บทที่ 415 หนึ่งกระบี่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
บทที่ 415 หนึ่งกระบี่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“เฉินซีคงจะแพ้อย่างแน่นอน” เมื่อเห็นรูปลักษณ์อันน่าสยดสยองของเฉินซีที่อาบไปด้วยเลือดในการประลองอย่างกล้าหาญ มหาเสนาบดีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ชิงซิ่วอี้สละอายุขัยของนางและถวายให้แก่แสงสว่าง ทำให้พลังของนางแข็งแกร่งจนแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติยังต้องหลีกเลี่ยง แต่เด็กคนนี้กลับพุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ด้วยความตั้งใจที่จะเสี่ยงชีวิตอย่างสิ้นหวัง แล้วนี่มันต่างอะไรกับการรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ เฉินซีดูจะสูญเสียเหตุผลและทำผิดพลาดไป ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก” เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีต่างส่ายศีรษะและถอนหายใจตาม ๆ กัน
สิ่งที่เฉินซีเผยออกมาก่อนหน้านี้น่าทึ่งมาก เขาได้หลอมรวมกระบวนท่าทั้งแปดของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบ อีกทั้งยังเข้าถึงแก่นแท้ของเต๋าแห่งกระบี่ ทำให้พวกเขาเกิดความปรารถนาที่มีต่ออัจฉริยะซึ่งมีพรสวรรค์อันโดดเด่น
ในขณะนี้ เมื่อพวกเขาเห็นเฉินซีต่อสู้อย่างสิ้นหวังเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกต้อนจนถึงทางตัน และจวนใกล้จะพ่ายแพ้ พวกเขาก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น
สายตาที่เฉียบแหลมของผู้เยี่ยมยุทธ์เฒ่าเหล่านี้ดีสักแค่ไหน?
เมื่อเฉินซีพุ่งเข้าหาชิงซิ่วอี้โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มตกอยู่ในอันตรายแล้ว เปลวเพลิงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์นั้นมาจากพลังแก่นแท้ของแสง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มจะสามารถต้านทานได้อย่างเต็มที่ในขณะนี้ และการกระทำของอีกฝ่ายก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาความตาย
อันที่จริง ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น เมื่อผู้คนเห็นรูปลักษณ์ที่อาบไปด้วยเลือดของเฉินซี แม้แต่ผู้บ่มเพาะคนอื่นในนครหลวงธารสายไหมก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของเฉินซีนั้นเข้าขั้นวิกฤตแล้ว
“เฮ้อ ม้ามืดเช่นเฉินซีจะมาหยุดรอยเท้าที่ตรงนี้เองหรือ?”
“ชิงซิ่วอี้ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ความแข็งแกร่งระดับนี้ช่างท้าทายสวรรค์!”
“เฉินซีคงจบสิ้นแล้ว…”
ผู้คนต่างไม่อาจทนดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปได้
ในขณะนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนสรุปแล้วว่า ชิงซิ่วอี้จะชนะอย่างไม่ต้องสงสัย นางจะกลายเป็นอันดับหนึ่งในการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้ ขึ้นเป็นผู้มีฝีมือกล้าแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาและครองตำแหน่งสูงสุด ส่วนเฉินซีนั้น… คงเป็นได้แค่เพียงอันดับสอง
“เฉินซี…” ในขณะนี้ หัวใจของย่าชิง เจิ้นหลิวชิง ฟ่านอวิ๋นหลาน นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยน ตวนมู่เจ๋อ และคนอื่น ๆ ล้วนถูกแผดเผาด้วยความวิตกกังวลจนหัวใจบีบรัด
“โอม!”
ในขณะที่ผู้คนล้วนคิดว่าเฉินซีจะแพ้พ่ายอย่างแน่นอน เสียงกระบี่ที่ชัดเจนและลึกล้ำก็ดังขึ้นทันที ในตอนแรกมันแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพียงชั่วพริบตา มันก็ระเบิดดังก้องไปทั้งสวรรค์และโลก หลังจากนั้น เสียงกังวานของกระบี่ก็ดังขึ้นราวกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาดลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า แรงระเบิดที่ปะทุออกมาทำให้แก้วหูของทุกคนเจ็บปวด จนแทบจะหูหนวก!
เกิดอะไรขึ้น?
ผู้คนรวมถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีล้วนรู้สึกประหลาดใจ
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ก่อนที่ทุกคนจะหายตกใจ ปราณกระบี่จำนวนมากก็พุ่งไปทั่วนครหลวงธารสายไหม พวกมันดูจะถูกควบคุมโดยมือที่ไร้รูปร่าง ขณะลอยขึ้นสู่กลางอากาศโดยไม่ตั้งใจอย่างพร้อมเพรียงกัน ราวกับกำลังหมอบกราบเพื่อบูชาต่อราชาแห่งกระบี่
“เวรล่ะ! กระบี่ของข้า!”
“กระบี่ของข้าก็สูญเสียการควบคุมเช่นกัน!”
“มารดามัน! กระบี่ที่ข้าทุ่มเทบ่มเพาะมาหลายสิบปี กลับหลุดลอยออกไปอย่างไร้เหตุผล!”
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นกระบี่ที่พวกเขาถืออยู่ จู่ ๆ ก็บินออกไปด้วยตัวเอง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง พวกเขาได้เห็นกระบี่เล่มนับไม่ถ้วน ลอยอยู่กลางอากาศในขณะที่กำลังส่งเสียงพึมพำ เหมือนกับก้อนเมฆอันดำทะมึน และจากการนับคร่าว ๆ คาดว่ากระบี่เหล่านี้มีอย่างน้อยหลายหมื่นเล่ม
หากมองลงมาจากท้องฟ้าจะสังเกตเห็นว่า กระบี่นับหมื่นเล่มได้กระจายตัวเป็นรูปวงกลมอย่างเป็นระเบียบ ราวกับทหารยามที่ยืนเรียงรายอยู่บนถนน เพื่อต้อนรับการมาถึงของราชาด้วยความเคารพ กระทั่งได้เผยให้เห็นกลิ่นอายที่จริงใจและเทิดทูนออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ที่ ‘ราชา’ ได้จุติคือสังเวียนสังหารปีศาจแห่งนั้น
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็พุ่งตรงไปยังสังเวียนสังหารปีศาจโดยพร้อมเพรียงกัน
พวกเขาเห็นเฉินซีที่อาบไปด้วยเลือดและมีรอยแผลเป็นนับไม่ถ้วนอยู่บนร่างกาย ทำให้ชายหนุ่มดูเหมือนมนุษย์โลหิต แต่แผ่นหลังของเขากลับยังคงตั้งตรงเหมือนกระบี่ที่ค้ำท้องฟ้า เช่นเดียวกับที่หว่างคิ้วของเขาซึ่งเต็มไปด้วยความดุดันและเด็ดเดี่ยว
เขาเป็นดั่งกระบี่ซึ่งถูกชักออกจากฝัก!
แคร็ก! แคร็ก!
สังเวียนที่อยู่ใต้เท้าของเฉินซีได้แตกสลายกลายเป็นผงด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า เกิดเป็นหลุมทรงกลมที่มีขอบแหลมคม ซึ่งได้กระจายไปรอบ ๆ ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
มันกระจายไปทั่วสังเวียนด้วยพลังที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้!
ในเวลาเดียวกัน ยันต์ศัสตราในมือของเขาก็ส่งเสียงหวีดร้องที่กระจ่าง ไพเราะ และสั่นสะเทือนไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้าชั้น คมกระบี่ได้เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ในขณะที่เจตจำนงกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวได้เข้าปกคลุมนครหลวงธารสายไหมทั้งหมดในทันที!
“ผู้บ่มเพาะกระบี่ยอมตายดีกว่าหักงอ ใจข้าเป็นดั่งกระบี่ ใจกระบี่ก็เป็นดั่งข้า”
“ข้าก้าวออกมาจากความมืด ผ่านหนทางที่เต็มไปด้วยความโชคร้ายและขวากหนาม แต่ข้าก็ไม่เคยย่อท้อ หากฟ้าขวางกั้น ข้าจะสังหารฟ้า ถ้าโลกขวางทาง ข้าก็จะทำลายล้างโลก และถ้าเต๋าไม่ยอมรับข้า ข้าจะกำจัดเต๋าซะ!
“ประกายแสงนั่นคืออะไรกัน?”
ฟิ้ว!
ภายใต้การจ้องมองอย่างงุนงงของทุกคนที่อยู่ที่นั่น ยันต์ศัสตราในมือของเฉินซีก็ฟันลงไป
นี่เป็นการโจมตีประเภทใด?
การโจมตีเบา ๆ ที่ดูเหมือนฟันออกไปอย่างสบาย ๆ มันปราศจากกลิ่นอายของการต่อสู้ อีกทั้งยังเงียบสนิทจนไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อมีคนจ้องมองไปที่ประกายกระบี่นี้ ราวกับว่าเวลาและมิติจะถูกกักขังและสลายตัวไป แม้แต่จิตวิญญาณก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน เสมือนมีกระแสความเย็นที่ไม่อาจควบคุม แผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย ทำให้ผู้จ้องมองรู้สึกเหมือนตกลงไปสู่บ่อน้ำแข็งอันเยือกเย็น
ปัง!
ทว่าเมื่อประกายกระบี่ฟาดลงไป ก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นจากพื้นดิน ราวกับว่ามันถูกฟาดด้วยค้อนขนาดใหญ่อย่างรุนแรง ทำให้สังเวียนพังทลายและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นหลุมก็แตกกระจาย!
เจตจำนงกระบี่ที่มีอยู่มากมายและไม่อาจหยุดยั้ง เป็นดั่งกำแพงเหล็กที่กวาดไปทั่วทั้งสังเวียนสังหารปีศาจ
ทำให้ผู้มีพลังอ่อนด้อยราวกับถูกกระแทกด้วยวัตถุที่หนักและกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง!
ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งเยี่ยงจ้าวชิงเหอ หวงฝู่ฉางเทียน และคนอื่น ๆ ก็แทบจะยืนตัวตรงไม่ได้ ร่างกายพวกเขาพากันโยกคลอนไปมา ทำให้คนทั้งหลายต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะทรงตัวให้มั่นคง แต่เลือดบนใบหน้าเหล่านั้นพลันหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!
เมื่อเผชิญหน้ากับเจตจำนงกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แม้แต่พวกเขาก็ยังอดหวาดกลัวอยู่ในใจไม่ได้
ในอีกด้านหนึ่ง หนวดเคราและเผ้าผมของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนกระพือไปมา ในขณะที่มีคำคำหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา ทำให้คนเหล่านั้นตกใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะยืนยัน
บนท้องฟ้า
จักรพรรดิซ่งพลันเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นจากบัลลังก์เป็นครั้งแรก ร่างของเขากำยำ เสื้อผ้าสะบัดพลิ้วไปมา และดวงตาก็เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์มากมาย ในขณะที่พึมพำกับตัวเอง “แนวทางใจหลอมรวมกระบี่ แนวทางใจหลอมรวมกระบี่ นี่คือคุณสมบัติของผู้ที่จะกลายเป็นเซียนกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้…”
…
เมื่อแสงกระจายออกไปและภาพตรงหน้าได้ปรากฏแก่สายตาอีกครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง สังเวียนสังหารปีศาจที่จักรพรรดิซ่งเป็นผู้สร้างเองกับมือได้ถูกทำลายไปมากกว่าครึ่ง! แต่เมื่อหายตกใจ พวกเขาก็รีบหันมองไปยังสังเวียนในทันที
ไม่…ไม่มีสังเวียนอีกต่อไปแล้ว!
มีเพียงร่างที่สูงโปร่งและตรงเหมือนหอกที่อาบไปด้วยเลือดกับร่างอันงดงามซึ่งมีใบหน้าที่ขาวราวกับแผ่นกระดาษและเสื้อผ้าที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือด ในขณะที่บริเวณโดยรอบของคนทั้งสอง มีกระแสมิติที่ปั่นป่วนอย่างน่าสะพรึงกลัว
“พรวด!” ชิงซิ่วอี้ไม่อาจอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป นางจึงพ่นเลือดในปากออกมาอย่างเต็มที่ จากนั้นร่างของนางก็สั่นสะท้านจนแทบตกจากกลางอากาศ พลังชีวิตของนางปั่นป่วนวุ่นวายและใกล้จะพังทลาย
“ชิงซิ่วอี้ เจ้าแพ้แล้ว!” เสียงแหบแห้งหลุดออกจากปากของเฉินซี น้ำเสียงนั้นปราศจากความยินดีและความตื่นเต้น มีเพียงความเฉยเมยอันไร้ขอบเขต มันดูเหมือนการโจมตีครั้งล่าสุด ได้ขจัดความซับซ้อนและหวนคืนสู่ความเรียบง่าย
“เจ้า…” ชิงซิ่วอี้ดูจะไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้ นางพยายามที่จะทำให้ร่างกายมั่นคงก่อนที่จะทะยานออกไป
เฉินซียังคงยืนนิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน เขารอการโจมตีของนาง
แต่ชิงซิ่วอี้กลับทะยานไปได้เพียงครึ่งทางก่อนที่จะล้มลงทันที เนื่องจากนางไม่มีพลังหลงเหลืออยู่ในร่างเลยแม้แต่น้อย และการทะยานก่อนหน้านี้ก็เป็นเปลวไฟที่ปะทุครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะมอดลง
“เฉินซีได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้!” จักรพรรดิซ่งตัดสินทันที จากนั้นจึงวาดดวงแสงสีทองไปปกคลุมร่างกายของชิงซิ่วอี้ และพานางออกจากสังเวียนสังหารปีศาจ
เนื่องจากเขาตระหนักได้ว่า ถ้าหากไม่รีบช่วยนาง อาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาได้ จะคงอยู่ในร่างกายของชิงซิ่วอี้ตลอดไป!
เมื่อเสียงของจักรพรรดิซ่งได้ดังก้องขึ้น สายตาของผู้คนที่อยู่ในนครหลวงธารสายไหม จดจ้องไปยังร่างสูงโปร่งและตระหง่านตรงเหมือนกระบี่ผู้นั้น
แต่ทว่า บริเวณโดยรอบกลับถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน
การโจมตีด้วยกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ของเฉินซี ที่ดูเหมือนจักรพรรดิจุติลงมายังโลกนั้น ตราตรึงอยู่ในจิตใจของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง จนไม่กล้าที่จะลืมมัน ต่อให้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี หลายร้อยปี หรือแม้แต่ตลอดชีวิตของพวกเขาก็ตามที!!!!