บทที่ 433 เขตพายุฝนฟ้าคะนอง
บทที่ 433 เขตพายุฝนฟ้าคะนอง
แดนภวังค์ทมิฬ!
ทวีปอันกว้างใหญ่ที่งดงามและวิจิตรตระการตาดั่งผืนผ้า ดินแดนมหัศจรรย์ที่มีตำนานและอารยธรรมนับไม่ถ้วน
นับตั้งแต่ก่อกำเนิดโลกจวบจนปัจจุบัน เหล่าผู้บ่มเพาะชั้นเลิศที่สามารถสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก ล้วนถือกำเนิดขึ้นในทวีปนี้ จากนั้นพวกเขาได้สร้างระบบการบ่มเพาะที่หลากหลายซึ่งหนาแน่นและซับซ้อนราวกับดวงดาวในจักรวาล อีกทั้งยังสืบทอดมรดกและเคล็ดวิชาล้ำลึกที่มากมายดั่งทะเลหมอก…
นิกายเซียน นิกายมาร และนิกายอสูรได้อาศัยอยู่ร่วมกันที่นั่น ทำให้ผู้บ่มเพาะจำนวนมากได้รวมตัวกัน ซึ่งมีเผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนที่มีจำนวนมากมายราวกับต้นไม้ในป่าใหญ่ พวกเขาล้วนแข่งขันกันเพื่ออำนาจสูงสุด อีกทั้งยังได้สร้างอารยธรรมในตำนานที่เจิดจรัสและเป็นมหากาพย์เอาไว้มากมาย
สถานที่แห่งนั้นอยู่ใกล้กับมิติเซียนมากที่สุด
…
เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า นับตั้งแต่ความโกลาหลถูกแยกออกตั้งแต่จุดเริ่มต้นของโลก สามภพก็ได้แยกออกจากกัน ในขณะที่จักรวาลได้เปลี่ยนเป็นโลกขนาดใหญ่ถึงสามพันใบและโลกเล็ก ๆ อีกนับไม่ถ้วน และโลกทุกใบก็เป็นตัวแทนของอารยธรรม
นอกจากนี้ โลกขนาดใหญ่ทุกใบยังปกครองอาณาเขตของตนเองและโลกใบเล็กจำนวนมากที่อยู่ใต้การปกครองของมัน ซึ่งราชวงศ์ซ่งก็อยู่ในโลกเล็ก ๆ แห่งหนึ่งและถูกปกครองโดยแดนภวังค์ทมิฬซึ่งเป็นโลกใบใหญ่
กล่าวง่าย ๆ ก็คือ แดนภวังค์ทมิฬเป็นหนึ่งในโลกขนาดใหญ่ทั้งสามพันใบ และเป็นทวีปอันกว้างใหญ่ที่อยู่ใกล้กับมิติเซียนมากที่สุด ในขณะที่โลกใบเล็กที่ราชวงศ์ซ่งอยู่กลับเป็นหนึ่งในโลกใบเล็กที่ควบคุมโดยแดนภวังค์ทมิฬอีกทีหนึ่ง
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างโลกขนาดใหญ่และโลกขนาดเล็กคือ ความแตกต่างระหว่างกฎของเต๋าแห่งสวรรค์ กฎของเต๋าแห่งสวรรค์ในโลกใบใหญ่นั้นสมบูรณ์แบบ ในขณะที่โลกใบเล็กมีข้อบกพร่องบางประการ
เมื่อผู้บ่มเพาะแสวงหาถึงเต๋า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเข้าใจกฎของเต๋าแห่งสวรรค์ หากกฎของเต๋าแห่งสวรรค์ไม่สมบูรณ์ เส้นทางของผู้บ่มเพาะก็จะไปได้ไม่ไกล ในทางกลับกัน หากผู้บ่มเพาะสามารถเข้าใจกฎทั้งหมดของเต๋าแห่งสวรรค์ได้ โอกาสในการเป็นเซียนสวรรค์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมในโลกใบเล็กถึงมีผู้บ่มเพาะเพียงไม่กี่คนที่สามารบรรลุเป็นเซียนสวรรค์ได้
ตัวอย่างเช่น ราชวงศ์ซ่งนั้นมีผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีจำนวนมาก แต่กลับไม่ค่อยมีใครที่บรรลุเป็นเซียนสวรรค์ ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะกฎของเต๋าแห่งสวรรค์นั้นไม่สมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ ในหัวใจของผู้บ่มเพาะทุกคนในราชวงศ์ซ่งล้วนถือแดนภวังค์ทมิฬเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของการบ่มเพาะที่สามารถเทียบได้กับมิติเซียน ทำให้ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะไปที่นั่น
แต่โชคไม่ดีที่การเข้าสู่โลกใบใหญ่จากโลกใบเล็กนั้นยากกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก
…
สมรภูมิบรรพกาลเป็นเหวลึกที่อยู่ระหว่างดินแดนของราชวงศ์ซ่งกับแดนภวังค์ทมิฬ
มันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ยุคบรรพกาล ซึ่งมีสมบัตินับไม่ถ้วนและแม้กระทั่งมรดกโบราณก็ถูกซ่อนอยู่ภายในนั้น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมกับอันตรายที่คาดไม่ถึง! นี่คือดินแดนที่เต็มไปด้วยพายุฝนฟ้าคะนอง พื้นดิน ภูเขาทั้งหมดล้วนมีสีดำสนิท และไม่มีแม้แต่ใบหญ้าขึ้น
ครืนนนนนน!
สายฟ้าสีม่วงได้ฟาดลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อมองจากระยะไกล สายฟ้าสีม่วงจำนวนมากก็เหมือนกับเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากหน้าผา ซึ่งดูเหมือนกับโซ่เส้นใหญ่ที่หนาและเย็นเยียบหลายเส้นที่สะบัดและบิดงอพร้อมกับเปล่งแสงสายฟ้าออกมา ทำให้ทุกสิ่งทั่วฟ้าดินตกอยู่ในสภาวะที่รุนแรง และสิ่งที่เผยให้เห็นก็ทำให้ตกตะลึงถึงขีดสุด
โอม!
ทันใดนั้น มิติก็เกิดความผันผวนอย่างรุนแรงที่บนภูเขาอันแห้งแล้งและมืดสนิท จากนั้นลำแสงก็ฉีกมิติออกจากกันและพุ่งไปยังยอดเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลำแสงก็ค่อย ๆ สลายไป และมีร่างสูงปรากฏตัวขึ้น
“ที่นี่คือสมรภูมิบรรพกาลหรือ?” เฉินซีส่ายศีรษะเล็กน้อย ทำให้จิตใจที่มึนงงจากการถูกเคลื่อนย้ายผ่านมิติฟื้นคืนมาในทันที จากนั้นสายตาของเขาก็กวาดมองโดยรอบอย่างรวดเร็ว
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงที่ส่งเสียงดังก้องและเกรี้ยวกราด ทำให้ฟ้าดินถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ภูเขาและผืนดินเผยให้เห็นสีดำสนิทที่ทำให้ใจสั่น ในขณะที่กลิ่นอายรกร้างและโบราณที่นำพาพลังงานรุนแรงของสายฟ้าก็ลอยล่องไปในฟ้าดินอย่างต่อเนื่อง
“สิ่งที่มหาเสนาบดีกล่าวนั้นเป็นความจริง หลังจากที่เราเข้าสู่สมรภูมิบรรพกาล ทุกคนจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังส่วนอื่น ๆ หากเป็นเช่นนี้ แล้วชิงซิ่วอี้และคนอื่น ๆ จะถูกเคลื่อนย้ายไปที่ใดกัน?”
“ช่างมันเถอะ ข้าจะดำเนินไปตามแผนการของข้า ตราบใดที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ เราก็จะพบกัน ซึ่งแผนการของข้าในตอนนี้คือการบรรลุไปสู่ขอบเขตจุติให้เร็วที่สุด” เฉินซีครุ่นคิดสั้น ๆ จากนั้นจึงทะยานลงมาจากภูเขาโดยไม่ลังเลและสังเกตสภาพแวดล้อมในขณะที่บินอยู่
ตามที่จักรพรรดิซ่งได้ตรัสไว้ สมรภูมิบรรพกาลเต็มไปด้วยอันตรายที่ไร้ขอบเขต และการบรรลุไปสู่ขอบเขตจุติเท่านั้นที่ทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้
เฉินซีเชื่อเรื่องนี้อย่างสุดซึ้ง เนื่องจากในช่วงเวลาที่ยาวนานของสมรภูมิบรรพกาลได้เปิดขึ้น
อัจฉริยะผู้มีความสามารถโดดเด่นจะกลายเป็นคนกลุ่มน้อย และอัจฉริยะมากมายจะกลายเป็นหินให้ผู้อื่นเหยียบย่ำข้ามไป
ในปัจจุบัน ไม่ได้มีเพียงศิษย์ของราชวงศ์ซ่งที่เข้าร่วมในสมรภูมิบรรพกาลเท่านั้น ทว่ายังมีอัจฉริยะมากมายจากราชวงศ์อื่น ๆ และการแข่งขันระหว่างพวกเขาก็ดูจะโหดร้ายยิ่งขึ้น
ครืนนน!
สายฟ้าโหมกระหน่ำลงมาในขณะที่แสงสีม่วงสาดกระจายไปรอบ ๆ และพุ่งออกไปดั่งอสรพิษ
สายฟ้าฟาดลงมาที่พื้นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เกิดรอยแยกที่ไร้ก้นบึ้งบนพื้นหินที่แข็งและดำสนิท
เฉินซีได้บินมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วถ้วยน้ำชา แต่กลับไม่พบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียว ราวกับสถานที่แห่งความตาย
และเขายังพบว่า แม้ว่าปราณวิญญาณของสวรรค์และโลกจะหนาแน่นมาก แต่มันก็มีความรุนแรงยิ่งนัก อีกทั้งยังมีพลังดาราจักรอยู่ภายใน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดูดซับและขัดเกลามันโดยตรง
ซึ่งหมายความว่าหากต้องการทำสมาธิและบ่มเพาะอยู่ในสมรภูมิบรรพกาล เขาก็ทำได้เพียงแต่ต้องใช้โอสถวิญญาณเท่านั้น
แต่นับว่าโชคดีที่เฉินซีเก็บโอสถกลั่นแรกเริ่มนับสิบล้านเม็ดและโอสถเหลวหยกนภาอีกหลายหมื่นเม็ดไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ก่อนที่จะมุ่งหน้ามายังสมรภูมิบรรพกาล ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการบ่มเพาะไปอีกสักระยะหนึ่ง
“หืม? สิ่งนั้นคือ…” หลังจากทะยานไปได้หนึ่งชั่วก้านธูป เฉินซีได้มาถึงยอดเขาโดดเดี่ยวที่สูงราวสองลี้ ภูเขาลูกนี้ก็เหมือนกับภูเขาอื่น ๆ ที่มีสีดำสนิทและรูปร่างแปลกประหลาด ภายใต้แสงสว่างจากสายฟ้าสีม่วงบนท้องฟ้า พวกมันถูกปกคลุมด้วยเงาที่มืดมน น่าสยดสยอง และมืดมัว
เฉินซีตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีต้นสนโบราณสองสามต้นปลูกอยู่ใกล้กับกำแพงหินที่เรียบเนียนอยู่บริเวณด้านข้างของภูเขา กิ่งก้านของต้นไม้เป็นเหมือนเดือยเหล็กที่ส่องประกายด้วยเงาโลหะ รากของมันขดไปมาเหมือนมังกร และมีสมุนไพรวิญญาณที่เปล่งประกายแวววาวดุจผลึกแก้วอยู่ที่ด้านข้าง
สิ่งนี้ดูอ่อนโยนและละเอียดอ่อน เหมือนกับอัญมณีสีม่วงที่มีความแวววาวและถูกขดด้วยเกลียวสายฟ้า ดูเหมือนว่ามันจะเติบโตขึ้นจากการดูดซับพลังงานของสายฟ้า และได้ส่งกลิ่นหอมออกมา
มันคือสมุนไพรล้ำค่าที่มีอายุมาก ลายวงกลมสีม่วงที่อยู่บนนั้นได้เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ซึ่งดูสะดุดตาเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในสถานที่ซึ่งไร้ความมีชีวิตชีวาแห่งนี้
“นี่มันกล้วยไม้สายฟ้า ช่างเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งนัก! มันมีกลีบถึงสิบสองกลีบ และหกกลีบมีลวดลายแห่งเต๋าปรากฏขึ้นแล้ว! เฉินซีประเมินอย่างระมัดระวัง และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เท่าที่เขาทราบมา สมุนไพรวิญญาณในสวรรค์และโลกที่สามารถสร้างลวดลายแห่งเต๋า จะถูกเรียกว่าสมุนไพรวิญญาณระดับเต๋า ซึ่งล้วนหายากเป็นอย่างมาก พวกมันเป็นดั่งสมบัติแห่งฟ้าดินที่จะพบเจอได้ด้วยโชคเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น หากผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ต้องการสกัดเต๋ารู้แจ้งของตนเองเป็นวัสดุแล้ว การกลั่นโอสถทิพย์กำเนิดเต๋ายังจำเป็นต้องใช้สมุนไพรวิญญาณระดับเต๋าเป็นวัสดุเสริมอีกด้วย ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่โอสถจะสามารถบรรจุเต๋ารู้แจ้งเอาไว้ภายในและทำให้ผู้บ่มเพาะเข้าใจเต๋ารู้แจ้งได้ทันทีหลังจากกินโอสถเข้าไป
นอกจากนี้ ยิ่งโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าแข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ความต้องการที่มีต่อคุณภาพของสมุนไพรวิญญาณระดับเต๋าก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับกล้วยไม้สายฟ้าที่อยู่ตรงหน้าเขาที่มีลวดลายแห่งเต๋าอยู่บนดอกทั้งสิบสองกลีบ มันจึงสามารถเป็นวัสดุเสริมในการกลั่นโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าที่มีมหาเต๋าแห่งอัสนีได้!
“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถกลั่นโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าได้ชั่วคราว แต่ถ้าข้ากินกล้วยไม้สายฟ้าและดูดซับลวดลายแห่งเต๋าที่อยู่ภายใน บางทีมันอาจส่งเสริมความเข้าใจต่อเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าของข้าได้…”
สายตาของเฉินซีพลันลุกโชนขึ้นในทันทีและถอนหายใจด้วยความหนักอึ้ง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้บ่มเพาะจำนวนมากต่างก็แห่ไปยังสมรภูมิบรรพกาลเหมือนฝูงแมลงวัน สมบัติแห่งฟ้าดินที่เติบโตอยู่ที่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนเกิดความโลภ
โอม!
ทว่าเมื่อเฉินซีกำลังจะเคลื่อนไหว คลื่นมิติที่ผันผวนอย่างรุนแรงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือทุ่งสมุนไพรวิญญาณ และจากนั้นก็มีร่างหนึ่งเดินออกมา
“ฮ่า ๆๆ นี่คือสมรภูมิบรรพกาลหรือ? ในที่สุดข้า ซวีเหลิ่งเยี่ยก็มาถึงแล้ว!”
คนผู้นี้คือชายหนุ่มรูปงามในชุดคลุมนักพรตเต๋าสีแดงเพลิงและมีคิ้วที่คมกริบ ทันทีที่มาถึง เขาก็หัวเราะเสียงดังขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งแสดงออกถึงทัศนคติที่เย่อหยิ่งและกดขี่ของเจ้าตัว
“เอ๊ะ! นั่นมันกล้วยไม้สายฟ้านี่? แถมครึ่งหนึ่งของกลีบดอกยังได้สร้างลวดลายแห่งเต๋าแล้ว? ฮ่า ๆๆ ข้าเพิ่งมาถึงสมรภูมิบรรพกาล แต่กลับได้รับของขวัญที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ช่างเป็นการจัดเตรียมของสวรรค์อย่างแท้จริง” ในขณะเดียวกัน ซวีเหลิ่งเยี่ยก็สังเกตเห็นสมุนไพรวิญญาณที่ด้านข้างของกำแพงหิน ดวงตาของเขาเป็นประกาย ก่อนจะหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง
“สหายเต๋า นั่นมันของข้า” ในที่สุดเฉินซีก็ไม่อาจหักห้ามใจจนต้องกล่าวออกไป แม้เขาจะทนต่อการถูกเย้ยหยันจากคนอื่นได้ แต่ถ้าอีกฝ่ายต้องการยึดบางสิ่งที่ชอบไปละก็ ชายหนุ่มย่อมทนไม่ได้อย่างแน่นอน!!