บทที่ 385 การต่อสู้ที่ดุเดือด
บทที่ 385 การต่อสู้ที่ดุเดือด
เฉินซีและฟ่านอวิ๋นหลานยืนเคียงข้างกันอยู่ที่กลางอากาศ และกลุ่มเจ็ดคนของหวงฝู่ฉงหมิงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามพวกเขา
การเผชิญหน้าระหว่างยอดฝีมือสองต่อเจ็ดคน!
การต่อสู้จะปะทุขึ้นเมื่อใดก็ได้!
การเผชิญหน้าที่มีช่องว่างของความแข็งแกร่งเช่นนี้ ผู้ได้เห็นเหตุการณ์ล้วนคิดว่าเฉินซีกับฟ่านอวิ๋นหลานจะต้องอยู่ในฝ่ายเสียเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
“โม่เซวียน หลิงเอ๋อร์ เราสามคนจะจัดการกับเฉินซี ส่วนคนอื่น ๆ จะจัดการกับนังมารคนนั้น” หวงฝู่ฉงหมิงกล่าวผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็ว “จงจำไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องตรึงนังมารคนนั้นไว้ให้ได้ เพราะนางคือกุญแจสำคัญที่เราจะสามารถฆ่าเฉินซีได้หรือไม่!”
คนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“ฆ่า!” หวงฝู่ฉงหมิงตะโกนออกมาอย่างดุเดือด ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องจนเขย่าไปทั้งสวรรค์และโลก ในขณะที่เขาเปิดฉากการต่อสู้
เคร้ง!
ปราณกระบี่พุ่งทะลุท้องฟ้าขณะที่หลินโม่เซวียนเป็นคนเริ่มโจมตีก่อน กระบี่ที่คมกริบในมือของเขาเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ที่ปกคลุมฟ้าดินและระเบิดออกไป ปราณกระบี่ทุกเล่มแฝงด้วยพลังสีเหลืองเสมือนกับผืนดินที่หนักแน่น แข็งแกร่งและสูงส่ง และเมื่อตั้งใจมันดี ๆ แล้วก็จะเห็นปราณกระบี่จำนวนมากที่แฝงไปด้วยปราณฟ้าดิน
กระแสปราณฟ้าดินเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะบดขยี้เนินเขาได้ทั้งลูก!
ปราณกระบี่ที่หลินโม่เซวียนใช้ออกไปนั้นแฝงไปด้วยปราณฟ้าดินที่ทรงอานุภาพ ซึ่งสามารถเห็นได้ว่าหลินโม่เซวียนไม่ได้ประเมินเฉินซีต่ำไปแม้แต่น้อย เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีในการโจมตีครั้งนี้
“ไสหัวไปซะ!” ดวงตาของเฉินซีปลดปล่อยเจตนาฆ่าในขณะที่เขาตะโกนไปอย่างรุนแรงราวกับเสียงฟ้าร้อง และในขณะเดียวกัน พลังงานมหาศาลของจิตสัมผัสเทพของเขาได้กลายเป็นพลังไร้รูปร่างและเกรี้ยวกราดที่พุ่งออกไปทันควัน
เคล็ดวิชาสังหารเทวา!
จิตสัมผัสเทพของเฉินซีในปัจจุบันได้แซงหน้าผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติไปนานแล้ว และมันสามารถเทียบเคียงได้กับจิตสัมผัสเทพของผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา ในขณะนี้ เมื่อจิตสัมผัสเทพได้ผสานกับเคล็ดวิชาสังหารเทวา จิตสัมผัสเทพอันกว้างใหญ่ของเขาก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้าที่ไร้รูปร่างในทันที
ปัง!
การโจมตีวิญญาณเป็นการโจมตีที่แปลกประหลาดและหลากหลายที่สุด ยามที่ใช้มันเพื่อโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็จะเกิดผลลัพธ์ที่ยากเหลือเชื่อออกมา แม้ว่าหลินโม่เซวียนจะเตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจิตสัมผัสเทพของเฉินซีจะไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ และเฉินซีก็มีเคล็ดวิชาการโจมตีวิญญาณอีกเช่นกัน!
และทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกราวกับว่าจิตสำนึกของตนได้ถูกสายฟ้าฟาดอย่างรุนแรง ทำให้ดวงวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส การมองเห็นของเขากลายเป็นดำมืดและพ่นเลือดคำโตออกมาเต็มปาก ในขณะที่ร่างแทบจะตกลงมาจากท้องฟ้า
“อ๊าก!” หลินโม่เซวียนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีดในใจ เนื่องจากเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะพ่ายแพ้ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น และเขาก็ไม่สามารถต้านทานการลงมือของเฉินซีได้แม้แต่ครั้งเดียว ผลลัพธ์นี้ทำให้เจ้าตัวรู้สึกราวกับว่าตกลงไปในบ่อน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก และแทบไม่อยากเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องจริง!
ไม่ใช่แค่เขาที่ตกตะลึง ทุกคนที่อยู่ที่จัตุรัสต่างก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลินโม่เซวียนจะล้มลงตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ และถ้าไม่เห็นมันด้วยสองตาของตัวเองละก็ ย่อมไม่มีใครเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เนื่องจากมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจิตสัมผัสเทพของคนผู้นี้จะไม่เลวจริง ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้จิตสำนึกของเขาพังทลาย…” หลังจากลงมือสำเร็จ เฉินซีก็ไม่ได้หยุดเลยแม้แต่น้อย เขาใช้ปีกนภาดารกะที่ปกคลุมไปด้วยดวงดาวพร่างพราว และเพียงชั่วพริบตา ชายหนุ่มได้มาถึงที่เบื้องหน้าของหลินโม่เซวียน จากนั้นยันต์ศัสตราในมือของเขาก็ฟันลงไปอย่างดุเดือด
ในขณะนี้ เขาจำเป็นต้องต่อสู้และยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ไม่อาจหันเหความสนใจได้เลยสักนิด เขาทำได้เพียงแต่ต้องทำลายล้างศัตรูทั้งหมดอย่างโหดเหี้ยมและเด็ดเดี่ยว เพื่อยับยั้งศัตรูและทำให้สถานการณ์การต่อสู้เป็นประโยชน์กับตนมากยิ่งขึ้น
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
“ไปตายซะ!”
ทว่าในขณะที่เฉินซีกำลังจัดการหลินโม่เซวียน เขาก็ถูกหวงฝู่ฉงหมิงและเซียวหลิงเอ๋อร์ขัดขวางไว้
อันที่จริง พวกเขาทั้งสองคนล้วนหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าในเสี้ยวพริบตาเดียว หลินโม่เซวียนจะบาดเจ็บสาหัสทันทีที่การต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ทรงพลังอย่างยิ่งเช่นกัน และความเร็วในการตอบสนองของพวกเขาก็เหนือกว่าคนอื่น ๆ มาก ดังนั้นพวกเขาจะปล่อยให้หลินโม่เซวียนตายต่อหน้าได้อย่างไร?
ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ทั้งคู่เคลื่อนไหวและโจมตีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
“อสรพิษทั้งเก้าจงคำรามไปทั่วท้องฟ้า หมัดของข้าจงพิฆาตสวรรค์ทั้งเก้า!” เสื้อผ้าของหวงฝู่ฉงหมิงกระพือไปมา ปราณแท้รอบกายเขาได้เปลี่ยนเป็นอสรพิษเก้าตัวที่ขดตัวและส่งเสียงร้องหวีดหวิวออกมา นี่คือกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่เขาภาคภูมิใจที่สุด หมัดเก้าอสรพิษทลายนภา!
พลังหมัดที่ชกออกไปด้วยเคล็ดวิชานี้เปรียบเสมือนกับอสรพิษขนาดมหึมาที่พุ่งออกไปเพื่อกลืนกินทั้งท้องฟ้า ทำให้มิติแตกสลาย พลิกคว่ำมหาสมุทร และมีพลังทำลายที่ไร้ขอบเขต อีกทั้งยังทำให้รู้สึกได้อย่างแผ่วเบาราวกับมิติโดยรอบกำลังพังทลายลงอย่างรุนแรงภายใต้หมัดนี้
ในอีกด้านหนึ่ง กระบี่ในมือของเซียวหลิงเอ๋อร์ได้กลายเป็นสัตว์ร้ายบินได้ที่มีขนาดมหึมา สัตว์ร้ายที่บินได้มีปีกที่ลุกเป็นไฟ มันส่งเสียงร้องที่ทะลุไปถึงสวรรค์ทั้งเก้าชั้น อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเต๋ารู้แจ้งอัคคี และทุกการกระพือปีกของมันก็ดูเหมือนจะมีพายุเพลิงเกิดขึ้น
เต๋ารู้แจ้งกำลังก่อรูปขึ้น!
เห็นได้ชัดว่าการควบคุมเต๋ารู้แจ้งอัคคีของเซียวหลิงเอ๋อร์ ได้บรรลุขอบเขตเริ่มต้นแล้ว ในขณะนี้ การจู่โจมของนางมาพร้อมกับปราณรูปสัตว์ร้ายที่บินได้ และมันทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
ทันทีที่คนทั้งคู่ลงมือ พวกเขาก็แสดงพลังที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นหมัดเก้าอสรพิษทลายนภาของหวงฝู่ฉงหมิง หรือการฟันด้วยกระบี่ของเซียวหลิงเอ๋อร์ที่แฝงไปด้วยเต๋ารู้แจ้งที่ก่อรูปขึ้น ทั้งสองกระบวนท่านี้ล้วนทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นไหวอยู่ในใจและรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
“คิดขวางข้าหรือ?” เฉินซีทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างสง่างามราวกับสายรุ้ง และเขาก็ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือหลบหลีกในขณะที่ใช้การโจมตีด้วยจิตสัมผัสเทพออกไปอีกครั้งหนึ่ง
ปัง! ปัง!
สายฟ้าไร้รูปร่างที่ควบแน่นจากจิตสัมผัสเทพได้พุ่งเข้าหาหวงฝู่ฉงหมิง ในขณะที่อีกสายได้พุ่งเข้าใส่เซียวหลิงเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีฐานการบ่มเพาะในระดับเดียวกัน ก็มีน้อยคนนักที่จะกล้าใช้การโจมตีด้วยจิตสัมผัสเทพ เนื่องจากมันค่อนข้างเสี่ยงที่จะได้รับอันตราย และความประมาทเลินเล่อเพียงเล็กน้อยก็มีโอกาสที่จะทำให้วิญญาณของผู้ใช้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งการบาดเจ็บนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการบ่มเพาะในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น มันอาจทำให้ไม่สามารถรับรู้ถึงเต๋าแห่งสวรรค์ได้อีก
แต่เฉินซีนั้นแตกต่างออกไป ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของเขาได้บรรลุระดับที่แข็งแกร่งจนเหนือล้ำกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ และมันไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เมื่อใช้มันกับหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ เขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอันตรายใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นการโจมตีด้วยจิตสัมผัสเทพของเฉินซี แต่หวงฝู่ฉงหมิงกับเซียวหลิงเอ๋อร์ก็ยังสัมผัสได้ถึงอันตราย ดังนั้นพวกเขาจึงทุ่มเทในการป้องกันทั้งกายและใจ ในขณะเดียวกัน การโจมตีของพวกเขาก็รุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ทว่าพวกเขาก็ยังคงประเมินพลังของจิตสัมผัสเทพของเฉินซีต่ำไป!
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ร่างของพวกเขาก็สั่นสะท้าน ใบหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนเป็นซีดเซียวอย่างกะทันหัน จิตใจของพวกเขาสับสนวุ่นวาย และมันรู้สึกอึดอัดจนแทบกระอักเลือดออกมา
“ระวัง มันกำลังใช้วิชาโจมตีวิญญาณ!” ในขณะนี้ หลินโม่เซวียนที่ถูกซัดปลิวกระเด็นและตกลงในระยะไกลได้กล่าวเตือนผ่านกระแสปราณอย่างเร่งรีบ
มันเป็นเพราะการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายรวดเร็วเกินไป ทันทีที่เฉินซีพุ่งไปข้างหน้า เขาได้โจมตีด้วยจิตสัมผัสเทพถึงสามครั้งติดต่อกัน จึงทำให้คนทั้งหมดรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
“มันเป็นการโจมตีด้วยจิตสัมผัสเทพจริง ๆ!” ดวงตาของหวงฝู่ฉงหมิงหรี่ลง “แม้แต่ข้าก็รู้สึกวิงเวียนทันที ไม่น่าแปลกใจที่หลินโม่เซวียนจะไม่สามารถต้านทานได้!”
เซียวหลิงเอ๋อร์ก็เห็นด้วยอยู่ในใจเช่นกัน แต่ในขณะนี้ ทั้งสองคนไม่สามารถสนใจสิ่งใดได้อีก เนื่องจากเฉินซีได้พุ่งทะยานเข้ามาแล้ว!
“ไม่ว่าการโจมตีด้วยจิตสัมผัสเทพของเจ้าจะน่าเกรงขามแค่ไหน แต่เพราะข้าได้ป้องกันไว้ก่อนแล้ว ข้ายังจะต้องประหลาดใจอีกหรือ?” ดวงตาของหวงฝู่ฉงหมิงส่องประกายแวววาว “ตายซะ!”
ปึง! ปึง! ปึง!
หวงฝู่ฉงหมิงกระทืบเท้าใส่อากาศขณะที่ร่างของเขาทะยานออกไปราวกับกระสวย กำปั้นของเขาพุ่งลงมาเหมือนเม็ดฝน ทุก ๆ หมัดที่ระเบิดออกจะทำให้เกิดรอยแตกในอากาศและส่งเสียงแหลมบาดหูขณะที่มันฉีกผ่านท้องฟ้า และพลังหมัดที่แข็งแกร่งก็แปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษจำนวนมากมายที่ส่งเสียงคำรามไปทั่วทั้งฟ้าดิน ได้เข้าถาโถมใส่เฉินซีอย่างดุเดือด!
ในเวลาเดียวกัน เซียวหลิงเอ๋อร์กับหลินโม่เซวียนที่เพิ่งฟื้นตัวก็พุ่งออกไปอีกครั้ง
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ปราณกระบี่ฉายแสงออกมาทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง ในขณะที่ปราณฟ้าดินได้บดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
คลื่นเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับปราณรูปสัตว์ร้ายที่บินได้ที่กำลังกระพือปีกอยู่บนท้องฟ้า
เฉินซีตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า ตนไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะพึ่งพาจิตสัมผัสเทพเพื่อเริ่มการโจมตีอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับทั้งสามคนให้นานกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนวิธีสู้ในทันที
ฟิ้ว!
ร่างของเขากลายเป็นลำแสงสว่างพุ่งออกไปโดยอาศัยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ของปีกนภาดารกะและได้มาถึงที่เบื้องหน้าของหลินโม่เซวียนในทันที จากนั้นยันต์ศัสตราในมือของชายหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นประกายกระบี่พร่างพราวและฟันไปยังกระบี่ในมือของหลินโม่เซวียนอย่างรุนแรง จนมันหักเป็นสองท่อน!
หลินโม่เซวียนรู้สึกตกใจอย่างสุดขีดและแทบไม่กล้าเชื่อว่ากระบี่ของเขาจะถูกฟันเป็นสองท่อน!
กระบี่เล่มนี้ได้รับการขัดเกลาโดยประมุขนิกายเป็นการส่วนตัว และมันเหนือล้ำกว่ากระบี่ระดับปฐพีขั้นสุดยอดทั่วไปอย่างมาก อีกทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่ากระบี่สวรรค์ปฐพีที่เฉินซีเคยแย่งชิงไปจากเขาเสียอีก
เมื่อพึ่งพากระบี่เล่มนี้ มันทำให้เขามีความสามารถในการแข่งขันกับซูเจี้ยนคง ซึ่งเป็นศิษย์อัจฉริยะอีกคนในนิกาย แต่ถึงกระนั้น… ความเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขากลับถูกเฉินซีทำลายเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว!
หลินโม่เซวียนหันหลังกลับและชิงหนีไป ในเวลาเดียวกัน ตราหยกก็ปรากฏขึ้นในมือ โดยหมายจะบดขยี้มันเพื่อหลบหนีทันทีที่ชีวิตตกอยู่ในอันตราย
เขาไม่มีความกล้าที่จะต่อสู้กับเฉินซีอีกต่อไป การโจมตีจากจิตสัมผัสเทพของเฉินซีก่อนหน้านี้ ทำให้วิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และตอนนี้ แม้แต่สมบัติวิเศษที่ทรงพลังที่สุดในมือก็ยังถูกทำลายเป็นเสี่ยง ๆ …ดังนั้นหากเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักหน่วงและรุนแรงติดต่อกัน เขายังจะกล้ารั้งอยู่ต่อไปได้อย่างไร?
ฟิ้ว!
ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้หลบหนี ปราณกระบี่ของเฉินซีก็ได้โจมตีที่ใบหน้าของเขาแล้ว
ฟิ้ว!
หลินโม่เซวียนหลบเลี่ยงและสกัดกั้นมันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพยายามถ่วงเวลาไว้ชั่วขณะหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน เขาคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหวงฝู่ฉงหมิงและเซียวหลิงเอ๋อร์จะสามารถมาถึงได้ทันเวลา
ปัง!!
ปัง!!!
ในขณะนี้ หวงฝู่ฉงหมิงกับเซียวหลิงเอ๋อร์ก็มาถึงโดยไม่ปล่อยให้หลินโม่เซวียนผิดหวัง และพวกเขาก็โจมตีใส่เฉินซีจากทางด้านหลัง ในขณะนั้นเอง ท้องฟ้าและผืนดินก็ถูกปกคลุมด้วยปราณกำปั้นที่พลุ่งพล่านและทะเลเพลิงที่ลุกโชน ทำให้เกิดเป็นภาพที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“ในเวลาแบบนี้ ไอ้สารเลวนี่จะหันกลับไปจัดการกับการโจมตีที่อยู่ข้างหลังตนและปล่อยข้าออกไปชั่วคราวใช่ไหม?” หลินโม่เซวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็ทำให้เขาหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของหวงฝู่ฉงหมิงและเซียวหลิงเอ๋อร์ที่มาจากทางด้านหลัง เฉินซีดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะหลบเลี่ยงและยังพุ่งเข้าหาหลินโม่เซวียนอีก!
“ไอ้บัดซบ! ไอ้สารเลวนี่อยากตายไปพร้อมกับข้าหรือ?” หลินโม่เซวียนตกใจจนสุดขีด
ปัง!
ปราณกระบี่ของเฉินซีที่มีมหาเต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาดที่เปี่ยมด้วยอานุภาพ และมันมีพลังทำลายที่น่าตกใจจนสามารถทำลายม่านพลังป้องกันของหลินโม่เซวียนได้โดยตรง ทำให้ร่างกายของเขาถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดเนื้อผิวหนังและกระดูกต่างก็สาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า …และหลินโม่เซวียนก็เสียชีวิตอย่างอนาถภายในพริบตาเดียว!!
มันรวดเร็วเกินไปแล้ว!
แม้ว่าหลินโม่เซวียนจะตั้งใจบดขยี้ตราหยก แต่ก็ยังมีร่องรอยของความไม่เต็มใจอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ เพราะสุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้ครอบครองบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้ และยังไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงหนึ่งร้อยอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่ง…
ด้วยความไม่เต็มใจนี้เองที่ทำให้เขาเกิดความลังเลในชั่วพริบตา และในชั่วพริบตานี้เองก็เพียงพอให้เฉินซีปล่อยการโจมตีออกไปมากกว่าสิบครั้ง ดังนั้นการตายของเขาจึงเป็นเรื่องที่แน่นอน!
ปัง! ปัง!
ทันทีที่เฉินซีได้สังหารหลินโม่เซวียน การโจมตีของหวงฝู่ฉงหมิงและเซียวหลิงเอ๋อร์ก็พุ่งเข้าหาเฉินซี ปราณหมัดที่ปกคลุมท้องฟ้าและทะเลเพลิงก็โถมกระหน่ำใส่เขาในทันที ทำให้ไม่ทราบชะตากรรมของชายหนุ่มว่าเป็นหรือตาย
“หลินโม่เซวียนตายแล้ว!”
“ดูเหมือนเฉินซี…จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้นานเช่นกัน!”
“เพื่อฆ่าหลินโม่เซวียน คนผู้นี้กลับไม่สนใจชีวิตของตน เขาช่างไร้ความปรานีจริง ๆ!”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจจนกล่าวไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้…
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป นับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ จากนั้นเฉินซีก็สังหารหลินโม่เซวียน จนกระทั่งเฉินซีประสบกับการโจมตีร้ายแรง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
แต่ความอันตรายและโหดเหี้ยมของการการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ทำให้หัวใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่นสั่นไหว และพวกเขาก็เบิกตากว้างจนแทบลืมหายใจ!