สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด – บทที่ 3 ตอนที่ 27-1 ช่องว่างระหว่างอดีตและปัจจุบัน
บทที่ 27-1 ช่องว่างระหว่างอดีตและปัจจุบัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
สี่สิบห้าปีก่อน ซะไก ทัตสึโอะหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านหลี่ว์ แต่ทุกวินาทีกลับวางแผนให้กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นฟื้นคืนอำนาจมาอีกครั้ง ดังนั้นก็เลยเก็บรักษาเชื้อไวรัสที่เอาออกมาจากห้องทดลองไว้ รอคอยวันที่จะเอาคืน
แต่ว่าเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ซะไก ทัตสึโอะรู้ดีว่าวันที่ใฝ่ฝันถึงคงไม่มีวันเกิดขึ้น เขาเคยคิดจะคว้านท้อง แต่ในที่สุดเขาก็ไม่กล้าใช้ดาบแทงไปที่ท้องตนเอง เอาแต่พูดปลอบตนเอง ‘วันนั้นจะต้องมาถึงแน่นอน’
เขาดูความโลภของหวงเหล่าเซียนกูคนนี้ออก ใช้ความรู้ที่เมื่อก่อนเคยเรียนในโรงเรียนการทหาร ช่วยให้ผู้หญิงคนนี้สร้างภาพว่าเป็นร่างทรงในหมู่บ้านหลี่ว์ ตอนแรกก็แค่ปั่นหัวคนในหมู่บ้านชาวประมงหลี่ว์ ต่อมาก็ค่อยๆ ล้างสมองคนพวกนี้ช้าๆ
“เหอะ! เพื่อให้ยายแก่นั่นกลายเป็นร่างทรง แกก็เลยแอบวางแผนแพร่เชื้อไวรัสของโรคที่ตนเอาออกมาด้วยอย่างลับๆ สร้างตำนานเทพเจ้าทะเลลวงโลกขึ้นมา และเซ่นบูชาด้วยคนทั้งเป็น! หลังจากเซ่นด้วยคนทั้งเป็น แน่นอนว่าเป็นแค่ปัจจัยส่งเสริม เพราะของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แกควบคุมไว้! ถ้าแกวางมือก็ไม่มีใครได้รับเชื้อแล้ว!”
อาเป่ากง…ซะไก ทัตสึโอะเผชิญหน้ากับการประณามของหลี่ว์ไห่ก็ได้แต่นิ่งเงียบ ผู้คนมองรอยสักของเขา ไม่อยากจะเชื่อ…และไม่เชื่อไม่ได้แล้ว
“คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้…ตอนนั้น ตอนนั้นพวกเราทำอะไรลงไปกันแน่! เวรกรรม! เวรกรรม! เวรกรรม…เวรกรรมจริงๆ!”
คนชราหลายคนเริ่มปิดหน้าร้องห่มร้องไห้
พวกเขาไม่กล้ามองหลี่ว์ไห่ ไม่กล้ามองหลี่ว์อีอวิ๋น ไม่กล้าเผชิญหน้าคนที่นี่ สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดก็แค่คุกเข่าบนพื้นแล้วหันโขกหัวไปทางหลี่ว์ไห่ เสียใจร้องห่มร้องไห้
“หลี่ว์ไห่เอ๊ย! พวกเราทำผิดต่อครอบครัวพวกแก พวกเราสมควรตาย! แกจะฆ่าก็ฆ่าคนแก่อย่างพวกเราเถอะ! ขอร้องแกล่ะ ปล่อยลูกหลานพวกนั้นไปเถอะนะ! บาปกรรมพวกนี้ไม่ได้ติดตัวพวกเขาเลย! พวกเขายังเด็ก ยังมีอนาคตนะ!”
“ขอโทษนะ!”
“พวกเราสมควรตาย!”
“หลี่ว์ไห่…แกปล่อยพวกเขาเถอะ! ขอร้องแกล่ะ!”
หลี่ว์ไห่มองคนพวกนี้ ยิ้มอย่างเศร้าสร้อยพลางพูดว่า “พวกเขายังเด็ก พวกเขายังมีอนาคต? ตอนนั้น ตอนนั้นฉันก็เคยร้องไห้ ฉันก็เคยคุกเข่า ฉันคุกเข่ากราบตลอดทางขึ้นไปตั้งแต่ตีนเขาผาฟังเสียงคลื่น ฉันร้องไห้จนคอแหบคอแห้ง ฉันก็คุกเข่าแบบนั้นต่อหน้าพวกแก โขกหัวคำนับให้ทุกคน พวกแก…เคยปล่อยฉันไปไหม เคยปล่อยแม่ฉันไหม?”
พวกคนชราไม่ได้พูดอะไร เอาแต่โขกหัวคำนับไม่หยุด เด็กหนุ่ม ชายหนุ่มวัยกลางคนพวกนั้นที่อยู่ข้างหลังพวกเขา ก็พากันก้มหัวเหมือนกัน
ในหมู่บ้านหลี่ว์นี้ มีบ้านไหนกล้าบอกว่าไม่เคยวิจารณ์ครอบครัวของหลี่ว์ไห่ลับหลังบ้าง? คนทั่วทั้งหมู่บ้านต่างไม่ชื่นชอบครอบครัวนี้จนชินหูชินตาไปแล้ว หลายปีมานี้หวนนึกขึ้นมา…พวกเขาเคยเรียกชายร่วมหมู่บ้านเดียวกันแซ่เดียวกันว่าพี่น้องสักคำ หรือเรียกอาสักคำไหม?
ไม่มี…ไม่มีเลย
หลี่ว์ไห่พลันโมโหเดือดดาลชี้ไปที่ซะไก ทัตสึโอะ “ทั้งหมดเป็นเพราะแกก่อเรื่องขึ้นมา! ไอ้แก่เดรัจฉาน แกยังกล้าอยู่อย่างมีความสุขได้ยังไงกัน!”
เวลานี้ซะไก ทัตสึโอะกลับสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด หลังจากชายชราคนนี้ถอดเสื้อคลุมของอาเป่ากงออกไปแล้ว เหมือนว่าจะกลับไปเป็นตัวตนในตอนนั้นบ้างแล้ว “หลี่ว์ไห่ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ใช่แล้ว ฉันเองที่ปั่นหัวคนในหมู่บ้านนี้ แล้วมันยังไงล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแกนี่โง่เง่าไม่รู้เรื่องเอง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแกเห็นแก่ตัวเห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเอง ฉันจะทำได้มากมายขนาดนี้เหรอ? ในใจพวกแกไม่มีปีศาจ แล้วความระแวงและความไม่ไว้วางใจมาจากไหน ความป่าเถื่อนมาจากไหนกัน? ฮาๆ! แต่ว่า หลี่ว์ไห่ แกอย่าคิดว่าแกแสดงตัวแล้ว…”
ฉับพลันนั้นเอง หลี่ว์ไห่ก็ซัดหมัดไปที่หน้าซะไก ทัตสึโอะอีกครั้ง
ตำแหน่งที่เล็งไปก็คือปากของซะไก ทัตสึโอะ นี่เป็นหมัดที่เหวี่ยงเต็มแรง และด้วยสุขภาพร่างกายที่ชราภาพแล้ว พอเจอหมัดนี้ซัดไป ซะไก ทัตสึโอะก็เหมือนฟันจะร่วงเกลี้ยงปาก
แต่หลี่ว์ไห่ก็ยังไม่หายแค้น กดตัวซะไก ทัตสึโอะไว้ แล้วก็ซัดไปที่หน้าอีกฝ่ายทีละหมัดทีละหมัด
หนึ่งหมัด สองหมัด สามหมัด…จนกระทั่งหม่าโฮ่วเต๋อให้คนมาหยุดหลี่ว์ไห่!
“เซอร์หม่า ผู้เฒ่าคนนี้สลบไปแล้วครับ”
หม่าโฮ่วเต๋อพยักหน้า เขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ได้ว่ามันผิดปกติตรงไหน…แต่ไม่ว่าจะเป็นหลี่ว์เฉาเซิงหรือซะไก ทัตสึโอะต่างก็ยอมรับเรื่องในตอนนั้นแล้ว นั่นเหมือนว่าไม่มีอะไรน่าพูดถึงแล้ว หลี่ว์ไห่ซึ่งยังแค้นใจเรื่องในตอนนั้นอยู่ เขาล่วงรู้ความลับระหว่างหลี่ว์เฉาเซิงกับซะไก ทัตสึโอะ เลยใช้สิ่งนี้มาบังคับขู่ให้ทำตามความต้องการของตน หลังจากนั้นจะได้แก้แค้นคนทั้งหมู่บ้าน…เหตุผลแบบนี้ก็ฟังขึ้นมากพอ
“หลี่ว์ไห่ คนสมควรตายอย่างคุณ!” ไม่นึกว่าเวลานี้หลัวอ้ายอวี้กลับพูดด้วยความเกลียดชัง “คุณจะแก้แค้นเจ้าพวกงี่เง่านี้ก็เอาเลยสิ! แต่ฉันกลับเกือบถูกโยนลงหน้าผาไปด้วย! อยู่กินกันมาหลายปี ฉันทำผิดอะไรกับคุณ! นึกไม่ถึงว่าคุณจะทำกับฉันแบบนี้! คุณนี่มันเศษสวะ!!”
“ฉันมันเป็นเศษสวะและก็ไม่ใช่คนดีอะไร! นับตั้งแต่เธอแต่งงานเข้ามา มีวันไหนที่เธอทำตัวให้เป็นเมียฉันบ้าง? ฉันทนกับนิสัยแย่ๆ น่ารังเกียจแบบนั้นของเธอมานานมากพอแล้ว ไหนจะทั้งตีทั้งด่าคนในบ้านฉันอีก ฉันทนเธอมามากพอแล้ว! ไม่นึกเลยว่าคนพวกนี้จะไม่ได้โยนเธอลงไป ความโชคดีที่สะสมมาสิบชาติเธอคงได้ใช้มันจริงๆ แล้ววันนี้!!”
“คุณ คุณ…คุณ!!” หลัวอ้ายอวี้โมโหจนหายใจหอบ พูดอย่างเดือดดาลว่า “คุณตำรวจคะ คุณก็เห็นแล้วว่าเจ้าหมอนี่วางแผนฆ่าใช่ไหมคะ? จับเขาเลยค่ะ!! จับไปยิงประหารได้ยิ่งดี!!”
“ผมจะจัดการยังไง ไม่ต้องให้คุณมาสอนหรอก!” หม่าโฮ่วเต๋อหัวเราะเยาะในลำคอและบอกว่า “คุณหรือผม ใครเป็นตำรวจกันแน่?”
แทบจะในเวลาเดียวกัน หลี่ว์เฉาเซิงกลับมองหลี่ว์ไห่ พูดอย่างวิงวอน “พี่ใหญ่หลี่ว์ ผมรับปากคุณแล้ว พูดเรื่องทั้งหมดออกมาแล้ว…คุณ คุณรีบเอายาต้านไวรัสออกมาสิ”
มียาต้านไวรัส!
มียาต้านไวรัส!
ทุกคนต่างมองมาที่หลี่ว์ไห่
เวลานี้หลี่ว์เฉาเซิงก็คำนับ เอาหัวแตะพื้นบอกว่า “พี่หลี่ว์ ผมรู้ว่าผมสมควรตาย ผมมันโลภมาก ผมมันไม่ดี…หลังจากผมกลับมา ซะไก ทัตสึโอะก็เล่าเรื่องตอนนั้นให้ผมฟัง ผมไม่ได้รีบเปิดโปงความผิด แต่กลับแสวงหาความร่ำรวย ช่วยเขาวิจัยเชื้อไวรัสของโรคชนิดนี้ต่อไป…แต่ แต่ว่ายาต้านไวรัสเป็นสิ่งที่ผมบังเอิญวิจัยได้ ผลิตใหม่ไม่ได้อีกแล้ว คุณ คุณคืนให้ผมได้ไหม!”
หม่าโฮ่วเต๋อมองดูการอ้อนวอนของหลี่ว์เฉาเซิง ก่อนพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “หลี่ว์ไห่ ในเมื่อคุณยอมมอบตัว ในเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ก็เอายาต้านไวรัสออกมา! ผมรู้ว่าคุณโกรธแค้น แต่วัยรุ่นพวกนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์! ถึงแม้จะเป็นผู้สูงอายุพวกนี้ก็ควรใช้กฎหมายมาลงโทษพวกเขา! คุณอย่าทำผิดถลำลึกไปกว่านี้เลย…อีกอย่างคุณลองนึกถึงลูกสาวของคุณ หรือคุณอยากเธอใช้ชีวิตต่อไปด้วยการแบกรับชื่อว่าพ่อของตัวเองเป็นปีศาจคลั่งฆ่าคนไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?”
หลี่ว์ไห่ขยับริมฝีปาก ราวกับว่ากำลังต่อสู้กับตนเอง
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้นมา นานทีเดียว เขาก็ค่อยๆ หันกลับมามองหลี่ว์อีอวิ๋น
สาวน้อยไม่รู้ว่าน้ำตาบนใบหน้าไหลออกมาเป็นสายตั้งแต่เมื่อไหร่
หลี่ว์ไห่ยิ้มเล็กน้อยบอกว่า “อีอวิ๋น พ่อซ่อนของไว้ในที่ซ่อนเหล้าประจำ ลูกไปเอาออกมาสิ…คุณตำรวจคนนี้พูดถูก ที่ผิดคือพ่อเอง ไม่น่าให้ลูกมาเจอกับชื่อเสียงฉาวโฉ่เหมือนกัน อีกอย่าง ดูแลคุณปู่ให้ดีๆ ล่ะ”
“พ่อคะ…อย่าพูดแบบนี้สิ” หลี่ว์อีอวิ๋นส่ายหน้าไม่หยุด ร้องไห้เสียงดังออกมา
“ลูกจะไปไม่ไป!” หลี่ว์ไห่ถลึงตาจ้อง “พ่อจะเอาหัวโขกให้ตายตรงนี้แหละ!!”
ถลึงตากว้างราวกับจะกลืนลูกสาวตรงหน้าเขาอยู่แล้ว
หลี่ว์ไห่ตะเบ็งเสียงดังใส่อีก “ไป!!”
สาวน้อยก้มหน้า เอามือปิดปาก แล้วรีบก้าวเท้าวิ่งออกไปจากห้องอย่างว่องไว
…
ตอนที่หลี่ว์อีอวิ๋นกลับมาอีกครั้ง ในมือของสาวน้อยก็ถือหลอดทดลองยาวประมาณสิบห้าเซนติเมตรมาด้วย ในหลอดทดลองบรรจุของเหลวใสจำนวนหนึ่ง
สองมือหลี่ว์อีอวิ๋นถือเอาไว้ ก้มหน้า เดินก้าวเข้ามาทีละก้าวทีละก้าว
หลี่ว์ไห่ยื่นมือออกมา พูดเสียงเบาว่า “เอามาให้พ่อเถอะ”
ผู้คนยืดคอมองสิ่งที่อยู่ในมือสาวน้อยคนนี้ กลัวว่าเธอจะเผลอทำของตกลงบนพื้น ไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจแรงๆ
หลี่ว์อีอวิ๋นก้มหน้า
ก้มต่ำมากๆ แต่การก้าวเท้าของเธอหยุดก็ลงแล้ว เธอกอดหลอดทดลองไว้แนบแน่นที่อกตนเอง “พ่อ…ขอโทษนะคะ หนูเอาให้ไม่ได้”
“อีอวิ๋น เชื่อพ่อ!” หลี่ว์ไห่พูดเสียงเบาว่า “ลูกยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง อย่าเอาแต่ใจตัวเองนักเลย”
“จริงสิ ยายหนู เธอส่งยาต้านไวรัสมาเถอะ” หม่าโฮ่วเต๋อก็ช่วยพูดด้วยเช่นกัน “ถือโอกาสตอนยังไม่มีใครเสียชีวิต พ่อเธอถึงจะมีโทษ ก็เป็นโทษเบาได้เหมือนกัน ถ้าช้าไปล่ะก็ ผลลัพธ์ก็จะร้ายแรงมากเลยนะ!”
หลี่ว์อีอวิ๋นกลับส่ายหน้า ถอยหลังไปทีละก้าวทีละก้าว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า เธอมองหลี่ว์ไห่ เอาแต่ส่ายหน้าตลอด “ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่แบบนี้…ที่จริงไม่ใช่แบบนี้!”
“ลูกพูดบ้าอะไรน่ะ! ส่งยาต้านไวรัสมานี่!”
หลี่ว์ไห่ตะเบ็งเสียงด้วยความโมโหทันที สายตาก็เพ่งมองไปข้างหน้า คว้าไปที่หลอดทดลองในมือหลี่ว์อีอวิ๋น คาดไม่ถึงว่าหลี่ว์อีอวิ๋นกลับพูดว่า “อย่าเข้ามานะ! ไม่อย่างนั้นหนูจะเขวี้ยงมันลงพื้น!”
“อีอวิ๋น นี่ลูก…”
สาวน้อยพูดด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญว่า “พ่อคะ…หนูให้อภัยไม่ได้! หนูให้อภัยไม่ได้จริงๆ! หนูทำไม่ได้!! ได้โปรด ได้โปรดอย่ารับโทษแทนหนู”
“อีอวิ๋น ลูกอย่าพูดจาเหลวไหล! อย่าทำอะไรตามอารมณ์!”
“ไม่ใช่แบบนี้ ต้องไม่ใช่แบบนี้…” หลี่ว์อีอวิ๋นส่ายหน้า เธอออกแรงดึงจมูก สายตาเปี่ยมด้วยพลัง บนลำคอขาวสะอาดเกร็งจนเห่อแดง เธอมองคนในบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ ในแววตาเปี่ยมไปด้วยไฟแค้น
สาวน้อยยื่นมือชี้ออกมาทันที คนแรกที่ชี้ไปก็คือหลัวอ้ายอวี้ พูดอย่างร้ายกาจว่า “ก่อนอื่น! ผู้หญิงคนนี้ก็สมควรตาย!! พ่อคะ พ่อรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรลับหลังพ่อไว้บ้าง?”
“ลูก ลูกพูดอะไรน่ะ? แม่ไปทำอะไร!” หลัวอ้ายอวี้ขึ้นเสียงสูง
หลี่ว์อีอวิ๋นพูดอย่างเดือดดาล “อย่าคิดว่าหนูไม่รู้เรื่องสกปรกพวกนั้นของแม่กับหัวหน้าหมู่บ้าน! ทุกครั้งตอนที่แม่ออกจากบ้านไปซื้อของที่หมู่บ้าน ก็หลบไปมีความสุขกับหัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่เหรอ?!”
“แก แกพูดเหลวไหล!!”