บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 394 ของรางวัลอันน่าตกใจ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 394 ของรางวัลอันน่าตกใจ

บทที่ 394 ของรางวัลอันน่าตกใจ

ณ พระราชวังธารสายไหม

จักรพรรดิซ่งนั่งสูงเหนือจากบัลลังก์ ขณะที่เขามองลงไปด้านล่าง สุรเสียงของฝ่าบาทเรียบเฉยแต่ก้องกังวานราวกับเสียงอัสนี มันผ่าตรงเข้าไปในหัวใจของทุกคนในพระราชวัง …ชนิดที่แม้แต่เป็นคนหูหนวกยังได้ยิน

“พวกเจ้าทั้งหมดคือผู้มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในรุ่นเยาว์แห่งราชวงศ์ซ่ง ผ่านบททดสอบทั้งสามและผ่านการคัดเลือกจากผู้เข้าร่วมมากกว่าห้าหมื่นราย โอกาสของพวกเจ้าในอนาคตนั้นไร้ขีดจำกัด”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะให้พวกเจ้าทั้ง เก้าสิบหก คน เข้ารับการต่อสู้ตัวต่อตัว!”

ทุกคนในราชวังรู้สึกงุนงง เห็นได้ชัดว่ามีหนึ่งร้อยคน เหตุใดมันถึงกลายเป็น เก้าสิบหก โดยไม่มีเหตุมีผล

ไม่มีใครสงสัยว่าจักรพรรดิซ่งมองไม่เห็นหรือไม่อาจแยกจำนวนของผู้คนได้ ฉะนั้นคำกล่าวของจักรพรรดิซ่งจึงมีความหมายอันใหญ่หลวงแฝงอยู่!

จักรพรรดิซ่งกวาดสายตามองไปยังเฉินซีและคนอื่น ๆ ก่อนที่จะกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เยว่จวิน หลินโม่ หลิวเส่าฉวิน จ้าวอวิ๋นหง พวกเจ้าทั้งสี่พึ่งพาความแข็งแกร่งจากภายนอกเพื่อผ่านบททดสอบต่าง ๆ ฉะนั้นพละกำลังของพวกเจ้าจึงไม่อาจเทียบกับผู้อื่นได้ และไม่อาจเข้าร่วมบททดสอบสุดท้ายได้”

สิ้นคำกล่าว จักรพรรดิซ่งสะบัดแขนเสื้อของเขา ส่งผลให้พลังไร้ลักษณ์พุ่งออกมาและกวาดร่างของทั้งสี่ออกจากราชวังธารสายไหม!?

ตั้งแต่ต้นจนจบ จักรพรรดิไม่ฟังคำอธิบายของอีกฝ่ายแต่อย่างใด แสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดในฐานะของผู้ปกครอง …หากพระองค์กล่าวว่าผู้ใดอ่อนแอ ผู้นั้นย่อมอ่อนแอ ไม่เปิดโอกาสให้ใครพูดพล่ามอธิบาย!

ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีหรือเฉินซีและอีกเก้าสิบห้าคนที่เหลืออยู่ล้วนใจสั่นและยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น

“ในบททดสอบสุดท้าย พวกเจ้าทั้ง เก้าสิบหก คนจะต้องผ่านการต่อสู้หนึ่งรอบ ซึ่งจะเหลืออยู่สี่สิบแปดคน และสี่สิบแปดคนนี้จะได้รับโอสถกลั่นแรกเริ่มห้าล้านเม็ด” เสียงกึกก้องไปทั่วทั้งราชวัง

ว้าว!

เฉินซีและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีก็เช่นกัน ทั้งสี่สิบแปดคนนี้จะได้รับโอสถกลั่นแรกเริ่มห้าล้านเม็ดอย่างนั้นหรือ? …ในการชุมนุมดาวรุ่งครั้งก่อน ๆ ไม่เคยมีของรางวัลอันน่าประหลาดใจเช่นนี้เลย!

“หลังจากที่ทั้งสี่สิบแปดคนผ่านรอบการต่อสู้อีกหนึ่งรอบ จะมียี่สิบสี่คนที่ยังคงเหลืออยู่และต่างคนต่างจะได้รับสมบัติวิเศษขั้นสวรรค์ที่ข้าขัดเกลาขึ้นเป็นการส่วนตัว!”

ฝูงชนเงียบงัน

ผู้คนในราชวังตกตะลึงจนหาคำกล่าวไม่ได้ สำหรับศิษย์สายหลักในนิกายโบราณ พวกเขายังพอจะหาโอสถกลั่นแรกเริ่มห้าล้านเม็ดได้จากการบ่มเพาะประมาณปีสองปี ทว่าสมบัติวิเศษขั้นสวรรค์ที่จักรพรรดิขัดเกลาขึ้นเป็นการส่วนตัวนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะหาโอกาสถือครองได้! เป็นที่ทราบดีว่านอกจากการบ่มเพาะที่ไม่อาจหยั่งถึง จักรพรรดิซ่งยังเป็นปรมาจารย์ในเรื่องของการขัดเกลาอุปกรณ์ ทักษะของจักรพรรดินั้นอยู่ในจุดที่สมบูรณ์แบบ สมบัติวิเศษขั้นสวรรค์ที่พระองค์สร้างขึ้นจะน่าทึ่งเพียงใด?

แน่นอนว่าพลังของสมบัติวิเศษขั้นสวรรค์สามารถถูกดึงออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่โดยผู้บ่มเพาะเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้ไม่กระทบต่อความเร่าร้อนในใจของทุกคนที่อยู่ที่นี่แต่อย่างใด

เพราะทุกคนล้วนบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์มาเนิ่นนาน และหากไม่เป็นเพราะเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง หลายคนก็คงจะเลื่อนขึ้นสู่ขอบเขตจุติไปนานแล้ว

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงตะลึงงัน… เมื่อจักรพรรดิซ่งกล่าวว่าพระองค์จะประทานสมบัติวิเศษขั้นสวรรค์ให้กับพวกเขา

“หากได้รับพระราชทานจากพระองค์ ก็ย่อมเป็นสมบัติวิเศษขั้นสวรรค์ชั้นยอดอย่างแน่นอน ยี่สิบสี่คนนั้นเท่ากับว่ามีสมบัติวิเศษขั้นสวรรค์ชั้นยอดถึงยี่สิบสี่ชิ้น ความหรูหราเช่นนี้มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่สามารถทำได้”

“ดูเหมือนพระองค์จะให้ความสำคัญยิ่งต่อศิษย์แห่งการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ แม้แต่ข้าเองก็ยังรู้สึกริษยาในรางวัลเช่นนี้”

ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีล้วนขนลุกกับสิ่งที่ได้ยิน

จักรพรรดิซ่งกล่าวต่อไปราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นความตกตะลึงของทุกคน “ทั้งยี่สิบสี่คนนี้จะต่อสู้กันอีกครั้งและที่เหลืออีกสิบสองคนจะได้รับโอสถทิพย์กำเนิดเต๋า”

โอสถทิพย์กำเนิดเต๋า!?

ผู้คนในราชวังตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกตอนนี้ก็ไม่อาจหาคำบรรยายได้แล้ว ของรางวัลดังกล่าวช่างยิ่งใหญ่เกินไปเสียจริง และยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบนับพันปี นี่คือช่วงเวลาสำคัญครั้งใหม่ในประวัติศาสตร์!

“ข้าต้องเตือนอีกว่าสองในสิบสองคนนี้ที่มีการแสดงความสามารถที่แย่ที่สุดจะถูกคัดออก เหลือเพียงสิบคนที่จะเข้าสู่รอบต่อไป”

เฉินซีและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ เหมือนกำลังถูกสาดน้ำเย็นใส่ พวกเขาเริ่มสร่างจากความยินดีครั้งนี้ แม้รอบการต่อสู้จะฟังดูง่ายดาย ทว่าความหฤโหดของการต่อสู้นั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก คงจะรีบร้อนเกินไปหากตื่นเต้นและรู้สึกคาดหวังในตอนนี้เพราะยังไม่แน่ชัดว่าผู้ใดจะไปถึงจุดหมายปลายทาง!

จักรพรรดิซ่งทอดสายตามองทุกคนพลางกล่าวต่อไป “ศิษย์ที่ผ่านเข้ารอบสิบคนสุดท้ายจะต้องเข้าสู่สระมังกรแปลงเพื่อบ่มเพาะสามเดือน ยิ่งลำดับขั้นของพวกเจ้าสูงมากเท่าใด ประโยชน์ที่ได้รับจากสระมังกรแปลงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น สามอันดับแรกยังสามารถเลือกกระบวนยุทธ์หรือพลังอิทธิฤทธิ์ระดับเต๋าจากขุมสมบัติของตระกูลจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ซ่งได้”

ในจังหวะนี้ แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีก็ไม่อาจนิ่งเฉย พวกเขาเบิกตากว้างพร้อมกับความรู้สึกเหลือเชื่อ

ปราณมังกรในสระมังกรแปลงนั้นเป็นสมบัติอันล้ำค่าชั้นหนึ่งแห่งโลก ผู้บ่มเพาะที่ฝึกฝนในที่แห่งนั้นจะได้รับผลประโยชน์ราวกับเกิดใหม่

ทว่ามันไม่จบอยู่แค่ตรงนั้น ศิษย์สามอันดับแรกแห่งการชุมนุมดาวรุ่งยังสามารถเลือกกระบวนยุทธ์หรือพลังอิทธิฤทธิ์ระดับเต๋าได้อย่างนั้นหรือ? นั่นคือขุมสมบัติแห่งราชวงศ์ซ่งซึ่งเก็บกระบวนยุทธ์ขั้นสุดยอดที่ได้ถูกรวบรวมมาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นใดก็เพียงพอที่จะเก็บเป็นมหาสมบัติที่ยิ่งใหญ่ในตระกูล!

‘นี่… พวกเขามีสิทธิ์เลือกสิ่งของได้อย่างไร? นั่นคือกระบวนยุทธ์หรือพลังอิทธิฤทธิ์ระดับเต๋าของราชวงศ์เชียวนะ! จะปล่อยให้ของถูกแจกจ่ายสู่โลกภายนอกได้อย่างไรกัน?’ ในขณะนี้ แม้แต่ผู้บ่มเพาะของราชันผู้ปรีชา จ้าวขุนศึก จ้าวทรงธรรมและจ้าวปกครองต่างขนลุก พวกเขาไม่อาจเชื่อได้ว่านี่คือความจริง

แม้พวกเขาจะตกตะลึงเป็นอย่างมาก ไม่มีใครกล้าซักถาม เพราะคนผู้นี้คือจักรพรรดิสูงสุดแห่งราชวงศ์ซ่ง เป็นผู้ปกครองโลกา ผู้ตรัสแล้วไม่คืนคำ …ผู้ไม่ยอมให้มีการต่อต้าน!

“เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนจงเข้าสู่แผนภาพขุนเขาธารสายไหมได้ชั่วคราว เพื่อทำสมาธิและตั้งใจฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวสู้” ทันทีที่สิ้นคำกล่าว ภาพวาดพลันปรากฏบนมือของจักรพรรดิซ่งก่อนที่จะถูกกางออกมา ฉากของหุบเขาและแม่น้ำที่ไหลขึ้นลง ปรากฏการณ์นับไม่ถ้วนพร้อมกับปราณเซียนอันยิ่งใหญ่และไร้เทียมทานปรากฏคลุมบนภาพวาด

แผนภาพขุนเขาธารสายไหม!

ดวงตาของผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีลุกโชนด้วยความเร่าร้อน นี่เป็นวัตถุเซียนอีกหนึ่งชิ้นที่มีผลพิเศษไม่แพ้ไปกว่าราชวังธารสายไหมที่พวกเขากำลังอาศัยอยู่

นอกจากนี้ ที่นั่นยังมีจักรวาลที่แยกออกมา มันเปรียบเสมือนโลกใบเล็ก การบ่มเพาะหนึ่งปีภายในนั้น เมื่อออกมาบนโลกภายนอก จะผ่านไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ทำให้เป็นวัตถุเซียนที่น่ายำเกรงยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี แม้แต่เซียนสวรรค์ที่แท้จริงยังริษยาต่อสมบัติชิ้นนี้

“ไม่ใช่ว่าพระองค์จะใจป้ำกับศิษย์แห่งการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้ไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ ถึงกับนำแผนภาพขุนเขาธารสายไหมเพื่อให้พวกเขาบ่มเพาะอยู่ภายในนั้น ความโชคดีเช่นนี้ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก!”

ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี่ต่างถอนหายใจ พวกเขาตระหนักดีว่าความสำคัญของจักรพรรดิซ่งที่มีให้กับการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้พิเศษเพียงใด

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

จักรพรรดิซ่งสะบัดแขนเสื้อ ทำให้เฉินซีและคนอื่น ๆ ถูกพัดเข้าสู่แผนภาพขุนเขาธารสายไหมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!!

เพียงพริบตาเดียว… ทั้งเก้าสิบหกคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อห็นภาพนี้ ขุนนางฝ่ายบุ๋นก็ไม่อาจยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นในใจ ได้ จากนั้นก็ซักถามด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท เป็นไปได้ไหมว่าการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้แตกต่างไปจากปกติพ่ะย่ะค่ะ?”

ทุกคนมองไปยังจักรพรรดิซ่งเมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นความงุนงง

จักรพรรดิซ่งกวาดสายตามองทุกคนและครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นจึงกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นจริง ทว่ามันเกิดขึ้นในแดนภวังค์ทมิฬและไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา ทุกคนจึงไม่ต้องกังวล เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าทุกคนจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเอง”

มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในแดนภวังค์ทมิฬ?

บรรดาผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีต่างมองหน้ากันและพรั่นพรึงอยู่ในใจ แม้ว่าจักรพรรดิซ่งจะไม่ได้บอกว่ามันคืออะไร ทว่าเนื่องจากสามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘เหตุการณ์สำคัญ’ นั้นจึงไม่อาจประมาทได้อย่างแน่นอน

ไม่เพียงแต่แดนภวังค์ทมิฬจะเป็นโลกขนาดใหญ่ที่ใกล้กับมิติเซียนมากที่สุด หากมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นที่นั่น บางทีมันอาจจะเป็นกลียุคครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับทั่วทั้งมิติที่สาม!!

“ทุกคน พวกเราไม่ได้พบเจอกันนาน ในเมื่อวันนี้เรามารวมกันที่นี่แล้ว เหตุใดจึงไม่ใช้โอกาสนี้ร่ำสุราในขณะที่คุยกันเรื่องเต๋าไปด้วยกันเล่า?” จักรพรรดิซ่งกล่าวขัดความคิดของทุกคน

“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ฟังข้อเท็จจริงแห่งเต๋าของฝ่าบาท!” บรรดาผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีรู้สึกปลื้มปิติอย่างยิ่ง การฝึกฝนของจักรพรรดิซ่งนั้นยากจะหยั่งถึง และพละกำลังของเขาก็สูงส่งจนอยู่เหนือโลกทั้งใบ ดังนั้นการได้แลกเปลี่ยนความรู้ในการฝึกฝนกับเขาจึงเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคตที่จะต้องท้าทายสรวงสวรรค์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะไม่รู้สึกยินดีได้อย่างไรที่ได้รับโอกาสสนทนาเรื่องเต๋ากับจักรพรรดิซ่ง?

ในหุบเขาที่เงียบสงบ ณ แผนภาพขุนเขาธารสายไหม

ปราณวิญญาณในโลกใบเล็กแห่งนี้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ประกอบกับปราณเซียนอยู่เล็กน้อย ดังนั้นการบ่มเพาะในที่แห่งนี้จึงมีประสิทธิภาพมากกว่าการบริโภคโอสถเหลวหยกนภาอย่างแน่นอน

“สิบปีในโลกแห่งดาราเท่ากับหนึ่งปีในโลกภายนอก หากเทียบกันแล้ว ดูเหมือนแผนภาพขุนเขาธารสายไหมนี้จะน่าเกรงขามกว่าเคหาบ่มเพาะในจี้หยกของข้าเสียอีก! ยิ่งไปกว่านั้น …สถานที่นี้ยังเต็มไปด้วยปราณวิญญาณและร่องรอยของปราณเซียน เป็นสิ่งที่โลกแห่งดาราไม่อาจเปรียบเทียบได้เช่นกัน แต่ความยิ่งใหญ่ของเคหาดูเหมือนจะไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ข้าเคยเห็น หากมีโอกาส ข้าต้องสอบถามผู้อาวุโสจี้อวี๋ว่าเคหาบ่มเพาะนี้เป็นสมบัติที่มีคุณภาพมากเพียงใด…” เฉินซีสำรวจสภาพแวดล้อมของเคหาบ่มเพาะอยู่ครู่หนึ่งก่อนนั่งไขว่ห้าง จากนั้นเขาก็กลั้นหายใจทำสมาธิเพื่อรักษาสภาพจิตใจที่ว่างเปล่า ก่อนเริ่มฝึกฝน

ยังมีเวลาอีกหนึ่งปีก่อนการต่อสู้ครั้งสุดท้าย… เขาตั้งใจจะหยุดอ่อนข้อและทะลุทะลวงการบ่มเพาะของตน! และตัดสินใจคว้าโอกาสนี้เพื่อพัฒนาทั้งการขัดเกลากายาและบ่มเพาะปราณไปสู่ขั้นสมบูรณ์

ด้วยวิธีนี้ เขาจะมีโอกาสประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในการต่อสู้ที่จะมาถึงในอีกหนึ่งปีนับจากนี้อย่างแน่นอน

ตู้ม!

ปราณจ้าววิญญาณในร่างกายของเฉินซีพลุ่งพล่าน! คลื่นพลังมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมา! เสียงของปราณจ้าววิญญาณกระทบกับกระดูกของเขา จนดังก้องราวกับเสียงแห่งมหาเต๋า ในขณะที่ทั่วทั้งร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเขาจะอยู่ในแผนภาพขุนเขาธารสายไหม ทว่าก็ยังสามารถฝึกฝนวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพและเชื่อมกับปราณแห่งดาราอนันต์ในจักรวาลได้เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นเฉินซียังมีผลึกโลหิตจ้าววิญญาณจำนวนมากในตัว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่อาจเลื่อนขั้นได้จากการไม่มีปราณจ้าววิญญาณ

หลังจากบ่มเพาะจนถึงขอบเขตในปัจจุบัน ร่างกายของเฉินซีก็แข็งแกร่งมากแล้ว หากเขาต้องการบรรลุขอบเขตเคหาทองคำขั้นสมบูรณ์ในการขัดเกลากายา ก็ต้องเริ่มจากทำให้อวัยวะภายในของเขาเย็นลง ทำให้ทั้งร่างกายของเขาสงบนิ่งและคงสภาพจากภายในสู่ภายนอก

ชายหนุ่มต้องทำอักขระจ้าววิญญาณทั้งเก้าบนหลังของตนเพื่อเชื่อมโยงกับสวรรค์และโลก เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะมีโอกาสบรรลุสู่ขอบเขตถัดไป

เฉินซีเริ่มทิ้งความคิดทุกอย่างไปและจมอยู่ในการบ่มเพาะ จนกระทั่งไม่ทราบกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป…

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท