บทที่ 399 กระบี่ฝันร้ายไร้รูป
บทที่ 399 กระบี่ฝันร้ายไร้รูป
กระบี่ฝันร้ายไร้รูป!
กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่หายากมาก ซึ่งแฝงด้วยมหาเต๋าแห่งมายา
ในใต้หล้านี้ หากมีแสงย่อมมีเงาและภาพลวง หากมีจริงย่อมมีฝันร้ายและสิ่งลวง
วิชากระบี่ฝันร้ายไร้รูปนั้นใช้จิตใจ จิตวิญญาณ ความแข็งแกร่ง และวิชาในการควบคุมกระบี่ ซึ่งต่างจากเต๋าแห่งกระบี่ธรรมดา มันทั้งลึกล้ำเกินหยั่ง ประหลาด แยบยล และไม่เหมือนใคร
ซูเจี้ยนคงได้วิชานี้มาโดยบังเอิญและบ่มเพาะจนเชี่ยวชาญแล้ว แค่เขาตวัดกระบี่ธรรมดา ก็สามารถเปลี่ยนจริงเป็นเท็จ ราวกับแสงสาดส่อง สร้างภาพลวงผสานกับภาพจริง ทำให้ไม่อาจป้องกันได้เลย
ขวับ!
แสงกระบี่ที่ปรากฏขึ้นอย่างไร้เสียง เหมือนภาพลวงที่เสือกเข้ามาหมายแทงหน้าผากเฉินซีอย่างดุเดือด ดูโหดเหี้ยมนัก หากถูกตัวก็คงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!!
ในจังหวะวิกฤตนี้ เฉินซีเงยหน้าขึ้นทันที แสงกระบี่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วภายในรูม่านตา แต่สีหน้าเขาปราศจากความตื่นตระหนก ขณะยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนราวกับว่ากลัวจนตัวแข็ง
“อ่อนแอเกินไป!” เมื่อเห็นเฉินซีเช่นนี้ มุมปากซูเจี้ยนคงก็เจือแววเย็นชาขึ้นมา การโจมตีครั้งนี้รวดเร็วดุดัน และภายใต้การโจมตีอย่างกะทันหันนี้ แม้ว่าเฉินซีจะหยิบสมบัติวิเศษป้องกันออกมาใช้ เขาก็คงไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้
ตอนนี้เฉินซีไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด และเขาต้องตายเป็นแน่!
ชิ้ง!
แสงกระบี่พุ่งออกมา ทะลุศีรษะของเฉินซีไปในทันที
“ฮ่า…” ซูเจี้ยนคงกำลังจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ทว่าเสียงหัวเราะยังไม่ทันออกมาสุด ตัวคนก็แข็งค้างไปในพลัน เพราะเขาสังเกตเห็นว่าหลังจากที่แสงกระบี่ทะลุศีรษะของเฉินซีแล้ว มันกลับไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียว!
เมื่อเห็นดังนี้ เขาก็หรี่ตาลง ตกใจขึ้นมาจนพูดไม่ออก เพราะร่างนั้นไม่ใช่เฉินซี แต่เป็นภาพลวงตาต่างหาก!
“เต๋ารู้แจ้งลวงตานี้ดีมาก ผสมจริงเท็จ แม้แต่ข้ายังเกือบจะแยกแยะไม่ออก” ในขณะนี้ เสียงเฉินซีดังขึ้นข้างหลัง ทำให้ซูเจี้ยนคงตกใจทันที
“ภาพลวงริบหรี่เช่นภาพฝัน!” เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยและหายตัวไปทันที พร้อมกันนั้น ร่างหลายสิบร่างก็วูบไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดเข้าใส่เฉินซีจากทุกทิศทาง
ร่างทั้งหลายนี้คือซูเจี้ยนคง ซึ่งล้วนมีกลิ่นอายดุดันและเป็นของจริง หากมองจากตาคนเดียวก็ไม่อาจแยกจริงเท็จได้
“หากเจ้าใช้กระบี่สวรรค์ปฐพี เจ้าอาจจะรั้งไว้ได้สักนิด แต่น่าเสียดาย เจ้ากลับใช้วิธีต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ต่อข้าอย่างสิ้นเชิง…” ท่ามกลางน้ำเสียงสงบและไม่ใส่ใจนั้น พลันเกิดเนตรแนวตั้งขึ้นระหว่างคิ้วของเฉินซี มันดำสนิทและลึกล้ำราวกับสามารถกลืนกินวิญญาณคนได้
พลังอิทธิฤทธิ์ เนตรเทวะแห่งความจริง!
ฟิ้ว!
เมื่อเนตรนั้นกวาดมอง เฉินซีรู้สึกราวกับฟ้าดินพลันเปลี่ยนแปลงไป สีของมันโดดเด่นขึ้นอย่างชัดเจน แม้แต่การไหลเวียนอากาศ อนุภาค และความผันผวนในอวกาศ เขาก็สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ลึกลงไปถึงรายละเอียดปลีกย่อย
ภายใต้สายตาแปลกประหลาดนี้ เขามองเพียงแวบเดียวก็เห็นได้ว่าร่างกว่าสิบร่างที่แวบเข้ามานั้นเป็นภาพลวงตา ขณะที่ร่างจริงของซูเจี้ยนคงถูกซ่อนไว้ในที่ห่างไกล!
“น่าเบื่อจริง!” เฉินซีส่ายหัวขณะเคลื่อนตัวดั่งสายฟ้า หลบการโจมตีจากภาพลวงตามากมายได้ ครู่ต่อมา เขาก็มาถึงจุดที่ซูเจี้ยนคงซ่อนตัวอยู่ และฟาดยันต์ศัสตราลงไป
‘มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?! หลายปีมานี้ข้าสังหารคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามนับไม่ถ้วนด้วยกระบี่ฝันร้ายไร้รูป และไม่เคยล้มเหลวมาก่อน สหายผู้นี้กลับหาร่างที่แท้จริงของข้าได้ทันทีได้อย่างไรกัน?’ สีหน้าของซูเจี้ยนคงดูขรึมลง แต่ถึงในใจจะตกตะลึง ทว่าปฏิกิริยาของเขาก็รวดเร็วมาก ตัวคนกระทืบเท้าลงพื้น ทำให้แสงกระบี่ลวงดั่งฝันจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาทั่วฟ้าดิน เหมือนใยแมงมุมที่สกัดการโจมตีด้วยกระบี่ของเฉินซีไว้ได้ทั้งหมด
“ภาพลวงตารวดเร็วดั่งแสง หมื่นกระบี่ลวง!” พร้อมกันนั้น ซูเจี้ยนคงก็เปิดฉากตอบโต้อย่างเด็ดขาดออกมา เขาใช้แรงทั้งหมด นัยน์ตายังเต็มไปด้วยเพลิงไฟ
กระบี่ของเขาเร็วขึ้นมาก ราวกับภาพกระบี่มากมายซ้อนทับกันทีละภาพจนปกคลุมฟ้าดิน ราวห่าฝนตกหนักปกคลุมสภาพแวดล้อมรอบกายทั้งหมดไว้
“เช่นนี้ค่อยสิ่งน่าสนใจหน่อย…” เฉินซียิ้มบางพลางใช้ท่าเคลื่อนเข้าประชิดตัวซูเจี้ยนคง ร่างของทั้งสองปรากฏขึ้นรอบสังเวียนประลอง ขณะที่ภาพกระบี่แวบผ่านไปมา แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่รวดเร็วไม่ธรรมดา
สิ่งที่ทำให้ซูเจี้ยนคงประหลาดใจคือ เฉินซีดูจะมองการเคลื่อนไหวของเขาออก ท่ากระบี่ของเฉินซีนั้นแม่นยำและโหดเหี้ยมมาก ทุกการโจมตีทะลวงผ่านภาพลวงตาชั้นแล้วชั้นเล่าเพื่อหมายซัดร่างจริงของเขา
ต่อหน้าเฉินซี กระบี่ฝันร้ายไร้รูปไม่อาจทำอะไรได้เลย!
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
ก่อนหน้านี้เฉินซีตั้งใจจะขัดเกลาตนเอง แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว ยันต์ศัสตราในมือเขามีความว่องไวและลึกล้ำเกินหยั่ง บางครั้งมันก็เหมือนสายฟ้าที่ฟาดผ่านฟ้าอย่างดุดันหาใครเทียบ บางครั้งก็เหมือนสายลมหรือละอองฝน ทั้งละเอียดทั้งหนาแน่นราวกับถูกถักทอเข้าด้วยกัน กระบวนกระบี่ท่าแล้วท่าเล่าฟันออกไปพร้อมกับเต๋ารู้แจ้งและพลังไร้ขอบเขต
“บัดซบ! เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก!” ซูเจี้ยนคงดวงตาแดงก่ำ เขาบ้าคลั่งไปแล้ว ปราณแท้ในร่างพลันพุ่งสูงเมื่อกระบวนท่ากระบี่แปรเปลี่ยน ชายหนุ่มไม่ได้ใช้กระบี่ฝันร้ายไร้รูปอีกต่อไป เปลี่ยนกลับไปใช้กระบี่สวรรค์ปฐพีอันไร้ที่ติแทน การโจมตีด้วยกระบี่แต่ละครั้งหนักหน่วงกว่าเดิม มันอาจถล่มขุนเขาได้ด้วยซ้ำ ขณะซัดเข้าสกัดทุกการโจมตีของเฉินซีอย่างดุเดือด
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองรวดเร็วมาก เต๋ารู้แจ้งสั่นสะเทือน แสงกระบี่พุ่งขึ้นเต็มฟ้าและถลาลงดิน คล้ายภูเขาไฟสองลูกกำลังปะทะกัน ล้วนระเบิดเพลิงออกมาทั้งคู่
“อัศจรรย์นัก! นี่เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่การต่อสู้ทั้งหลายเลยเชียว!”
“ใช่แล้ว ทั้งคู่เป็นผู้บ่มเพาะกระบี่ กระบวนท่าดุเดือดและรวดเร็ว ทรงพลังอย่างไร้ที่ติ ยังเยาว์วัยทว่าแกร่งเช่นนี้ได้ แทบไม่อยากเชื่อจริง ๆ”
“น่าเสียดาย ซูเจี้ยนคงนั่นเห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าเฉินซีอยู่เล็กน้อย ถูกกดดันไปทุกทาง หากมีเหตุพลิกผัน เช่นนั้นเขาก็คงพ่ายแพ้แน่…”
ด้านนอกสังเวียนสังหารปีศาจ หัวใจของเหล่าผู้บ่มเพาะล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่สามารถยับยั้งได้ขณะดูการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ได้เห็นแล้วว่าสถานการณ์ของซูเจี้ยนคงเริ่มไม่สู้ดีแล้ว
“ข้าจะไม่แพ้แน่! ไม่แพ้แน่นอน! ข้าเป็นผู้บ่มเพาะอัจฉริยะคนเดียวแห่งนิกายสวรรค์ปฐพี ข้าจะมาหยุดอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ทันใดนั้น ซูเจี้ยนคงก็ตะโกนก้องด้วยเสียงแหบห้าว เจตจำนงกระบี่พุ่งขึ้นฟ้า การโจมตีของเขายิ่งรุนแรงขึ้น
กลับเป็นเฉินซีที่ค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นแทน แม้ว่าจิตวิญญาณในการต่อสู้ของซูเจี้ยนคงจะยังคงเร่าร้อน ทว่าท่ากระบี่ของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว จึงไม่อาจเป็นภัยต่อเฉินซีได้อีกต่อไป
ขวับ!
ยันต์ศัสตรากรีดผ่านฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าอันน่าตกตะลึง ฟาดลงมาพร้อมกับเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้า ลม นภา ไฟ และน้ำ!
เฉินซีใช้เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบระดับ 6 ในการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งผสานสุดยอดกระบวนกระบี่ทั้งหกกระบวนท่าเอาไว้ สะเทือนฟ้าจนส่งเสียงร้องครืน มวลอากาศแตกสลาย ทุกสิ่งเบื้องหน้าพลันถูกทำลาย
ตู้ม!
เมื่อถูกพลังซัดจากกระบี่ที่ไม่อาจต้านได้เช่นนี้ ซูเจี้ยนคงก็ร่างกระเด็นลอยไปหกลี้ดั่งว่าวสายขาด ร่วงลงกระแทกพื้นแล้วกระอักเลือดออกมาไม่หยุด หน้าตาเขาซีดเซียวไปหมด ทั่วร่างเจ็บปวดรวดร้าวจนสั่นสะท้านรุนแรง