บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 395 ความก้าวหน้าถึงสองครั้ง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 395 ความก้าวหน้าถึงสองครั้ง

บทที่ 395 ความก้าวหน้าถึงสองครั้ง

หนึ่งเดือนต่อมา ในโลกใบเล็กภายในแผนภาพขุนเขาธารสายไหม

จู่ ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องจากร่างของเฉินซี ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และมันก็ถูกชำระล้างด้วยปราณจ้าววิญญาณที่ไร้ขอบเขต ทำให้ผิวหนัง อวัยวะภายใน กล้ามเนื้อ และทั้งร่างกายของเขา ส่งเสียงดังก้องจากภายในจนสู่ภายนอกอย่างชัดเจน

ในขณะที่บนแผ่นหลังของเขา อักขระจ้าววิญญาณทั้งเก้าได้เปล่งแสงพร่างพราวทั้งเก้าดวง ซึ่งมีสีฟ้า สีแดงเข้ม สีดำ สีทอง และอื่น ๆ ดวงแสงทั้งเก้าได้หลอมรวมกันที่กลางอากาศ กลายเป็นรูปแบบหมอกเพลิงอันลึกลับและลึกซึ้ง

ตู้ม!

ทันทีที่รูปแบบของหมอกเพลิงปรากฏขึ้น มันก็เปล่งแสงอันไร้ขอบเขตและพร่างพรายออกมา ซึ่งส่องสว่างไปทั่วโลกราวกับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และมันก็ค่อย ๆ สลายไปหลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน

“ในที่สุด ข้าก็บรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์ในการขัดเกลากายา!”

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำให้ร่างกายของเขาเปล่งเสียงดังก้องออกมาทันที ปราณจ้าววิญญาณ ของเขาก็พวยพุ่งขึ้น นอกจากเนื้อและกระดูกของเขาจะกลายเป็นผลึกใสและแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว อวัยวะภายในร่างกายของเขายังเปล่งประกาย พวกมันเป็นดั่งดวงอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ จำนวนมาก

ทันทีที่เขาออกแรงเพียงเล็กน้อย อวัยวะภายในก็ปล่อยคลื่นเสียงที่เหมือนกับกระแสน้ำที่ถาโถมลงมาจากภูเขา ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเปล่งแสงแวววาวราวกับขุมทรัพย์และสั่นคลอนไปตามจังหวะที่แปลกประหลาดโดยไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา

เฉินซีสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า อวัยวะภายในของเขาเป็นเหมือนดวงดาวขนาดใหญ่จำนวนมาก ที่มีลักษณะเป็นผลึกและโปร่งแสง แข็งแกร่งและทรงพลังมหาศาล กอปรกับการหายใจของเขา พวกมันก็สร้างจังหวะที่แปลกประหลาด ซึ่งเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้าและมากไปด้วยพลัง

“แม้แต่หัวใจของข้าก็ยังเป็นผลึกโปร่งแสงและแข็งแกร่งเทียบได้กับกระดูกในร่างกาย ด้วยสิ่งเหล่านี้ หากข้าต่อสู้กับผู้คน ข้าย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน! เฉินซีทั้งรู้สึกประหลาดใจและยินดีเป็นอย่างมาก

จุดอ่อนที่ร้ายแรงของผู้บ่มเพาะก็คือ หัวใจและศีรษะของพวกเขา ซึ่งในตอนนี้ หัวใจของเขาได้แข็งแกร่งเหมือนผลึกแก้วและเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล ดังนั้นแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ตราบใดที่พลังชีวิตของเขายังคงอยู่ มันก็จะสามารถฟื้นฟูให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้!

หลังจากนั้น เฉินซีก็ลองใช้กำปั้นทุบร่างกาย

ตู้ม!

เกิดเสียงดังกึกก้องที่เหมือนกับเทพเจ้ากำลังตีกลอง อวัยวะภายในทั้งหกต่างก็สะท้อนกับกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน อีกทั้งยังเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขามั่นใจได้ในทันทีว่า หลังจากที่เขาบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์แล้ว ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอีกครั้ง ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นในปราณจ้าววิญญาณของเขา แม้แต่ผิวหนัง เลือดเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้น จนถึงจุดที่ยากจะทำร้ายด้วยอาวุธ!

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสังเกตเห็นว่า กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นของร่างกายในปัจจุบันของเขา มีความเหนียวแน่นและยืดหยุ่นเหมือนเส้นเอ็นของวัวที่ผ่านการขัดเกลามาเป็นร้อยครั้ง เลือดเนื้อเปี่ยมไปด้วยพละกำลังวังชา กระดูกสีขาวหยกได้กลายเป็นผลึกแก้ว อวัยวะภายในต่าง ๆ ก็โปร่งแสงและสว่างราวกับหยกชั้นเลิศ แม้แต่ผิวพรรณก็ยังกระจ่างและส่องประกาย

ทั้งร่างกายภายในและภายนอกของเขาได้เปลี่ยนเป็นเหมือนผลึกแก้วที่ใสบริสุทธ์ ซึ่งปราศมลทินอย่างสิ้นเชิง!

นี่คือปรากฏการณ์ที่เป็นรูปธรรมเมื่อร่างกายได้แข็งแกร่งขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ทำให้ทุกส่วนของร่างกายทั้งหมดดูเหมือนสร้างขึ้นจากผลึกแก้ว และแม้ว่าคนผู้นั้นจะเดินเข้าไปในบึงโคลน ร่างกายก็จะไม่แปดเปื้อนสิ่งสกปรกเลยแม้แต่นิดเดียว!

ว่ากันว่าเทพอสูรที่สูงส่งซึ่งท่องไปอย่างอิสระอยู่ภายในโลกในสมัยโบราณ เมื่อการขัดเกลากายาได้บรรลุถึงระดับที่สูงมาก ร่างกายทั้งหมดของพวกเขาจะเกิดปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงไปทั่วท้องฟ้าและผืนดิน ทำให้ดอกไม้โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ลำแสงพุ่งออกมาจากใต้เท้าของพวกเขา เสียงของเต๋าเติมเต็มท้องฟ้า สรรพสิ่งในโลกจะร้องสรรเสริญพวกเขาและสิ่งอื่น ๆ เป็นต้น

ในตอนนี้ ร่างกายของเฉินซีสามารถสร้างจังหวะของเต๋าได้ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งไร้ข้อบกพร่องโดยสมบูรณ์ เมื่อการขัดเกลากายาได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น มันก็จะเกิดปรากฏการณ์ดั่งเทพอสูรโบราณ และทำให้เขามีพละกำลังที่ไร้ขอบเขต

“ช่างทรงพลังยิ่งนัก!” แม้ว่าการขัดเกลากายาของเขาจะก้าวหน้าไปเพียงหนึ่งขั้น แต่เฉินซียังคงสัมผัสได้ว่า ความแข็งแกร่งในการขัดเกลากายาของเขาในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเกือบสองส่วน

ตู้ม!

เฉินซีไม่ได้ใช้ปราณแท้และปราณจ้าววิญญาณ เขาเพียงใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของตนเองเพื่อกระโดดลงมาจากภูเขาที่สูงถึงสองลี้!!

ตู้ม!

เกิดเสียงดังสนั่น ควันและฝุ่นผงฟุ้งกระจายไปในอากาศ ในขณะที่พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เนื่องจากเขาได้กระแทกพื้นจนเกิดหลุมขนาดมหึมาที่มีรอยแตกขยายออกเป็นวงกว้าง

แต่เฉินซีกลับไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เขาเดินออกมาจากหมอกควันด้วยจิตวิญญาณและพลังงานที่เต็มเปี่ยม อีกทั้งร่างกายยังผ่อนคลายและปราศจากสิ่งสกปรก ชายหนุ่มมาถึงที่เชิงเขา ก่อนเหยียดแขนออกไปกดเข้ากับผนังของภูเขา หลังจากนั้นก็ตะโกนออกไปเสียงดังว่า “จงตื่นขึ้น!”

ครืนนนนน!

ภูเขาที่สูงกว่าสองลี้และมีน้ำหนักมหาศาลถูกแขนของเฉินซีถอนออกโดยทันที ทำให้พื้นใต้เท้าของเขาเกิดเสียงแตกร้าว เนื่องจากมันไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้

นี่คือการสำแดงพลังที่แท้จริง ซึ่งได้ครอบครองความแข็งแกร่งจนสามารถถอนรากถอนโคนภูเขาได้!

เมื่อมองจากระยะไกล แม้ว่าในขณะนี้ เฉินซีจะดูผอมบางและตัวเล็ก แต่พละกำลังของเขานั้นยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเทพอสูรโบราณในวัยหนุ่ม ที่มีพละกำลังไร้ขอบเขตที่สามารถโค่นล้มขุนเขาและเคลื่อนย้ายมหาสมุทรได้!

“เพียงอาศัยการขัดเกลากายาในปัจจุบัน ข้าก็ควรจะได้อันดับหนึ่งในสิบของการชุมนุมดาวรุ่งได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าจะประมาทไม่ได้ เพราะอัจฉริยะคนอื่น ๆ อาจมีความสามารถที่ทรงพลังมากมายเช่นกัน ข้าจึงต้องคอยระวังพวกเขา…” เฉินซีไม่ได้ทดสอบความแข็งแกร่งของตนเองต่อไป เขาโยนภูเขาในมือทิ้งและครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิบนพื้น เพื่อทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์ในการบ่มเพาะปราณภายใน

ภายในพระราชวังธารสายไหม

จักรพรรดิซ่งกำลังดื่มกินและสนทนาเรื่องเต๋ากับเหล่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี แต่จู่ ๆ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และแสงที่มองไม่เห็นได้ส่องประกายอยู่ภายในดวงตาของเขา

‘เคล็ดวิชาการบ่มเพาะที่ขัดเกลาร่างกายโดยอาศัยพลังแห่งดวงดาวหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ตามข่าวลือว่ากันว่า เด็กคนนี้มีทักษะในเต๋าแห่งยันต์อักขระเช่นกัน…’

‘หรือว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับบุคคลในตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความสามารถสูงส่ง?’

‘น่าสนใจ แม้ว่าตัวตนของเด็กคนนี้จะพิเศษเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็คู่ควรแก่การได้รับความสนใจ มาดูกันว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนในการชุมนุมดาวรุ่ง …’ ดวงตาของจักรพรรดิซ่งนั้นลึกล้ำดั่งเหวมืด และดูเหมือนจมอยู่ในห้วงความคิด

หนึ่งเดือนผ่านไปภายในแผนภาพขุนเขาธารสายไหม แต่เวลาผ่านไปเพียงสองชั่วยามในโลกภายนอก

หลังจากบ่มเพาะจนการขัดเกลากายาได้บรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์ เฉินซีได้ใช้เวลาอีกเกือบสามเดือนเพื่อบ่มเพาะปราณภายในของเขา ให้บรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์

ด้วยการบ่มเพาะเต๋ารู้แจ้งและดวงจิตแห่งเต๋าที่เขามีอยู่ในขณะนี้ ควบคู่ไปกับร่องรอยของปราณเซียนที่มีอยู่ในแผนภาพขุนเขาธารสายไหม การบรรลุสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์นั้น เป็นสิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามสักเท่าใด

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ภายใต้แสงจันทร์ที่มืดสลัว ปราณกระบี่จำนวนมากที่ละเอียดราวกับลำแสงได้ส่งเสียงหวีดหวิวออกมาทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง ปราณกระบี่เหล่านี้ได้บดขยี้มิติที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาด้วยพลังที่น่าตกตะลึง

เฉินซีเพิ่งบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์ ดังนั้นจิตใจและร่างกายทั้งหมดจึงปลอดโปร่ง สมบูรณ์แบบ บริสุทธิ์และไร้ที่ติ ซึ่งเหมาะสมกับการทำความเข้าใจเต๋าแห่งกระบี่ที่สุด

ความพากเพียรเท่านั้นที่จะสามารถบรรลุความสำเร็จในเต๋าแห่งกระบี่ได้

มีเพียงการพุ่งไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดและกำจัดความอยุติธรรมในใจ จึงจะทำให้สำนึกกระบี่สมบูรณ์แบบและไม่ถูกขัดขวางใด ๆ

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในกระบวนท่ากระบี่ทั้งแปดของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบจะซับซ้อนอย่างไร้ขอบเขต แต่ถ้าใครถูกผูกมัดด้วยการเปลี่ยนแปลงของมันและสูญเสียความคิดที่จะก้าวไปข้างหน้า นั่นหมายถึงความล้มเหลว เพราะการหลอมรวมการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดไว้ในกระบวนท่าเดียวคือแก่นแท้ของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ

คำว่า ‘หมื่นบรรจบ’ ย่อมหมายถึงการหลอมรวมการเปลี่ยนแปลงทุกประเภท ไว้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวหรือไม่?

ประสบการณ์หลากหลายที่เขาได้สั่งสมจากการต่อสู้และการเข่นฆ่าในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ได้ไหลบ่าเข้ามาสู่หัวใจของเฉินซีราวกับคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้าใส่ ทำให้ความเข้าใจต่อคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบของเขาลึกล้ำยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

ทันใดนั้น เขาก็ยืนขึ้นพร้อมกับกระบี่ในมือ แล้วฟันออกไปทางท้องฟ้าในทันที

กระบี่ของเฉินซีได้แปรเปลี่ยนเป็นเจตจำนงอันยิ่งใหญ่ ดวงจิตแห่งเต๋าของเขาก็มุ่งมั่นที่จะไล่ตามเต๋าแห่งสวรรค์ พลังงานเต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ ที่เขามีอยู่ได้พวยพุ่งและถาโถมออกไปดั่งแผ่นดินถล่มและคลื่นยักษ์ ซึ่งพวกมันได้รวมอยู่ในการโจมตีครั้งนี้

ครืนนน!

ปราณกระบี่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า… อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะแฝงไปด้วยความยิ่งใหญ่ของนภา และความหนาแน่นของผืนพิภพ วารีและอัคคีก็ถือกำเนิดขึ้นภายในนั้น แวดล้อมไปด้วยวายุและอัสนี… ความลึกล้ำของมหาเต๋าสูงสุดต่าง ๆ ถูกรวบรวมไว้ในการโจมตีครั้งนี้!

ทำให้ท้องฟ้าถูกผ่าเป็นชิ้น ๆ!

สภาพอากาศปั่นป่วน

สายฟ้า พายุ เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ และกระแสน้ำนับไม่ถ้วน ต่างก็พวยพุ่งและถาโถมออกไปอย่างรุนแรงจากปราณกระบี่! ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็เหมือนกับโลกกำลังเกิดใหม่และถูกการทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่ทั้งหมดถูกบรรจุไว้ภายในการโจมตีด้วยกระบี่นี้!

“หืม?”

ภายในพระราชวังธารสายไหม เปลือกตาของจักรพรรดิซ่งกระตุกและมีสายฟ้าเย็นยะเยือกพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือนก็พุ่งออกมาจากร่างกาย ทำให้เหล่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีต่างก็ตกตะลึงจนร่างกายสั่นสะท้าน พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าตกใจและปิดปากสนิทโดยพร้อมเพรียงกัน

บรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจ ได้กลายเป็นความเงียบงันในทันที

“ไม่มีอะไร แค่ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้บ่มเพาะในแผนภาพขุนเขาธารสายไหมเท่านั้น อย่าได้ไปใส่ใจ พวกเรามาดื่มสุรากันต่อเถอะ” จักรพรรดิซ่งควบคุมกลิ่นอายของเขา จากนั้นจึงโบกมือและกล่าวอย่างเฉยเมย

สีหน้าของทุกคนผ่อนคลายลง แต่ในใจของพวกเขากลับมีความสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง “เพียงแค่การบ่มเพาะของผู้บ่มเพาะตัวน้อย กลับทำให้ฝ่าบาทเผยร่องรอยแห่งความตกตะลึงได้? นี่เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้หรือ? แล้วผู้บ่มเพาะคนนั่นมาจากกองกำลังไหนกันแน่?”

“ช่างน่าเสียดาย… การโจมตีนี้ได้หลอมรวมกระบวนท่ากระบี่เพียงเจ็ดกระบวนท่าเท่านั้น และมันยังขาดอยู่เล็กน้อย จึงจะสามารถรวมกระบวนท่ากระบี่ทั้งแปดให้กลายเป็นกระบวนท่าเดียวได้…”

เฉินซีผู้อยู่ในโลกของแผนภาพขุนเขาธารสายไหม ไม่รู้ว่าการโจมตีของเขาก่อนหน้านี้ ทำให้จักรพรรดิซ่งรู้สึกตกใจ และตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยเท่านั้น

คัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบถูกแบ่งออกเป็นแปดระดับ

เพียงแค่เข้าใจกระบวนท่ากระบี่ทั้งแปด ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้พื้นฐานและเป็นระดับแรกเท่านั้น

การรวมทุก ๆ สองกระบวนท่าของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบเข้าด้วยกัน ให้กลายเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียว ถือว่าเป็นระดับที่สอง

การรวมกระบวนท่ากระบี่ทั้งสามเข้าด้วยกัน ถือว่าเป็นระดับที่สาม

จากนั้นทำซ้ำไปตามลำดับ จนกว่ากระบวนกระบี่ทั้งแปดท่าจะหลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์และกลายเป็นกระบวนท่าเดียว เมื่อทำได้สำเร็จก็คือระดับที่แปดของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ และอาจถือได้ว่าบรรลุคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบได้อย่างถ่องแท้

ซึ่งในขณะนี้ เฉินซีทำได้เพียงหลอมรวมกระบวนท่ากระบี่ทั้งเจ็ดให้เป็นหนึ่งเดียว และยังอยู่ห่างจากการบ่มเพาะคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบให้สมบูรณ์แบบ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกเสียใจเล็กน้อยได้

แต่เขาก็ตระหนักได้เช่นกันว่า เนื่องจากคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบนั้นเป็นเคล็ดวิชาที่ฝึกฝนได้ยากที่สุดในโลกแห่งการบ่มเพาะ อีกทั้งยังเป็นเคล็ดวิชาที่คนส่วนใหญ่ไม่แม้แต่จะเข้าใจพื้นฐานของมันได้ ดังนั้นการที่เขาสามารถบรรลุคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบได้ถึงระดับที่เจ็ด ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง

ในช่วงเวลาต่อมา เฉินซีจึงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนกระบี่อย่างสุดหัวใจ จนไม่รู้ว่าเวลาได้ล่วงเลยไปถึงเพียงใด

เวลาล่วงเลยไปถึงหนึ่งปีแล้วโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว

“เวลาหมดลงแล้ว พวกเจ้าทุกคนจงรีบออกมา! การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น!” ในวันนี้ เสียงของจักรพรรดิซ่งได้ดังก้องไปทั่วโลกของแผนภาพขุนเขาธารสายไหม

ต่อจากนั้น แสงเจิดจ้ามากมายก็สาดส่องลงมา เฉินซี ชิงซิ่วอี้ จ้าวชิงเหอ และคนอื่น ๆ ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากแผนภาพขุนเขาธารสายไหม

เมื่อเฉินซีลืมตาขึ้นด้วยความงุนงงและเห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในพระราชวังธารสายไหมแล้ว เขาก็ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์

คนอื่น ๆ กำลังนั่งสมาธิหรือนอนหลับอยู่บนพื้น สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความมึนงง และพวกเขาก็ได้สติกลับคืนมาทีละคน จากนั้นจึงยืนขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“หลังจากทำสมาธิและบ่มเพาะเป็นเวลาหนึ่งปี พวกเจ้าน่าจะบรรลุระดับสูงสุดอย่างแน่นอน ต่อไป ข้าจะสร้างสนามรบไว้เหนือท้องฟ้าของนครหลวงธารสายไหม และให้ผู้บ่มเพาะทุกคนในเมืองเป็นสักขีพยานในการต่อสู้”

“ไม่ว่าจะเพื่อรางวัลหรือเพื่อศักดิ์ศรี ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีและแสดงความสามารถที่ไร้เทียมทานของอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งราชวงศ์ซ่งของข้า!” บนบัลลังก์ตรงกลางที่มีมังกรเก้าตัว จักรพรรดิซ่งกวาดสายตาไปยังทุกคน พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและไพเราะ ซึ่งเหมือนกับระฆังที่ส่งเสียงดังกังวานไปสู่ชั้นสวรรค์ทั้งเก้า และแม้แต่ผู้บ่มเพาะที่อยู่ทั่วนครหลวงธารสายไหมก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท