บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 390 ได้รับสมบัติล้ำค่าติดต่อกัน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 390 ได้รับสมบัติล้ำค่าติดต่อกัน

บทที่ 390 ได้รับสมบัติล้ำค่าติดต่อกัน

ในทุกที่ที่มีความผันผวนประหลาดเกิดขึ้น ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจะพุ่งพรวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แรงกดดันและแรงยับยั้งที่อยู่ตลอดทางจะกระจายหายไปอย่างสมบูรณ์ ทำให้เฉินซีสามารถทะยานเข้าไปข้างในราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพื้นดินโดยไม่ถูกขัดขวางเลยแม้แต่น้อย

หลังจากบินต่อเนื่องได้ประมาณหนึ่งถ้วยน้ำชา

ท่ามกลางหมอกที่ส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้ขอบเขตที่อยู่ทางด้านหน้า ทันใดนั้นก็มีแผ่นศิลาปรากฏขึ้น พื้นผิวของแผ่นศิลามีรอยด่าง เสียหาย และพร่ามัว ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะประสบกับการกัดกร่อนมาอย่างยาวนานจนนับไม่ถ้วน ทำให้มันให้มีกลิ่นอายของความรู้สึกเก่าแก่

บริเวณใกล้เคียงของแผ่นศิลา มีดวงแสงจำนวนนับไม่ถ้วนกระพืออยู่โดยรอบ ซึ่งดวงแสงทุกลูกต่างก็อาบไปด้วยแสงที่พร่างพราวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเฉินซีมองดูพวกมันอย่างระมัดระวัง เขาก็ค้นพบด้วยความตกใจว่า พลังงานของเต๋ารู้แจ้งเหล่านั้นดูเหมือนจะกลายเป็นวัตถุ ซึ่งพวกมันคือเต๋ารู้แจ้งที่ไร้รูปร่างและกำลังใกล้ก่อรูปเป็นวัตถุที่มีอยู่จริง!

ซึ่งเดิมทีเต๋านั้นไม่มีชื่อ แต่ผู้ที่แข็งแกร่งเรียกมันว่า ‘เต๋า’

ความลึกล้ำของมหาเต๋าที่จับต้องไม่ได้ แต่กลับเผยร่องรอยของ ‘รูปแบบวัตถุ’ อยู่ในขณะนี้ และนั่นทำให้เฉินซีตกใจเป็นอย่างมากในทันที เพราะเท่าที่ทราบมา มีเพียงมหาเต๋าที่สมบูรณ์แบบจึงจะเปลี่ยนจากไร้รูปร่างให้ก่อรูปขึ้นเป็นวัตถุได้เท่านั้น

เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ภายในสวรรค์และโลกใบนี้ จำนวนของเต๋ารู้แจ้งนั้นไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเต๋ารู้แจ้งทุกชนิดจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ขอบเขตและสิบสองระดับ เมื่อเต๋ารู้แจ้งของผู้บ่มเพาะได้บรรลุถึงระดับที่หกของขอบเขตเริ่มต้น เคล็ดวิชาต่อสู้ที่ผู้บ่มเพาะใช้ออกไปนั้น จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่หลากหลายและมันถูกเรียกว่าปรากฏการณ์เต๋ารู้แจ้งที่ก่อรูปขึ้น

แต่การก่อรูปของเต๋ารู้แจ้งนี้ ไม่ใช่รูปแบบวัตถุที่มีอยู่จริง และเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยกระบวนยุทธ์ระดับเต๋า มันไม่สามารถเทียบกับเต๋ารู้แจ้งที่เป็นวัตถุที่แท้จริงได้โดยสิ้นเชิง

และมีเพียงเต๋ารู้แจ้งที่บรรลุระดับที่สิบสองของขอบเขตสมบูรณ์เท่านั้น ที่จะทำให้เต๋ารู้แจ้งที่ผู้บ่มเพาะได้หยั่งถึงก่อรูปขึ้นมาเป็นวัตถุที่แท้จริงได้!

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ มีเพียงมหาเต๋าเท่านั้นที่สามารถบรรลุความสมบูรณ์แบบได้ ในขณะที่เต๋ารองไม่สามารถบรรลุขั้นนั้นได้ เนื่องจากเดิมที พวกมันก็เป็นส่วนหนึ่งของมหาเต๋า

หากกล่าวตามตรงแล้ว เต๋ารองเป็นเพียงมหาเต๋าที่ไม่สมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น เต๋ารู้แจ้งแห่งสายฝนและเต๋ารู้แจ้งแห่งสายน้ำ ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของมหาเต๋าแห่งวารี

“หากดวงแสงหนึ่งลูกเป็นตัวแทนของกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าหนึ่งวิชา นี่ไม่ได้หมายความว่ากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าข้า ล้วนแฝงไปด้วยมหาเต๋าที่มีความลึกล้ำที่สมบูรณ์แบบหรอกหรือ?” ด้วยอุปนิสัยที่นิ่งสงบของเฉินซี ก็ยังอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างในขณะนี้

เคล็ดวิชาต่อสู้ที่แฝงไปด้วยมหาเต๋าอันลึกล้ำย่อมเหนือกว่าเคล็ดวิชาต่อสู้ที่มีเต๋ารอง และเคล็ดวิชาต่อสู้ที่มีมหาเต๋าที่สมบูรณ์แบบนั้น ย่อมมีค่าและหายากกว่าโดยธรรมชาติ!!!

กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าเช่นนี้ ถูกเรียกว่าเคล็ดวิชาต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบในโลกภายนอก! พวกมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่จะได้มาโดยโชคชะตาเท่านั้น แม้แต่บางนิกายเก่าแก่ภายในแผ่นดินซ่ง ก็อาจไม่ได้ครอบครองพวกมันเลยสักชิ้น

ตัวอย่างเช่น เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบที่เฉินซีได้บ่มเพาะ จะมีเต๋ารู้แจ้งในแต่ละกระบวนท่าทั้งแปด แต่มันก็ไม่ใช่เคล็ดวิชาต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบ เพราะผู้บ่มเพาะที่ฝึกฝนมันอาจจะหยั่งถึงเต๋ารู้แจ้งที่อยู่ในกระบวนท่าทั้งแปด แต่ก็ไม่สามารถรับประกันว่าจะเชี่ยวชาญเต๋ารู้แจ้งได้อย่างเต็มที่

ในทางกลับกัน กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบนั้นแตกต่างออกไป ตราบใดที่เข้าใจเต๋ารู้แจ้งภายในนั้นและเข้าใจแก่นแท้ของกระบวนยุทธ์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็จะสามารถเชี่ยวชาญมหาเต๋าที่สมบูรณ์แบบได้!

ดังนั้น ในขณะที่เขามองไปที่ดวงแสงจำนวนมากที่ลอยอยู่รอบแผ่นศิลา ดวงตาของเฉินซีจึงลุกโชนไปด้วยความร้อนแรงและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยอารมณ์ “ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนต่างสู้สุดชีวิตเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบเหล่านี้ เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนคลุ้มคลั่งได้!”

เขาเองก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่ในใจเช่นกัน แต่เขาก็ไม่คิดที่จะเคลื่อนไหวในทันทีและมองไปที่แผ่นศิลาแทน

ท้องฟ้าเหนือแผ่นศิลานั้นว่างเปล่าและไม่มีสิ่งใดที่ควรค่าแก่การใส่ใจ แต่ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในห้วงสำนึกของเขา ดูเหมือนว่ามันจะสื่อกับเฉินซีว่าแผ่นศิลานี้ไม่ธรรมดา

“หรือว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในแผ่นศิลา?” เฉินซีเม้มริมฝีปากของเขาและไม่อาจยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นที่ผุดขึ้นในใจได้ในที่สุด จากนั้นเขาก็เข้าไปใกล้แผ่นศิลา ก่อนที่จะยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสพื้นผิวของมัน

“ข้อจำกัดหรือ?” อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เฉินซีต้องประหลาดใจนั้นก็คือ แรงกดดันและแรงยับยั้งที่แต่เดิมได้หายไปแล้ว กลับแผ่ออกมาจากพื้นผิวของแผ่นศิลาอีกครั้ง และพลังของมันก็น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ามีข้อจำกัดพิเศษถูกวางไว้ที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามที่แตะต้องมัน

แม้ว่าเขาจะใช้พลังทั้งหมด แต่มือของเขากลับถูกหยุดที่ระยะสิบสองชุ่นจากแผ่นศิลา และไม่อาจขยับไปข้างหน้าได้เลยแม้แต่น้อย!

ปัง!

ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในห้วงสำนึกของเขาดูเหมือนจะโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ทันใดนั้น มันก็ปล่อยพลังความผันผวนที่ไร้รูปร่างและน่าสะพรึงกลัว เข้ากระแทกลงบนพื้นผิวของแผ่นศิลาอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นเอง เฉินซีรู้สึกว่าแรงกดดันและพลังของการยับยั้งได้สลายไป โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือของเขาก็ประทับบนพื้นผิวของแผ่นศิลาอย่างรุนแรง และเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป มันจึงแตกออกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ

ฟิ้ว!

ก่อนที่เฉินซีจะทันได้โต้ตอบ วัตถุรูปร่างประหลาดและดูเหมือนกระดองเต่าก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะพุ่งตรงมาที่เขาและหายไปในห้วงสำนึก!

“นี่มัน…ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอีกชิ้น! ไม่แปลกใจเลย ที่จู่ ๆ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่หลับใหลอยู่ในห้วงสำนึกของข้ามาหลายปี จะสั่นไหวอย่างรุนแรงในเวลานี้…” ในขณะนี้ภายในห้วงสำนึกของเฉินซี มีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอีกชิ้นปรากฏขึ้น และภาพมายาหนึ่งในเจ็ดที่ลอยอยู่เหนือชิ้นส่วนของแผนภาพวารีก็ถูกเขาครอบครอง ซึ่งอาจได้ถือว่า ตอนนี้เขามีชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากสามชิ้นแล้ว และขาดมันอีกเพียงหกชิ้นก็จะสามารถรวมรวบพวกมันให้กลายเป็นแผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์แบบได้!

แต่ในช่วงเวลาต่อมา เขาไม่อาจสนใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ได้ เพราะทันทีที่ได้รับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนี้ ร่างกายของเขาก็ถูกดึงด้วยแรงบางอย่าง จนลอยไปจากแท่นบูชาอย่างควบคุมไม่ได้

“เกิดอะไรขึ้น! ข้ายังไม่ได้รับกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าเลย!” ทันใดนั้น เฉินซีก็ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปนอกแท่นบูชา และเขาก็กำลังยืนอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในตอนแรก

ซึ่งการจะเข้าใกล้แท่นบูชาอีกครั้งนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีสนามพลังไร้รูปร่างประเภทหนึ่งที่คอยยับยั้งเอาไว้ และเขาไม่สามารถระเบิดมันให้เปิดออกได้ ไม่ว่าจะโจมตีมันด้วยวิธีใดแล้วก็ตาม…

“สวรรค์! เจ้ากำลังเล่นตลกกับข้า! ข้าเข้าไปในแท่นบูชาด้วยความยากลำบาก แต่ข้าได้รับเพียงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเท่านั้น นี่… นี่… นี่… “ ในขณะนี้ เฉินซีโกรธเป็นอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะพ่นคำด่าทอออกไป เพราะเมื่อได้มองดูกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบซึ่งมีอยู่นับไม่ถ้วน แต่จู่ ๆ กลับหายวับไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ …เขาควรจะรู้สึกเช่นไรได้อีกเล่า?

ถ้าหากเขาสามารถทำซ้ำได้อีกครั้ง เขาอยากจะเลือกกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบมากกว่าชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลาก เนื่องจากสิ่งนี้ยังไม่สมบูรณ์ และไม่มีประโยชน์อันใดในขณะที่มันลอยอยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขา

“อุตส่าห์ได้เข้าไปในภูเขาสมบัติ แต่ต้องกลับบ้านมาอย่างมือเปล่า! เจ้าชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากบัดซบ เหตุใดเจ้าถึงไม่ปรากฏตัวในเวลาอื่น แต่ต้องปรากฏตัวในเวลาเช่นนี้ ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจลึก ๆ และท่าทางของเขาก็ไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง

ปัง!

ดูเหมือนว่ามันจะได้ยินคำบ่นของเฉินซี จู่ ๆ รัศมีอันกว้างใหญ่ก็พุ่งออกมาจากชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากที่อยู่ในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา และมันก็ปกคลุมห้วงจิตสำนึกทั้งหมดของชายหนุ่ม ก่อนที่จะระเบิดออกมาเป็นรูปแบบต่าง ๆ ที่คลุมเครือและยากที่จะเข้าใจ นอกจากนี้ยังมีถ้อยคำที่เหมือนกับเงาดำได้วูบผ่านเข้ามาในจิตใจของเขาด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

โลกจมลง ท้องฟ้าสั่นสะเทือน และทุกสิ่งในโลกก็เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา ร้อยชีวิตผ่านไปและเผยให้เห็นความผันแปรของชีวิตมากมาย… ฉากที่เกิดขึ้นในทุก ๆ โลกที่อยู่ภายในจักรวาลอันไร้ขอบเขตนั้น กำลังย้อนอดีตด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

มันรวดเร็วจนแม้แต่ความคิดของเขาก็ไม่สามารถตามทัน แต่มันให้ความรู้สึกที่ชัดเจนแก่เฉินซี ราวกับว่ามันฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ แม้ว่าฉากที่ไร้ขอบเขตจะผ่านพ้นไป แต่เขาก็สามารถจดจำทุกฉากจนถึงรายละเอียดที่เล็กน้อยที่สุดได้อย่างสมบูรณ์

เขายังเห็นฉากหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงทารกหญิงกำลังร้องไห้ออกมา ก่อนที่จะเติบโตเป็นเด็กที่โง่เขลา เด็กสาวที่กำลังบานสะพรั่ง หญิงสาวที่สง่างาม และอิสตรีที่มีมากไปด้วยเสน่ห์ … จนผมเผ้าของนางกลายเป็นสีขาว ร่างกายปกคลุมไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ฟันของนางร่วงหล่นและนางก็จากไปอย่างสงบ

ทุกรายละเอียดสามารถมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์จนถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุด

ทุกฉากราวกับเขาได้ประสบกับการเดินทางของชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

ความงดงามได้จืดจางไปในทันที

ชีวิตดับวูบไปชั่วขณะ

ประสบการณ์ที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน ทำให้จิตใจของเฉินซีแทบกลายเป็นความว่างเปล่า และเขาก็ลืมเลือนทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวไป

หลังจากไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด เฉินซีดูราวกับว่าตื่นขึ้นจากความฝัน เขาปล่อยลมหายใจออกมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สายตาจะฟื้นคืนสู่สภาพที่ชัดเจน และเมื่อนึกถึงฉากแปลก ๆ ในใจอีกครั้งเขาก็ไม่อาจหาฉากเหล่านั้นเจอ ซึ่งดูเหมือนว่าทุกอย่างก่อนหน้านี้ จะไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

แต่รอยยิ้มกลับปรากฏที่ริมฝีปากของเฉินซี เพราะเขาสังเกตเห็นด้วยว่า แม้ฉากต่าง ๆ จะหายไปแล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีอีกสิ่งหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในใจของเขาแทน

เนตรเทวะแห่งความจริง!

สิ่งนี้เป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาและหาได้ยากมาก เมื่อบ่มเพาะมันได้สำเร็จ ดวงเนตรที่สามจะปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของคนผู้นั้น และมันสามารถมองทะลุรูปลักษณ์ที่แท้จริงของทุกสิ่งในโลกได้ การปกปิด การซ่อนเร้น การปลอมตัว ภาพลวงตา มนต์มายาทุกรูปแบบ… พวกมันทั้งหมดจะไม่สามารถรอดพ้นจากสายตานี้ไปได้

หากบ่มเพาะมันจนบรรลุถึงระดับสูงสุดแล้ว การมองเพียงแวบเดียวก็สามารถมองเห็นการบ่มเพาะของคนผู้นั้น ระดับความเชี่ยวชาญของเต๋ารู้แจ้งที่ผู้บ่มเพาะได้หยั่งถึง และจุดอ่อนที่อยู่ในกระบวนท่าต่อสู้เมื่อใช้ออกไป มันจะเกิดผลลัพธ์อันน่าตกตะลึง ที่ทำให้ผู้ครอบครองสามารถมองการณ์ไกลได้!

แม้ว่าพลังนี้จะไม่มีพลังทำลายใด ๆ แต่ความสามารถในการมองทะลุทุกสิ่งและการมองการณ์ไกลก็เพียงพอที่จะกล่าวได้ว่าสั่นสะเทือนโลกใบนี้

“เนตรเทวะแห่งความจริง! ราวกับเทพเจ้าที่มองลงมายังโลกมนุษย์ และมองเห็นแก่นแท้ที่อยู่เบื้องหลังของสรรพสิ่ง… เป็นชื่อที่ดีจริง ๆ! พลังเช่นนี้ช่างน่าทึ่งนัก!” เฉินซีอุทานด้วยความชื่นชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากจะทำให้เขาประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง

ภายในใจกลางโลก ที่ระยะหนึ่งร้อยห้าสิบลี้

“หืม? จักรพรรดิฉู่ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนท้องฟ้าเหนือสระมังกรแปลง จู่ ๆ ก็พลันลืมตาขึ้นก่อนที่จะกวาดสายตาออกไป ราวกับเขาสามารถมองเห็นผ่านผืนดินหนาทึบที่ไร้ขอบเขต และดูการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนครหลวงธารสายไหม

“มีบางอย่างเกิดขึ้นในแท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้หรือ?” จักรพรรดิฉู่คิดในใจขณะที่จิตสัมผัสเทพของเขาแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว

ในท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตนอกนครหลวงธารสายไหม มีร่างลวงตาที่ปกคลุมไปด้วยปราณเซียนที่พลุ่งพล่านได้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งน่าตกใจยิ่งนัก เพราะมันคือวิญญาณสมบัติของพระราชวังธารสายไหม!

นับตั้งแต่ยอดเขาทะยานสวรรค์ปรากฏขึ้นและการชุมนุมดาวรุ่งได้เริ่มขึ้น เขาก็ปกปิดตัวเองและหายตัวไปจากสายตาของผู้คน แต่ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมดาวรุ่งก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาที่เฉียบแหลมของเขาได้

“บุตรชายของจั่วชิวเสวี่ย เฉินซีเพิ่งได้รับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจากภายในแท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้แล้ว หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ข้าคาดไว้ เขาก็จะได้รับเนตรเทวะแห่งความจริง! พลังนี้ลึกซึ้งอย่างไร้ขอบเขตและเพียงพอที่จะติดอันดับหนึ่งในร้อยอันดับของเทียบพลังอิทธิฤทธิ์ทองคำในทั้งสามภพ”

“โอ้? ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากที่ถูกผนึกไว้อย่างยาวนาน กลับถูกเจ้าเด็กคนนั้นได้ไปจริง ๆ หรือ?” ดวงตาของจักรพรรดิฉู่ส่องประกายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นมันก็กลับคืนเป็นปกติในขณะที่เขากล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กคนนี้จะเป็นอย่างที่ท่านหญิงสุ่ยฮวากล่าวไว้จริง ๆ เขาเป็นคนที่โชคดีมาก เมื่อหลายปีก่อน คนจากตระกูลจั่วชิวมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา จนแม้แต่ข้าก็ไม่ใช่คู่มือของเขา และเขาพยายามใช้กำลังเพื่อทำลายแท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้ เพื่อนำชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากออกไป แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว เพราะโชคลาภของเขาไม่เพียงพอ”

“โชคลาภหรือ? โชคชะตาของคนนั้นถูกบดบังโดยความลับแห่งสวรรค์ และแม้แต่ข้าก็ไม่สามารถมองเห็นและคาดดาวได้ เขาไม่เพียงแค่มีโชคลาภมหาศาลเท่านั้น! …แต่ข้าควรทำอย่างไรต่อไป? ข้าควรจะขอชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากจากเขาหรือไม่?” วิญญาณสมบัติเอ่ยถาม

จักรพรรดิฉู่เงียบไปเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและกล่าวว่า “สิ่งนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่เหมือนใครตลอดทั้งสามภพ แต่สำหรับข้าและเจ้ามันกลับไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังอาจชักนำภัยพิบัติมาสู่พวกเรา เมื่อเขาได้มาแล้วก็จงให้แก่เขาไปเถิด”

ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็โบกมือ พร้อมกับหลับตาและเข้าสู่สมาธิอีกครั้ง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ วิญญาณสมบัติก็พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเขาก็หายไปในความว่างเปล่าเหนือชั้นเมฆบนท้องฟ้า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท