บทที่ 410 พลังแห่งความจริงอันศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 410 พลังแห่งความจริงอันศักดิ์สิทธิ์
นอกสังเวียนปีศาจสังหาร
“เร็วอะไรอย่างนี้! ช่างเป็นฝ่ามือที่น่าเกรงขามเสียจริง!”
“นั่นมันเคล็ดวิชาตัวเบาอะไรกัน? มันถึงกับรังสรรค์ปีกคู่หนึ่งที่มีดวงดาวนับร้อยล้านดวงซึ่งสามารถสะท้อนกับดวงดาวบนท้องฟ้าหมุนเวียนอยู่ภายในขึ้นมาได้ ช่างทรงพลังมากจริง ๆ”
“มันไม่ใช่แค่เคล็ดวิชาตัวเบาเท่านั้นหรอก ดูที่รอยฝ่ามือนั้นสิ มันมีธาตุทั้งห้าที่ไหลเวียนอยู่ในนิ้วทั้งห้า ขณะที่ดวงดาวไหลเวียนอยู่ตรงกลางฝ่ามือ ไหนจะยังมีเต๋ารู้แจ้งที่บรรจุอยู่ในดาวแต่ละดวงนั้นอีก นอกจากนี้เต๋าแต่ละอย่างก็ไม่ขัดแย้งกันเองเลยแม้แต่น้อย ข้ามีชีวิตอยู่มาเกือบพันปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นพลังอิทธิฤทธิ์น่าเกรงขามเช่นนี้”
เมื่อเฉินซีใช้ออกปีกนภาดารกะและฝ่ามือมหาดารา รูม่านตาของศิษย์เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหลายต่างหดลง พร้อมกับอาการตกใจบนใบหน้าของพวกเขา
ด้วยระดับของพวกเขา พวกเขาแทบย่อมสามารถบอกข้อดีข้อเสียของพลังอิทธิฤทธิ์และชื่อของมันได้แทบจะในทันที แต่พวกเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับพลังอิทธิฤทธิ์ที่เฉินซีใช้เลย ยิ่งกว่านั้น พวกมันยังทรงพลังอย่างมาก เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่จัดอยู๋ในระดับสูงยิ่ง!
“อย่างนั้นเองหรือ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ…” เหนือท้องฟ้า จักรพรรดิซ่งผู้ลืมตาขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ กำลังมองลงไปที่สังเวียนปีศาจสังหาร ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสายฟ้าและคลื่นลูกใหญ่ดุจเกลียวคลื่นในมหาสมุทรที่เกิดพายุฟ้าคะนอง เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่เขาได้เห็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่เฉินซีใช้ออก ด้วยตาของตนเองแล้ว เขาก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้เช่นกัน
ฮึ่ม!
ในยามนี้จ้าวชิงเหอได้เปิดใช้งานพลังอิทธิฤทธิ์ ผนึกน้ำแข็งต้องห้าม อักษร ‘禁’ ขนาดมหึมาแผ่กลิ่นอายแห่งความตายอันเย็นยะเยือกออกมา มันทะลวงผ่านและสะท้อนไปทั่วท้องฟ้าเหนือสังเวียนประลอง
จ้าวชิงเหอได้รับความสามารถนี้มาจากบัลลังก์เทพ หลังจากการฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ในแผนภาพขุนเขาธารสายไหมมาปีเต็ม เขาก็เข้าใจถึงแก่นแท้ของมันแล้ว ทันทีที่เขาใช้มัน ในชั่วพริบตา การไหลเวียนของอากาศ ฝุ่น แสง…ทุกอย่างบนสังเวียนราวกับว่าถูกแช่แข็งและถูกผนึกเอาไว้ กลายสภาวะที่เงียบงันและแปลกประหลาดขึ้น
เมื่อมองไปที่อักษร ‘禁’ ที่เย็นยะเยือกและเงียบงันอยู่ในความมืดสนิท ทุกคนในที่แห่งนี้ก็ต้องอ้าปากค้าง นี่คือพลังอิทธิฤทธิ์ที่น่าเกรงกลัวยิ่ง พลังของมันไม่ด้อยไปกว่ากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าขั้นสมบูรณ์แบบแม้แต่น้อย!
เกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่จ้าวชิงเหอใช้เคล็ดวิชานี้ จู่ ๆ ที่หว่างคิ้วของเฉินซีก็ปรากฏดวงตาสีดำสนิทผ่าตั้งขึ้น วงเวียนปรากฏการณ์ที่ไม่รู้จบล้วนปรากฏอยู่ภายในนั้น
อักขระยันต์นับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกมาจากดวงตากลางหน้าผากของเขา เปลี่ยนขึ้นเป็นลง สับเปลี่ยนข้างฟ้าดิน การเคลื่อนที่ของดวงดาว การผันผ่านของกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงของโลกมานับชั่วอายุขัย… ราวกับว่ามันโอบล้อมการเปลี่ยนแปลงอันไม่มีที่สิ้นสุดของเอกภพ จักรวาล ฟ้าดินอย่างลึกซึ้งและไร้ขอบเขต!
พลังอิทธิฤทธิ์ ….เนตรเทวะแห่งความจริง!
หลังจากการปรากฏตัวของดวงตาที่สามนี้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้านนอกของสังเวียน แต่ทุกคนก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขาถูกมองผ่านไปจนถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณ ราวกับว่าดวงตานี้มองเห็นความลับทั้งหมดของพวกเขา ไม่เว้นแม้กระทั้งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
พลังอิทธิฤทธิ์นี้ก็มาจากบัลลังก์เทพเช่นกัน แต่ที่ส่วนสุดท้ายนั้นมาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่แสนจะลึกลับ ในช่วงปีเต็มที่เขาฝึกฝนในแผนภาพขุนเขาธารสายไหม เฉินซีเองก็สามารถทำความเข้าใจพลังอิทธิฤทธิ์นี้ได้ในทำนองเดียวกัน
“ตราบเท่าเหมันต์กลืนกิน สรรพสิ่งเงียบสงัด!” จ้าวชิงเหอพลิกมือของเขา ส่งอักขระตัวนั้นลอยอยู่กลางอากาศเปล่งแสงสีดำสนิทและแสงเจิดจ้าที่กระจายออกไปเหมือนระลอกคลื่น
แกร๊ก! แครก!
แสงสีดำสนิทเป็นราวกับเทพเจ้าน้ำแข็ง ไม่ว่าพวกมันจะผ่านไปที่ใด ทุกสิ่งโดยรอบนั้นถูกแช่แข็ง และปกคลุมไปด้วยเงาที่เปล่งประกายราวกับผลึกน้ำแข็ง แม้กระทั่งกระแสลมที่ล่องลอยอยู่รอบ ๆ ก็ถูกแช่แข็งไปเช่นกัน พวกมันกลายเป็นละอองน้ำแข็งเหมือนควันและหมอก เกาะติดอยู่กลางอากาศและไม่ขยับเขยื้อน
รัศมีแปลก ๆ ที่ชวนให้รู้สึกถึงความตายยังคงอยู่ ความเงียบงันที่แปลกประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วสังเวียนปีศาจสังหารอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้ดับสูญไปแล้ว มันกระจายตัวตรงเข้าหาเฉินซีด้วยความเร็วที่หาที่เปรียบมิได้
นี่คือไพ่ตายของจ้างชิงเหอ เขาต้องใช้ออกมันในเวลานี้เพื่อจัดการกับเฉินซีโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกขังอยู่ในการปะทะที่ไม่รู้จบและเสียเรี่ยวแรงไปเปล่าอย่างก่อนหน้านี้
ฟุ่บ!
แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากดวงตาที่อยู่ตรงระหว่างคิ้วของเฉินซี ทันใดนั้น ภาพทั้งหมดเบื้องหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ท้องฟ้าและโลกดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะหยุดนิ่ง ชายหนุ่มสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มุมปากของจ้าวชิงเหอนั้นกำลังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มประหนึ่งชัยชนะอยู่ในกำมือของตนแล้ว
นอกจากนี้เขายังเห็นว่าภายใต้ผลกระทบของผนึกน้ำแข็งต้องห้าม พลังชีวิตทั้งหมดภายในสังเวียนปีศาจสังหารล้วนสังเวียนปีศาจสังหาร เหมือนกับเต่าและงูที่กำลังเข้าสู่สภาวะจำศีล
ในที่สุด สายตาของเขาจับจ้องไปยังรัศมีที่เย็นยะเยือกและแปลกประหลาด ซึ่งกำลังโจมตีเขา
ปัง!
เมื่อแสงจากดวงตาแนวตั้งของเขาปะทะเช้ากับรัศมีประหลาดที่ถูกปล่อยออกมาจากผนึกน้ำแข็งต้องห้าม ข้อมูลจำนวนมากก็พรั่งพรูเข้ามาในจิตใจของเขาทันที
“ผนึกน้ำแข็งต้องห้าม มีความลึกซึ้งที่สมบูรณ์แบบของมหาเต๋าวารี ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของผู้ที่สัมผัสมันจะตกอยู่ในสภาพเยือกแข็ง วิธีเอาชนะมัน…”
เมื่อคำว่า ‘วิธีการเอาชนะ’ ปรากฏขึ้นในใจของเขา เฉินซีก็เห็นได้ทันทีว่ารัศมีแปลก ๆ ที่พุ่งเข้ามาหาตนถูกปกคลุมด้วยชั้นของแสงจ้า บางส่วนของแสงจ้าพร่างพราวเจิดจ้านั้นควบแน่นราวกับว่ามันเป็นวัตถุ ในขณะที่บางจุดกลับสลัว ๆ ไม่แวววาวและอ่อนแสง
“แสงจ้าชี้ไปยังตำแหน่งที่พลังโจมตีแข็งแกร่งที่สุด และตำแหน่งที่แสงบางและสลัวคือจุดที่อ่อนแอ กล่าวอีกนัยหนึ่ง นั่นคือจุดที่ควรเป็นจุดอ่อน!” หัวใจของเฉินซีตกตะลึง ตอนนี้เขาเข้าใจผลที่น่าอัศจรรย์ของเนตรเทวะแห่งความจริงแล้ว
พลังอิทธิฤทธิ์นี้สมควรได้รับสมญานามว่า ‘สัจธรรมแห่งสวรรค์’ หลังจากที่ฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ไม่เพียงแต่จะสามารถมองผ่านรูปลักษณ์ที่แท้จริงของทุกสิ่งในโลกนี้ได้เท่านั้น การปกปิด การซ่อนเร้น การปลอมตัว ภาพลวงตา และอื่น ๆ ของศัตรูล้วนไม่สามารถหลบหนีการตรวจจับของเนตรเทวะแห่งความจริงไปได้เลย
ที่สำคัญที่สุด เนตรเทวะแห่งความจริงยังสามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะ เต๋ารู้แจ้ง และความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้ง ทั้งยังเห็นจุดอ่อนในพลังอิทธิฤทธิ์และวิชาของผู้อื่นได้ด้วย
เมื่อใช้กับศัตรู ก็ก่อให้เกิดผลน่าตกใจราวกับเห็นอนาคตได้!
นี่คือเนตรเทวะแห่งความจริง พลังอิทธิฤทธิ์ประหลาดที่มาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ดั่งเซียนมองลงมายังใต้หล้า ค้นหาความเปลี่ยนแปลงบนฟ้าและดิน เห็นความจริงเบื้องหลังสรรพสิ่ง!
นานกว่าเขาจะหาคำพูดได้ แต่ในเมื่อเฉินซีใช้เนตรเทวะแห่งความจริงจนเห็นจุดด้อยในผนึกน้ำแข็งต้องห้ามของจ้าวชิงเหอแล้ว ที่เหลือก็รวดเร็วเพียงพริบตา
อีกทั้งภายในระยะเวลาสั้น ๆ เฉินซีก็คิดหากลยุทธ์เอาชนะศัตรูได้แล้ว
ฟ้าว!
เขาโคจรปีกนภาดารกะเต็มกำลัง ฝ่ามือขวาดั่งดาราประกาย กลั่นเกลากลายเป็นฝ่ามือมหาดารา จากนั้นก็ไม่ได้ล่าถอย ทว่ารุดเข้าไปสกัดพลังผันผวนที่ผนึกน้ำแข็งต้องห้ามปล่อยออกมา
ตูม!
ฝ่ามือมหาดาราถูกซัดออกไปอย่างดุดัน พลังผันผวนสีดำสนิทดูน่าผวาพลันสั่นสะท้าน ลดความเร็วของมันลงทันใด
แม้ข้าจะเพิ่งฝึกผนึกน้ำแข็งต้องห้ามได้เชี่ยวชาญในขั้นต้น แต่มันก็มีข้อบกพร่อยน้อยนัก เจ้าหมอนี่ซัดถูกจุดนั้นได้ในการโจมตีได้อย่างไรกัน?
ร่างจ้าวชิงเหอที่อยู่ไกล ๆ สะท้าน พลันรู้สึกราวกับไม่อาจโคจรผนึกน้ำแข็งต้องห้ามได้ อดตกตะลึงในใจไม่ได้
บังเอิญเป็นแน่! จะมีใครล่วงรู้ผนึกน้ำแข็งต้องห้ามได้เล่า? จ้าวชิงเหอพลันหน้าขรึม ตะโกนคำออกมาเสียงดัง ปลดปล่อยพลังทั่วร่าง ซัดฝ่ามือออกมา เกิดเป็นตัวอักษร ‘禁’ กลางอากาศ พลังปั่นป่วนกำจายออกมาดั่งธารน้ำคลั่ง ดั่งน้ำป่าหลาก จากนั้นมันก็เคลื่อนตัวออกมาอย่างรุนแรง รอบกายสะท้านหนักหน่วง ข้อจำกัดทั้งหลายพังทลายลงทีละนิด
ทว่าเฉินซีก็กระแทกหนึ่งฝ่ามือออกพร้อมกับพลังดาราพุ่งพล่านซัดเข้าใส่ ฝ่ามือมหาดาราพลันขยายขนาดใหญ่เป็นร้อยจั้ง สายฟ้า ลม ดิน ไฟ หยิน หยาง ดวงดาว… พลังจากเต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ สั่งสมและพวยพุ่งอยู่ภายใน ทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ครืน!
เฉินซีเล็งจุดอ่อนพลังอิทธิฤทธิ์ของจ้าวชิงเหอไว้ ฟาดฝ่ามือมหาดาราออกไปด้วยการพลิกฝ่ามือ ฝ่ามือนี้เหมือนสายฟ้าฟาดที่ซัดลงจากฟ้า สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราพฤกษาที่สอง สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราทองคำที่เจ็ด สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราปฐพีที่ห้า สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราอัคคีที่สาม และสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราวารีที่เก้ากลั่นแน่นรวมอยู่ในฝ่ามือนี้ ราวกับกลั่นสายฟ้าที่พร่าวพราวเจิดจ้าแน่นก่อนจะฟาดมันลงมาอย่างดุดัน!
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงสนั่นลั่นหูดังขึ้น พลังโจมตีทั้งหมดของจ้าวชิงเหอถูกทำลาย กระทั่งตัว ‘禁’ ที่ลอยอยู่ยังสลายหายไปไม่เหลือรอย
นอกจากนั้นแล้ว ทุกคนก็เห็นร่างจ้าวชิงเหอระเบิดอยู่กลางฟ้า กระอักเลือดออกมาไม่หยุด
ฟ้าว!
ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงจุดที่จ้าวชิงเหอเพิ่งกระเด็นออกมา คือเฉินซีนั่นเอง แขนที่หกเขายื่นออกมารวดเร็วดั่งสายฟ้า คว้าร่างจ้าวชิงเหอไว้แน่น
จ้าวชิงเหอพยายามดิ้นรน ทว่าก็ไม่อาจขยับตัวได้
น้ำเสียงเรียบเฉยของเฉินซีพลันดังขึ้น “ฉีกร่าง!”
ชิ้ง!
ก่อนมือนั่นจะออกแรงดึง เกิดเป็นฝนโลหิตกระจายออกเมื่อแขนขาถูกกระชากออก เขาฉีกร่างจ้าวชิงเหอออกกลางอากาศ!
ศิษย์ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งหอหยกนภาที่น่าภาคภูมิที่สุดในสายตาผู้คน ผู้ซึ่งมีหวังในการเข้าสู่อันดับแรกในการชุมนุมดาวรุ่ง กลับถูกเฉินซีฉีกร่างต่อหน้าทุกคน!
นี่มันช่างดุร้ายเสียนี่กระไร? เด็ดขาดเพียงไหนกัน?
ทุกคนไร้การตอบสนองใด จนกระทั่งเห็นภาพนองเลือดตรงหน้า ในใจไม่อาจกดความตะลึงไว้ได้ ราวกับถูกโยนลงก้นเหวอันเหน็บหนาวก็มิปาน
“ข้ายอมแพ้แล้ว!” ครู่ต่อมา ร่างที่ถูกฉีกกระชากของจ้าวชิงเหอก็กระดิกไปมา ไม่นานก็ฟื้นสู่สภาพเดิม แต่หน้าเขาซีดเผือด ทั้งยังมีร่องรอยความไม่ยินยอมเจืออยู่
เฉินซีไม่ได้ใส่แรงเต็มกำลังในการโจมตีเมื่อครู่ ดังนั้นพลังบ่มเพาะในการแปรสภาพร่างกายของอีกฝ่ายจึงมากพอจะทำให้ฟื้นสภาพได้เอง แค่ต้องใช้กำลังมากหน่อยก็เท่านั้น
“ข้ายอมรับว่าแต่ก่อนข้าประเมินพลังเจ้าต่ำไป ความแกร่งปัจจุบันของเจ้านั้นเพียงพอจะเหนือกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์คนไหน คว้าชัยอันดับแรกมาได้ไม่ยากแน่” มุมปากจ้าวชิงเหอเจือแววเย้ยหยันตนเอง ราวกับนึกย้อนถึงภาพที่ตนโอ้อวดไว้ก่อนเริ่มการต่อสู้ได้
“เจ้าเองก็แกร่งมากเช่นกัน” เฉินซีตอบเสียงเรียบ เท่าที่เขารู้ จ้าวชิงเหอแกร่งมาก พลังบ่มเพาะการแปรสภาพร่างก็แกร่งกว่าเขาเสียอีก แต่ที่แพ้ไปเป็นเพราะประมาทกำลังของเนตรเทวะแห่งความจริง
“แพ้ก็คือแพ้ จะปลอบกันเพื่ออะไรเล่า?” แต่เอาชนะข้าได้ยังไม่เท่าไหร่หรอก ยังเหลือคู่ต่อสู้ผู้แกร่งกล้าอีกหนึ่ง ชิงซิ่วอี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไปต่อจนสุดได้” จ้าวชิงเหอส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีกก่อนจะลงจากสังเวียนสังหารปีศาจไป
คนผู้นี้เปิดเผยซื่อตรง หากมีโอกาส ได้เป็นสหายกันก็คงไม่ใช่เรื่องแย่ เฉินซีสูดลมหายใจเข้าก่อนแวบร่างลงจากสังเวียนสังหารปีศาจ
ทั้งสองจากไปเงียบ ๆ การต่อสู้รอบแรกจึงจบลงด้วยชัยชนะของเฉินซีไปเช่นนั้น
ตอนนี้นครหลวงธารสายไหมกำลังวุ่นวาย เสียงอึกทึกครึกโครมด้วยความตกใจ ตื่นเต้น และประหลาดใจดังกระหึ่มเมือง ก้องไปทั่วฟ้าดิน