี้ ในโลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่งในปัจจุบัน มีเพียงจักรพรรดิซ่งองค์ปัจจุบันเท่านั้นที่สามารถกลั่นมันได้” ย่าชิงที่อยู่ใกล้เคียงอธิบาย
“เจ้าว่ากระไรนะ? จักรพรรดิซ่งหรือ?” เฉินซีตกใจและกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้ว คือจักรพรรดิซ่งองค์ปัจจุบัน เขาไม่ใช่แค่จักรพรรดิที่ควบคุมราชวงศ์เท่านั้น แต่เขายังเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นโอสถที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนอีกเช่นกัน!” ดวงตาที่ใสกระจ่างของย่าชิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพและท่าทีที่ตื่นเต้นก็เผยออกมาจากใบหน้าของนางเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางชื่นชอบจักรพรรดิซ่งองค์ปัจจุบันเป็นอย่างมาก
‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่ผู้คนกล่าวว่าเบื้องหลังของหอขุมทรัพย์สวรรค์นั้นมีเงาของราชวงศ์ซ่งอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริง เพราะหอขุมทรัพย์สวรรค์ได้รับโอสถกำจายล้ำมาจากจักรพรรดิซ่ง และทำการประมูลออกไปแล้ว ซึ่งมันก็ได้อธิบายทุกอย่าง แต่เนื่องจากโอสถนี้มีค่ามาก ราคาของมันจึงไม่ต่ำอย่างแน่นอน ข้าต้องดูว่าจะได้มันมาหรือไม่…’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ในใจ
แน่นอนว่า ตู้เฟยอวี่ซึ่งเป็นประธานในการประมูลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้นเป็นอย่างมาก “ข้าคิดว่า ไม่จำเป็นต้องอธิบายสรรพคุณของโอสถกำจายล้ำนี้ เพราะเท่าที่ข้าทราบมา สหายเต๋าส่วนใหญ่ที่อยู่ในตอนนี้อาจมาเพื่อโอสถนี้ ดังนั้นราคาเสนอเริ่มต้นของมันก็คือ โอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนห้าหมื่นเม็ด และทุก ๆ การเสนอราคาจะต้องอยู่ที่หนึ่งหมื่นเม็ดขึ้นไป!”
โอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนห้าหมื่นเม็ด!
อันที่จริง โอสถกลั่นแรกเริ่มเป็นโอสถวิญญาณระดับปฐพีเช่นกัน แต่จากราคาเสนอเริ่มต้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่สามารถเทียบได้กับโอสถกำจายล้ำ และมันแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
“หนึ่งแสนหกหมื่นเม็ด!” แม้ว่าราคาเสนอเริ่มต้นจะสูง แต่ก็ไม่สามารถหยุดความเร่าร้อนของผู้คนที่อยู่ตรงนั้นได้ และมีคนเสนอราคาทันทีที่ตู้เฟยอวี่กล่าวจบ
“หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นเม็ด!”
“หนึ่งแสนแปดหมื่นเม็ด!”
“หนึ่งแสนเก้าหมื่นเม็ด!”
…
เสียงของการเสนอราคาได้ดังขึ้นและลดลง แต่ผู้เสนอราคาเหล่านี้เป็นเพียงผู้บ่มเพาะที่อยู่บนที่นั่งธรรมดาและไม่มีใครจากห้องรับรองพิเศษที่เริ่มเสนอราคาแม้แต่คนเดียว บางทีพวกเขาอาจกำลังดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ และวางแผนที่จะดำเนินการในภายหลังเพื่อให้ได้มาในคราวเดียว
เมื่อเฉินซีสังเกตถึงสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ เนื่องจากโอสถกำจายล้ำนี้อาจจะตกไปอยู่ในมือของผู้บ่มเพาะในห้องรับรองพิเศษในที่สุด
“เจ็ดแสนเม็ด!” ตามที่คาดไว้ เมื่อการเสนอราคาจากที่นั่งธรรมดาลดน้อยลง ในที่สุด การเสนอราคาก็ดังออกมาจากห้องรับรองพิเศษ และมันได้เพิ่มราคาเป็นเจ็ดแสนเม็ดในคราวเดียว
ทันใดนั้น ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่บนที่นั่งธรรมดาล้วนแสดงสีหน้าผิดหวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากราคานี้ได้เกินความสามารถของพวกเขา นอกจากนี้ แม้ว่าพวกเขาจะขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ พวกเขาก็ยังไม่อาจสู้ราคาได้อยู่ดี
“เจ็ดแสนหนึ่งหมื่นเม็ด!” ภายในห้องรับรองพิเศษ ซูเจี้ยนคงซึ่งมีชื่อเสียงเสมือนกับดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงบนท้องฟ้า กล่าวออกมาอย่างเฉยเมย
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง และกล่าวออกไปว่า “การบ่มเพาะของคนผู้นี้อยู่ในขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้?”
“สรรพคุณของโอสถกำจายล้ำนั้นน่าอัศจรรย์มาก และมีนิกายเก่าแก่เพียงไม่กี่แห่งที่ครอบครองมัน ดังนั้นซูเจี้ยนคงอาจจะซื้อมันเป็นของขวัญ” ย่าชิงอธิบาย “ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น บุคคลที่น่าเกรงขามบางคนอาจจะเคลื่อนไหวในภายหลังเช่นกัน แม้พวกเขาจะไม่ได้ใช้เอง แต่ก็สามารถมอบเป็นของขวัญให้กับลูกหลานได้”
หัวใจของเฉินซีดิ่งวูบลง เนื่องจากการแข่งขันระหว่างคนรุ่นเดียวกันนั้นยังไม่น่ากังวล แต่ถ้ารวมผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความมั่งคั่งมหาศาลไว้ด้วย การที่เขาจะได้รับโอสถมาไว้ในครอบครองในวันนี้คงเป็นเรื่องยาก
“เจ็ดแสนสองหมื่นเม็ด!” เสียงสูงวัยดังขึ้นช้า ๆ จากห้องรับรองพิเศษ และมันให้ความรู้สึกสูงศักดิ์เล็กน้อย นอกจากนี้ เพียงแค่ได้ยินเสียงเท่านั้น ก็ทำให้ผู้คนรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นมีตัวตนที่ไม่ธรรมดา
“เจ็ดแสนสามหมื่นเม็ด!” ในขณะนี้ ความสนใจของเฉินซีก็ถูกกระตุ้นเช่นกัน และเขาได้ลองเสนอราคา แต่เขากลับไม่เคยคาดคิดเลยว่าทันทีที่เขากล่าวจบ เสียงชราก็คำรามอย่างเย็นชาออกมา “เจ็ดแสนสี่หมื่นเม็ด!”
“สหายชราคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจท่าทีของเขา และเสียงคำรามของเขาก็เต็มไปด้วยเจตนาคุกคามเช่นกัน” เฉินซีลูบจมูกของเขา แต่ในใจของเขากลับไม่คิดเช่นนั้น
ย่าชิงปิดปากของนางและหัวเราะคิกคัก “สหายชราคนนี้ แท้จริงแล้วคือ ตาเฒ่าสกปรก และชื่อของเขาคือฉีเหลิ่งสุ่ย เขาเป็นผู้บ่มเพาะอิสระที่มีฐานการบ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองเฟิงเย่ อีกทั้งยังมีนิสัยแปลกประหลาดและชอบดูถูกคนอื่นเพียงเพราะตัวเองอายุมากและคิดว่าตัวเองสูงส่ง ดังนั้นเขาจะไม่เคลื่อนไหวต่อต้านท่าน”
เฉินซีหัวเราะอย่างขมขื่น “เขารังเกียจที่จะเคลื่อนไหวต่อต้านข้าหรือ?”
ย่าชิงกะพริบตา “ถ้าท่านจะคิดเช่นนี้ ข้าก็คงทำอะไรไม่ได้”
“เจ็ดแสนห้าหมื่นเม็ด!” ในขณะนี้ เสียงทุ้มหนักและชัดเจนดังออกมาจากห้องรับรองพิเศษของซือคงเหิน กลายเป็นว่ามีชายวัยกลางคนที่มีท่าทางสง่างามเป็นอย่างมากและดุร้ายราวกับพยัคฆ์ปรากฏตัวขึ้นในห้องนั้น เขานั่งตัวตรงอยู่ตรงกลาง และยังปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่กระตุ้นให้ผู้คนรู้สึกราวกับพวกเขาทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขาเท่านั้น
สองพี่น้อง ซือคงเหินและซือคงฮวากำลังยืนอยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนด้วยความเคารพ และพวกเขาก็ไม่มีความกดดันเลยสักนิด
“นั่นมันผู้นำตระกูลซือคง ซือคงเสี่ยวอวิ๋นนี่!”
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าผู้มีฐานะเช่นเขา จะเข้าร่วมการประมูลด้วย!”
“มันจบแล้ว โอสถกำจายล้ำจะตกอยู่ในมือของตระกูลซือคงอย่างแน่นอนในครั้งนี้”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ บรรยากาศของการประมูลได้กลายเป็นความโกลาหลในทันที และทุกคนต่างก็สนทนากันอย่างมีชีวิตชีวา การปรากฏตัวของซือคงเสี่ยวอวิ๋นก่อให้เกิดความปั่นป่วน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอำนาจและอิทธิพลของเขาในเมืองเฟิงเย่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด
ไม่ได้การ! เฉินซีขมวดคิ้ว ‘แค่ลูกหลานของมันก็รับมือได้ยากแล้ว ตอนนี้แม้แต่ตาเฒ่าก็มาถึงเช่นกัน เกรงว่าความหวังที่ข้าจะได้รับยาโอสถกำจายล้ำในครั้งนี้ คงจะน้อยเป็นอย่างยิ่ง’
“ฮวาเอ๋อร์จงจัดการกับส่วนที่เหลือด้วยตัวของเจ้าเอง ข้าเชื่อว่าด้วยความเคารพแก่ข้า จะไม่มีผู้ใดกล้าแย่งชิงโอสถนี้กับเจ้า เจ้าต้องบ่มเพาะอย่างเหมาะสมและอย่าทำให้ข้าต้องผิดหวัง เอาล่ะ ข้ามีเรื่องต้องจัดการ งั้นข้าไปก่อนนะ” ซือคงเสี่ยวอวิ๋นยืนขึ้นและตบไหล่ซือคงฮวา ก่อนที่จะพยักหน้าให้ซือคงเหินผู้เป็นลูกชายคนโต จากนั้นเขาก็หันหลังและจากไป เขามาอย่างเร่งรีบและจากไปอย่างเร่งรีบอย่างแท้จริง
“ฮ่า ๆๆ… แสดงให้ข้าดูหน่อยสิว่าผู้ใดจะกล้าแข่งขันกับข้า ตอนนี้ข้าได้รับการสนับสนุนจากท่านพ่อแล้ว ฮ่า ๆๆ!” ซือคงฮวาร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ฮึ่ม!” ซือคงเหินส่งเสียงคำรามอย่างเย็นชาแทน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจอย่างมากกับการจัดการของพ่อของเขา เท่าที่เขากังวล หากเขาได้รับการสนับสนุนจากพ่อในการประมูลกระบองหนามก่อนหน้านี้ เขาจะต้องได้รับสมบัตินั้นอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้ได้กลายคำพูดลอย ๆ เท่านั้น
“ท่านพี่ ท่านไม่ต้องกังวลไป เมื่อข้าได้รับโอสถกำจายล้ำ ข้าจะไปฆ่าเด็กคนนั้นพร้อมกับเจ้าและยึดสมบัติวิเศษกระบองหนามกลับคืนมา!” ดวงตาของซือคงฮวากลอกไปมาขณะที่กล่าวอย่างเร่งรีบ
“หึ เจ้าจะช่วยอะไรได้บ้าง? เจ้าควรจะกินโอสถและรีบบ่มเพาะ จากนั้นพยายามบรรลุสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และด้วยวิธีนี้เท่านั้น ที่เจ้าจะไม่ทำให้ความทุ่มเทของท่านพ่อต้องสูญเปล่า” ซือคงเหินกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว แต่เสียงของเขาก็สงบเป็นอย่างมาก
แท้จริงแล้ว มันก็เหมือนกับที่ซือคงเสี่ยวอวิ๋นกล่าวก่อนจากไป ด้วยความเคารพต่อเขา ผู้บ่มเพาะที่อยู่ในตอนนี้จึงไม่กล้าที่จะเสนอราคา
“เจ็ดแสนห้าหมื่นเม็ด มีผู้ใดอยากเสนอราคาเพิ่มอีกหรือไม่?” บนเวทีประมูล ตู้เฟยอวี่มองไปรอบ ๆ ขณะที่เขาถามอย่างอ่อนแรง การปรากฏตัวของซือคงเสี่ยวอวิ๋น ทำให้สมบัติที่แต่เดิมควรขายได้ในราคามหาศาล กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าประมูล และเขาก็รู้สึกอึดอัดในใจอย่างมากเช่นกัน
ผู้คนต่างก็มองหน้ากันและกัน แต่กลับไม่มีใครกล้าเสนอราคา
เมื่อโอสถกำจายล้ำกำลังจะตกไปอยู่ในมือของซือคงฮวา เสียงของซูเจี้ยนคงแห่งนิกายสวรรค์ปฐพีก็ดังขึ้นทันที “เจ็ดแสนหกหมื่นเม็ด!”
จิตวิญญาณของทุกคนรวมถึงตู้เฟยอวี่ที่อยู่บนแท่นประมูลต่างก็พลุ่งพล่าน และในใจของเขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากเอ่ยถามว่า จะมีกองกำลังใดในเมืองเฟิงเย่ที่สามารถเพิกเฉยต่ออำนาจของตระกูลซือคงได้ ก็จะมีเพียงนิกายสวรรค์ปฐพีที่เป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของเมืองเฟิงเย่เท่านั้น
ในฐานะผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางที่โดดเด่นที่สุดของนิกายสวรรค์ปฐพี เมื่อซูเจี้ยนคงทำการเสนอราคาในขณะนี้ เขาจึงมีคุณสมบัติที่จะเพิกเฉยต่อการคุกคามของตระกูลซือคง
“เก้าแสนเม็ด!” ซือคงฮวาดุร้ายยิ่งกว่าซือคงเหินผู้เป็นพี่ชายของเขา และเขาเพิ่มราคาถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นเม็ดในครั้งเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่า หลังจากที่เขาพบว่า ตนเองไม่สามารถคุกคามซูเจี้ยนคงด้วยพลังของตระกูลซือคงได้ เขาก็ตั้งใจที่จะใช้ความมั่งคั่งเพื่อบดขยี้อีกฝ่ายแทน
“โอ้ เดิมทีข้าไม่ได้ตั้งใจจะซื้อสมบัตินี้ ดังนั้นเหตุใดข้าถึงไม่ยอมให้เจ้าล่ะ? ถึงแม้มันอาจทำให้ตระกูลซือคงต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งแสนสี่หมื่นเม็ด แต่นั้นก็ถือได้ว่าเป็นการมอบบทเรียนให้แก่พวกเจ้าทุกคนที่จะตระหนักได้ว่า เมืองเฟิงเย่ไม่ได้เป็นของตระกูลซือคงของเจ้า!” เสียง ที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและความอวดดีของซูเจี้ยนคงดังก้องอยู่ในพื้นที่ประมูล
“บัดซบ! มันทำเกินไปแล้ว!” ซือคงฮวารู้สึกเสียใจอย่างมาก หากเขารู้ตัวเร็วกว่านี้ เขาจะเสนอราคาที่สูงขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะสูญเสียโอสถกลั่นแรกเริ่มไปหนึ่งแสนสี่หมื่นเม็ด เขายังถูกทำให้สูญเสียโดยซูเจี้ยนคง แม้ว่าเขาจะมั่นใจในการได้รับโอสถกำจายล้ำอย่างเต็มที่ แต่ความรู้สึกเช่นนี้ก็น่าชิงชังเสียจริง ๆ
“เก้าแสนห้าหมื่นเม็ด!” อย่างไรก็ตาม เมื่อซือคงฮวาคิดว่าทุกอย่างได้จบลงแล้ว การเสนอราคาอีกครั้งก็ดังขึ้นอย่างไม่เร่งรีบ และดูเหมือนจะสั่นสะเทือนหูเป็นอย่างมาก
‘ผู้ใดกัน!?’
‘ผู้ใดกล้ามาก่อกวนสร้างความวุ่นวาย?’
ซือคงฮวาระเบิดความเกรี้ยวกราดและโกรธจนกัดฟันแน่น ทำให้เขามีสีหน้าอำมหิตและไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่ากลืนกินคนผู้นั้น