บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 391 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 391 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

บทที่ 391 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

ร่างของเฉินซีกำลังนั่งขัดสมาธิอย่างเงียบ ๆ อยู่บนท้องฟ้า

หลังจากที่เขาได้รับพลังอิทธิฤทธิ์เนตรเทวะแห่งความจริง ในที่สุดเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่ได้รับกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าจากแท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้ แต่ในความคิดของเขา การมีพลังอิทธิฤทธิ์เนตรเทวะแห่งความจริง มีค่ามากกว่าการครอบครองกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบ และมันเป็นประโยชน์มากกว่า

อันที่จริง หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เฉินซีไม่ได้ขาดแคลนเคล็ดวิชาต่อสู้อยู่ในขณะนี้

ในแง่ของการแปรสภาพปราณ เขาได้ฝึกฝนคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ ซึ่งเป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่บ่มเพาะได้ยากที่สุดในโลกและกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าครึ่งขั้น ‘เพลงหมัดมหาทำลายล้าง’

ส่วนการบ่มเพาะกายา เขาได้ฝึกฝนปีกนภาดารกะ ร่างแปลงสวรรค์ เคล็ดวิชาอวตารเทพ และฝ่ามือมหาดารา

อีกด้านหนึ่ง เรื่องเคล็ดวิชาโจมตีวิญญาณ เขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชามายาเทพ เคล็ดวิชาสะท้านทวยเทพและเคล็ดวิชาสังหารเทวา

ซึ่งเคล็ดวิชาทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในระดับสูงสุดท่ามกลางเคล็ดวิชาการบ่มเพาะต่าง ๆ อีกทั้งยังมีพลังมหาศาล ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจในปัจจุบันและความขยันหมั่นเพียรที่มีในตอนนี้ เขายังไม่ได้บ่มเพาะเคล็ดวิชาเหล่านี้จนสมบูรณ์แบบ

ดังนั้น แม้ว่าชายหนุ่มจะได้รับกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบอีก …ก็จะมีทักษะในการต่อสู้อีกแบบหนึ่งเท่านั้น และมันไม่ได้มีประโยชน์ต่อความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขามากนัก

แต่เนตรเทวะแห่งความจริงนั้นแตกต่างออกไป …พลังอิทธิฤทธิ์นี้ทรงพลังเพราะมันมีประสิทธิภาพในการมองเห็นทุกสิ่งอย่างไม่ธรรมดา และเมื่อใช้มันในการต่อสู้ การปกปิด การปลอมตัว การพรางตัว ภาพลวงตา จุดอ่อน และอื่น ๆ ก็จะถูกเขามองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งด้วยการชำเลืองเพียงครั้งเดียว

ประสิทธิภาพที่ทรงพลังราวกับเนตรของเทพสวรรค์เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนโลก

ซึ่งตอนนี้… เฉินซีกำลังศึกษาเนตรเทวะแห่งความจริงอย่างระมัดระวัง

ภายในนครหลวงธารสายไหม… สายตานับไม่ถ้วนต่างก็จับจ้องไปที่ร่างของผู้บ่มเพาะทั้งหนึ่งร้อยคนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่กลางอากาศเหนือบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้อย่างเงียบ ๆ และความคาดหวังในดวงตาของพวกเขาก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว นับตั้งแต่บัลลังก์เทพได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า แต่ร่างมากมายที่อยู่บนบัลลังก์เทพกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย…

ทุกคนต่างก็รู้ว่า วิญญาณของคนเหล่านี้ได้เข้าสู่มิติลี้ลับแล้ว และเชื่อมต่อกับแท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้เพื่อสืบทอดกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าได้สำเร็จ

แต่สิ่งที่พวกเขาต่างก็สงสัยนั้นคือ กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าแบบใดที่ยอดฝีมือในร้อยอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งจะได้รับในครั้งนี้?

เปรี้ยง!

ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยด้วยความคาดหวัง จู่ ๆ คลื่นความผันผวนรุนแรงก็ส่งเสียงกึกก้องอยู่กลางอากาศ และยอดฝีมือชายคนหนึ่งก็เป็นคนแรกที่ลืมตาตื่นขึ้น ในเวลาเดียวกัน กระแสพลังแสงศักดิ์สิทธิ์สีดำที่ทรงพลังและไม่มีที่สิ้นสุดได้พวยพุ่งจากบัลลังก์เทพ ทะลุขึ้นไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า

ครืนนนน!

กระแสน้ำสีดำได้ถาโถมและขดตัวเป็นสาย ก่อนจะควบแน่นกลายเป็นพยัคฆ์ดุร้ายที่มีขนาดตัวเท่าภูเขา ขนของมันปกคลุมไปด้วยประกายแสงสีดำ และขณะที่มันยืนอยู่บนท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำรามกึกก้อง ทำให้บริเวณโดยรอบสั่นเทือนและดังก้องไปทั่วนครหลวงธารสายไหม

“กระบวนยุทธ์ระดับเต๋า หมัดพยัคฆ์วารีทมิฬ!” ขณะที่พวกเขามองไปที่พยัคฆ์สีดำที่ก่อตัวขึ้นจาก เต๋ารู้แจ้ง เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นจากนครหลวงธารสายไหมทันที และหลายคนก็แสดงความอิจฉาผ่านดวงตาของพวกเขา “หมัดพยัคฆ์วารีทมิฬนั้นแฝงไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งวารีทมิฬ และทรงพลังยิ่งนัก

แต่ดูเหมือนยอดฝีมือชายคนนั้นจะรู้สึกไม่พอใจ เนื่องจากเต๋ารู้แจ้งแห่งวารีทมิฬเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมหาเต๋าแห่งวารี ซึ่งหมายความว่าหมัดพยัคฆ์วารีทมิฬที่เขาได้รับมานั้น เป็นเพียงกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

ครืน! ครืนน!

หลังจากยอดฝีมือชายคนนั้น คลื่นความผันผวนอย่างรุนแรงได้ดังก้องจากบัลลังก์เทพที่อยู่กลางอากาศครั้งแล้วครั้งเล่า และปรากฏการณ์ต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นเต็มท้องฟ้าไปหมด

นี่คือสัตว์ร้ายที่บินได้ซึ่งอาบแสงจากเปลวเพลิง

ปราณฝ่ามือขนาดมหึมามากมายที่เขย่าสวรรค์และโลก

ปราณกระบี่ที่มีเจตจำนงของกระบี่ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและทลายก้อนเมฆไปยังทุกทิศทุกทาง

ทุกปรากฏการณ์ล้วนเป็นตัวแทนของกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าวิชาหนึ่ง และจากกลิ่นอายที่ปล่อยออกมาและพลังของเต๋ารู้แจ้งที่เติมเต็มปรากฏการณ์เหล่านี้ ทำให้ทุกคนสามารถแยกแยะคุณภาพของกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าเหล่านี้ได้

ตัวอย่างเช่น หากพวกมันมีมหาเต๋าหรือเต๋ารอง หรือถ้าเต๋ารู้แจ้งที่อยู่ภายในเป็นแบบธรรมดาหรือแบบพิเศษ… และอื่น ๆ

“ดูนั่นสิ! เคล็ดวิชาต่อสู้นั้นมีเต๋ารู้แจ้งแห่งการเสื่อมสลายที่หาได้ยาก สวรรค์! ไม่เพียงแต่มันจะฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอย ถ้าใครถูกมันเข้าแม้แต่นิดเดียว ร่างกายก็จะสลายไปโดยไม่รู้ตัว!”

“เอ๊ะ นายน้อยหวังแห่งจวนจ้าวอัสนีนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ เขาได้รับกระบวนยุทธ์ระดับเต๋า กระบี่สายฟ้าประกายแสงเงินม่วง! ด้วยเหตุนี้ จวนจ้าวอัสนีจะมีวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าอีกวิชาหนึ่ง!”

“เชอะ! พวกเจ้าทุกคนล้วนด้อยประสบการณ์ ของจริงมันต่อจากนี้ กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่เพิ่งปรากฏขึ้นล้วนแต่ธรรมดา …กระบวนยุทธ์ที่น่าเกรงขามที่สุดก็มีเพียงมหาเต๋าอยู่เพียงชนิดเดียวเท่านั้น! และการแสดงที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงจะเริ่มขึ้นเมื่อตัวละครหลักมาถึง!”

ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังปรากฏการณ์อันน่ามหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า บรรยากาศในนครหลวงธารสายไหมก็ร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ …ท้องถนนก็เต็มไปด้วยเสียงอุทานแสดงความชื่นชมและความตกตะลึงไปทั่ว

ผ่านไปไม่นาน มีเพียงบัลลังก์เทพอยู่สามสิบแห่งที่ไม่แสดงการเคลื่อนไหวใด ๆ ออกมา ทว่าทุกคนก็จ้องมองอย่างไม่วางสายตา ด้วยห้วงอารมณ์มากมายที่ผุดขึ้นในใจของพวกเขา

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งถ้วยน้ำชา อันเชี่ยนอวี้ หวังเต้าซวี่ และฮวาโม่เป่ยพลันลืมตาขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน และทันใดนั้นเสาแสงสามสายก็พุ่งออกมาจากบัลลังก์เทพที่ทั้งสามคนนั่งอยู่ …กลายเป็นปรากฏการณ์ทั้งสามรูปแบบอยู่ใต้ท้องฟ้า

ปราณกระบี่ขนาดมหึมาที่มีกระแสน้ำและเปลวไฟปะทะกัน

กระดานหมากรุกประหลาดที่เผยให้เห็นสีขาวและสีดำ

ม้วนภาพที่ถูกวาดด้วยต้นไม้สีฟ้าและทะเลสาบ

ซึ่งทุกปรากฏการณ์เหล่านี้มีเต๋ารู้แจ้งอยู่สองชนิด และทั้งคู่ก็เป็นมหาเต๋า!

เมื่อทุกคนได้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็ส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ

พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าสูงสุด จะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันทั้งสามวิชา!!

กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าสูงสุดนั้นคือ กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่มีมหาเต๋าอยู่สองชนิดขึ้นไป!

ซึ่งแม้แต่ผู้บ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่และอาวุโส เคล็ดวิชาต่อสู้เช่นนี้ก็หาได้ยากราวกับการดำรงอยู่ของขนปักษาเพลิงและเขากิเลน …ถือได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ที่จะสืบทอดภายในสำนักเท่านั้น

แต่ตอนนี้ กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าระดับสูงสุดทั้งสามวิชาปรากฏขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนต่างอดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้

แต่ก่อนที่เสียงอุทานของทุกคนจะเงียบลง มียอดฝีมืออีกสองสามคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เทพพลันลืมตาตื่นขึ้น จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยแรงผลักดันมากมายและน่าตื่นตะลึง ปรากฏการณ์เหล่านี้ก็มีความลึกล้ำของมหาเต๋าทั้งสองชนิดเช่นกัน!

ในหมู่พวกเขา สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดคือ กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่อสูรนกกระจาบหมอกเพลิงได้รับ เนื่องจากมันมีความลึกล้ำของมหาเต๋าแห่งไฟและลม… ยิ่งกว่านั้น มันยังก่อรูปเป็นวิหคเพลิงซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โบราณอยู่บนท้องฟ้าอีกด้วย!

กี๊!

ปราณรูปวิหคเพลิงรายล้อมไปด้วยเปลวไฟและสายลม …เสียงกรีดร้องที่ชัดเจนของมันดังก้องไปในท้องฟ้าและทำให้โลกต้องตกตะลึง ทำให้ปรากฏการณ์อื่นดูหมองลง ราวกับดั่งจักรพรรดิเปลวเพลิงผู้ยิ่งใหญ่!

“ในที่สุด วันนี้ข้าก็โชคดี โอ้! แต่นี่เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง ข้าจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อพรสวรรค์ของข้านั้นล้ำเลิศ? มันจะต้องอยู่ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนอยู่แล้ว! พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจย่อมไม่สามารถเข้าใจความยอดเยี่ยมของข้าได้อย่างแน่นอน…” นกกระจาบหมอกเพลิงดูพึงพอใจอย่างมากและหัวเราะเยาะอย่างแปลกประหลาดออกมา จากนั้นมันก็ลุกยืนขึ้นอย่างภาคภูมิและแสดงความหยิ่งผยองออกมา ก่อนที่จะสางขนของมันอย่างช้า ๆ

ทุกคนอดกลอกตาพร้อมกันไม่ได้ เจ้าสัตว์หน้าขนนี่ช่างน่าทุบตีเสียจริง ๆ!

“เจ้าสัตว์หน้าขน! เจ้าคิดว่าตัวเองแน่นักหรือ? ยังมียอดฝีมืออีกนับสิบที่ยังไม่ได้ขยับเขยื้อน! และด้วยพรสวรรค์ห่วย ๆ ของเจ้า จะไปเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร?” ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะโต้กลับด้วยการตะโกนเยาะเย้ย

แต่อสูรนกกระจาบหมอกเพลิงกลับไม่สนใจและหวีขนของตัวเองอย่างระมัดระวัง แต่ในใจของมันกลับก่นด่าด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ‘เจ้าพวกมนุษย์ผู้โง่เขลา ถ้าไม่ใช่เพราะข้าถูกใจกระบวนยุทธ์ระดับเต๋านี้ ข้าคงไปไกลกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน… แล้วข้าก็รำคาญที่จะอธิบายให้คนโง่เขลาที่ฟังไม่รู้เรื่องเช่นพวกเจ้าฟังเช่นกัน!’

แต่แม้ว่าจะคิดเช่นนี้อยู่ในใจ แต่สายตาของอสูรนกกระจาบหมอกเพลิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปยังด้านข้าง ซึ่งที่แห่งนั้นยังมีอีกยอดฝีมืออีกสิบเอ็ดคนที่ยังไม่ขยับเขยื้อนมาจนถึงตอนนี้

“ชิงซิ่วอี้ จ้าวชิงเหอ หวงฝู่ฉางเทียน หวงฝู่ฉิงอิง เจิ้นหลิวชิง ซูเฉิน นายน้อยโจว อวี๋เซวียน เฉินหลิงอวี๋ เฉินซีและฟ่านอวิ๋นหลาน… ทั้งสิบเอ็ดคนพยายามอย่างมากเพื่อค้นหากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบใช่หรือไม่?”

“มันย่อมเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน! กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบจะอยู่ที่ใจกลางของแท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้ ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง และมีเพียงยอดฝีมือที่แท้จริงเท่านั้น จึงจะสามารถไปถึงที่นั่นได้”

“มันคงไม่เป็นเช่นนั้นกระมัง? ข้าเชื่อว่าชิงซิ่วอี้และคนอื่น ๆ จะสามารถไปถึงที่นั่นได้ แต่ถ้าเป็นเฉินซีคนนั้นละก็… ฮ่า ๆ ข้าไม่คิดว่าเขาจะสามารถทำได้ข้าดูไม่ค่อยเข้าข้างเขาเลย”

“คนโง่! เจ้าไม่เห็นหรือว่า เฉินซีแบกฟ่านอวิ๋นหลาน และต้องอดทนต่อแรงกดดันของเต๋ารู้แจ้งเป็นสองเท่าในขณะที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของยอดเขาทะยานสวรรค์? นอกจากนี้ ในการต่อสู้ที่ดุเดือดภายในน้ำตกเต๋ารู้แจ้ง เขาแบกฟ่านอวิ๋นหลานไปด้วย แต่ก็ยังสามารถเอาชนะศิษย์เอกของนิกายบ่อหยก ชิวเซี่ยวเฟิง และคว้าป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้สองชิ้นในท้ายที่สุด ความแข็งแกร่งของเขาจะด้อยกว่าชิงซิ่วอี้และคนอื่น ๆ ได้อย่างไร”

“เอาล่ะ เอาล่ะ เอาล่ะ! ข้าจะไม่เถียงเจ้า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าใครน่าเกรงขาม ข้อเท็จจริงจะพิสูจน์ทุกสิ่งเมื่อการทดสอบทั้งหมดสิ้นสุด”

ในขณะเดียวกัน สายตาส่วนใหญ่ในนครหลวงธารสายไหมก็มองไปยังคนเพียงสิบเอ็ดคนที่ยังคงอยู่ และชั่วขณะหนึ่ง เสียงกล่าวคุยต่าง ๆ ก็ดังก้องไปทั่วเหมือนกระแสน้ำในทุกมุมของนครหลวงธารสายไหม

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท