บทที่ 458 สมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้น
บทที่ 458 สมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้น
ฟู่!
เลือดสาดกระเซ็น ในขณะที่ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะหลบหนี เขาของสัตว์อสูรที่อยู่ด้านหลังก็เจาะทะลวงผ่านท้องของอีกฝ่าย ก่อนที่มันจะยกเขาเหวี่ยงขึ้นไปกลางอากาศ ทำให้เลือดกระจายไปทั่ว หลังจากที่ศพของเขาลงมาถึงพื้นก็ถูกบดขยี้จนแหลกทันที และจมหายไปในกระแสอสูร
“อ๊า!” ผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลร้องโหยหวนขึ้นอย่างน่าเวทนา พวกเขาถูกปิดล้อมโดยสัตว์อสูรบินได้สีแดงเข้มหลายร้อยตัว เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า กลุ่มคนมากกว่าโหลกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
ภาพที่น่าสลดใจนี้สามารถเห็นได้ทั่วทั้งซากปรักหักพังเหล่านี้ กระแสอสูรไหลเชี่ยวราวกับแม่น้ำที่ซัดเขื่อนกั้นน้ำ ดุจกองทัพอันเกรียงไกรเคลื่อนพล สั่นสะเทือนถึงท้องฟ้า ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นนรกแห่งการฆ่าฟันและทะเลเลือด
โฮก!
ช้างมังกรขนาดมหึมาพุ่งออกมา กีบทั้งสี่ของมันเป็นดั่งเสาค้ำสวรรค์กระทืบลงมาอย่างรุนแรง บดขยี้อัจฉริยะเจ็ดหรือแปดคนจนแหลกเป็นเนื้อเดียวกัน ทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกหวาดกลัวมาก พวกเขาแทบไม่เจอใครในหมู่ตนที่สามารถต่อต้านฝ่ายตรงข้ามได้เลย นับแต่มาถึงพวกเขาก็พบว่าชีวิตของตนเองช่างไร้ค่ายิ่งนัก
กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งในอากาศทั่วซากปรักหักพัง ขณะที่การเข่นฆ่าเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง มันกลายเป็นภาพที่น่าสยดสยองจนใคร ๆ ก็ไม่อาจทนดูได้
ไม่ถึงครึ่งชั่วยามต่อมา เหตุการณ์ดังกล่าวก็หยุดลง คลื่นสัตว์อสูรล่าถอยไป สมบัติของทวยเทพนับสิบชิ้นที่ควบคุมกระแสอสูรก็หายไปพร้อมกับมันเช่นกัน
ท้องฟ้าและพื้นดินกลับคืนสู่ความเงียบสงบ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นเลือดที่รุนแรงในอากาศ ในขณะที่แสงเรืองรองและเจิดจรัสจากสมบัติวิเศษในซากปรักหักพังที่อยู่ห่างไกลก็พุ่งขึ้นสูงเหนือเมฆ ราวกับดาวหางที่พาดผ่านท้องฟ้า
ทว่าไม่มีใครกล้าโลภมากอีกต่อไป และกลับรู้สึกว่าหลังของพวกเขาเย็นเฉียบขึ้นมาแทน เพราะทุกอย่างในซากปรักหักพังนั้นน่ากลัวเกินไป สัตว์อสูรที่ทรงพลังยิ่งถูกควบคุมโดยสมบัติที่ทวยเทพทิ้งไว้ และพลังดังกล่าวก็สามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้โดยไม่มีอะไรมาหยุดมันได้
ฝูงสัตว์อสูรค่อย ๆ หายไป พร้อมกับชีวิตของผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะหลายร้อยคนที่เสียไปด้วยน้ำมือของพวกมัน ศพของพวกเขาเรียงรายอยู่ทั่วซากปรักหักพัง เลือดเปรอะเปื้อนเศษหินที่ผุกร่อนไปทั่วทุกที่
หลายคนมีความคิดที่จะถอยกลับ เกาะสมบัติที่ร่วงหล่นแห่งนี้เป็นดุจถ้ำปีศาจ แม้ว่าสมบัติจะเป็นของดี แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขา ความประมาทเลินเล่อเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ทุกคนตายลงได้ทุกเมื่อ
เฉินซียืดตัวขึ้นจากซากปรักหักพังด้วยความลำบากใจ เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น ชายหนุ่มเป็นหนึ่งในสมาชิกมากมายของกลุ่มผู้หลบหนีที่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะนี้ได้อย่างปลอดภัย
“มันน่ากลัวจริง ๆ ใครจะคิดกันว่าสัตว์อสูรบนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นจะน่ากลัวขนาดนี้” เฉินซีลูบไหล่ซ้ายของเขา จุดที่ถูนั้นได้ถูกเขี้ยวของกิ้งก่าตัวใหญ่กรีดเป็นแผลเปิด แต่ในตอนนี้มันหายเป็นปกติแล้ว
ยามนี้ เขาได้แยกตัวออกมาจากหวงฝู่ฉิงอิง นายน้อยโจว เผยอวี่ และคนอื่น ๆ มานานแล้ว เนื่องจากฝูงสัตว์อสูรนั้นน่ากลัวเกินไป พังทลายทุกสิ่งลงพร้อมเสียงระเบิดก้อง เพื่อที่จะหลบหนีเอาชีวิตรอด พวกเขาจึงไม่สามารถเกาะกลุ่มกันได้อีกต่อไป
วูบ!
ท้องฟ้าสั่นสะเทือน ริ้วลำแสงสีเงินปรากฏขึ้น กวาดตรงไปทางเอวของเฉินซี แสงกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวสายนี้ตั้งใจที่จะตัดครึ่งร่างของเขา
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ขณะที่หลีกเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ลำแสงที่พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ได้ผ่าหินขนาดมหึมาที่มีน้ำหนักมากกว่าแสนจินที่อยู่ข้าง ๆ เผยผิวที่ถูกตัดเรียบดุจกระจก
กระบี่เล่มนี้คมและน่ากลัวมาก เห็นได้ชัดว่าผู้ใช้สามารถผสานเต๋าแห่งโลหะเข้ากับกระบวนท่ากระบี่ได้อย่างไร้ที่ติ
คนที่ลอบโจมตีเขาเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดสีดำ อีกฝ่ายถอยกลับอย่างเด็ดขาดเมื่อการโจมตีพลาดไป ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเฉินซีนั้นทรงพลังเพียงใด
แต่เฉินซีจะปล่อยให้ศัตรูหลุดมือไปได้อย่างไร? ชายหนุ่มใช้งานปีกนภาดารกะทันที ในชั่วพริบตาเขาก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของชายหนุ่มที่สวมชุดดำ
“มันคงไม่สุภาพนัก หากข้าจะไม่คืนกลับให้เจ้า!” ยันต์ศัสตราของเฉินซีปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าราวกับเสาแสง เจตจำนงแห่งกระบี่เสียดแทงออกไปรอบด้าน ก่อนจะถูกฟันออกไปด้วยความตั้งใจที่จะสังหารผู้ลอบโจมตีให้ขาดครึ่ง เช่นเดียวกับที่โดนเมื่อครู่
เคร้ง!
ประกายไฟปลิวว่อนไปทุกที่ ในช่วงเวลาสำคัญ ชายหนุ่มในชุดดำหยุดลงและหันกลับมา ก่อนที่จะเคลื่อนกระบี่มาขวางหน้าตนเอาไว้ ทว่าถึงแม้จะสกัดกั้นกระบี่ที่เข้าโจมตีช่วงเอวได้ แต่ตัวคนก็ยังถูกแรงระเบิดส่งให้ปลิวว่อนไปและเซล้มลงกับพื้น
“หือ? เจ้าเป็นคนของราชวงศ์ตงเซี่ยอย่างนั้นหรือ? ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะกล้าลอบโจมตีข้า” ผมเผ้าของชายหนุ่มชุดดำยุ่งเหยิงยิ่ง ขณะที่รูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของอีกฝ่ายเองก็ถูกเปิดเผย ทำให้เฉินซีจำคนคนนี้ได้ในทันที
“เช่นนั้น ข้าคงปล่อยเจ้าไปไม่ได้แล้ว!” ชายหนุ่มไม่รั้งรอแม้แต่น้อย ยันต์ศัสตราวาดขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเสียงคร่ำครวญ เต๋ารู้แจ้งเดือดพล่านและก็ฟันลงมาอีกครั้ง
แม้ว่าชายหนุ่มในชุดดำจะดูแข็งแกร่งและเหนือกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะทั่วไป แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับเฉินซีได้อยู่ดี หลังจากต้านทานการโจมตีด้วยกระบี่ของเฉินซีอย่างต่อเนื่องอีกไม่กี่ครั้ง ร่างกายของคนผู้นี้พลันสั่นสะท้าน จนถึงจุดที่เลือดไหลออกจากอวัยวะทั้งห้า และกระดูกหลายชิ้นแตกหัก
ฟิ้ว!
เฉินซีโจมตีด้วยกระบี่ของเขาอีกครั้ง
ชายหนุ่มในชุดดำรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก เมื่อเขายังคงต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยกระบี่นี้ ในที่สุดเจ้าตัวก็กัดฟันบดขยี้ยันต์เคลื่อนเอกภพในมือ และหายตัวไปทันที
“เป็นยันต์เคลื่อนเอกภพอีกแล้ว” เฉินซีขมวดคิ้ว ยันต์ประเภทนี้แฝงมหาเต๋าแห่งมิติที่ลึกซึ้งเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถขัดเกลาได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่มีวิธีโต้กลับที่มีประสิทธิภาพเลย เช่นเดียวกับที่ซวีเหลิ่งเยี่ยอาศัยยันต์แผ่นนี้เพื่อหลบหนีไปก่อนหน้านี้
“ดูเหมือนว่าครั้งต่อไปที่เผชิญหน้ากับศัตรู ข้าต้องเด็ดขาดและโหดเหี้ยมยิ่งกว่านี้…”
ครึ่งเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา เฉินซีได้เข้าสู่ภายในซากปรักหักพัง ในระหว่างนั้นกระแสอสูรก็ได้เกิดขึ้นอีกสองถึงสามรอบ ทำให้เขาค่อย ๆ เข้าใจรูปแบบของมันแล้วว่า หลังจากกระแสอสูรผ่านไป ก็จะมีช่วงเวลาที่เงียบสงบอยู่สองวัน
ภูเขาก่อร่างเกิดเป็นป่าขึ้นต่อหน้า ต้นไม้แต่ละต้นทั้งสูงและใหญ่ยิ่ง อีกทั้งป่าบางแห่งยังสาดแสงจากสมบัติ เขายังได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาเบา ๆ อีกด้วย
นี่คือใจกลางซากปรักหักพัง กระแสอสูรรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ทว่าเมื่อเทียบกับโลกภายนอกแล้วก็ยังปลอดภัยกว่า อีกทั้งยังมีสมบัตินับไม่ถ้วนซุกซ่อนอยู่ที่นี่ เฉินซีจึงคิดอย่างสบาย ๆ ว่าหากคำนวณไม่ผิด ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่พื้นที่ส่วนนอกซากปรักหักพังเป็นส่วนที่ถูกพวกอสูรเข้าปะทะโจมตีได้ง่ายที่สุด
และดูท่าจะไม่ใช่ชายหนุ่มคนเดียวที่คิดได้เช่นนี้ เพราะมีหลายคนมาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว พร้อมกันนั้น เฉินซียังได้ยินเสียงการต่อสู้ดังก้องมาจากยอดเขาที่อยู่ไกลลิบอีกด้วย
เสียงที่ได้ยินทำให้ภายในใจเริ่มระแวดระวังขึ้นทันที เพราะคนที่สามารถมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัยย่อมไม่ใช่พวกอ่อนแอแน่ อีกฝ่ายต้องเป็นตัวตนที่มีความสามารถไม่ธรรมดาและย่อมมีความแข็งแรงอย่างน่ากลัว
ว่าแล้วเฉินซีก็มาถึงหน้าภูเขาอย่างเงียบเชียบ เมื่อเห็นว่ากลุ่มที่ทำการต่อสู้ไม่ใช่หวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจว เขาก็หันกลับ มุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางซากปรักหักพังต่อไป
ตลอดทางนั้น เขาคอยมองหาสองคนนั้นอยู่เรื่อย ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่พบแม้แต่ร่องรอย ทำให้อดรู้สึกหนักใจไม่ได้
อั่ก!
สามวันถัดมา เฉินซีถูกลอบโจมตี บนหน้าท้องเกิดแผลเปิดขนาดใหญ่ หัวใจเกือบแหลกสลาย แต่เขามีทักษะแปรสภาพร่างกาย จึงสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
พร้อมกันนั้นแขนขวาชายหนุ่มก็ขยับไหว พลังหมัดซัดผ่านฟ้า ตรงเข้าใส่ศีรษะของผู้โจมตีจนแหลก มันสมองและเลือดกระจาย เผยภาพอันน่าสะเทือนขวัญขึ้น
“ฆ่ามัน!” เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่รอบโจมตีเฉินซี ตอนนี้ยังเหลืออีกหกคน ซึ่งล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต้าเสวียน พวกเขากระโจนใส่เฉินซีเหมือนหมาป่าแลพยัคฆ์ ขณะปลดปล่อยพละกำลังอันน่าผวาออกมา
ราชวงศ์ต้าเสวียนเป็นราชวงศ์ระดับสูง ศิษย์ทั้งหลายในราชวงศ์ย่อมมีพละกำลังแข็งแกร่ง ซึ่งเทียบได้กับจ้าวชิงเหอ เมื่อร่วมมือกันต่อสู้กับเฉินซีจึงทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก
ตู้ม!
หากเป็นสักสามหรือสี่คน เฉินซียังสามารถสู้จนจบได้ แต่หากเป็นหกคนรวมพลังกัน เขารู้ดีว่าสู้ไม่ไหว เว้นเสียแต่จะใช้พัดนกยูงเพลิง ซึ่งเป็นสมบัติกึ่งอมตะ แต่ชายหนุ่มไม่อยากเปิดไพ่ตายให้ผู้อื่นเห็นเร็วเกินไป ดังนั้นจึงไร้ทางเลือก และใช้ปีกนภาดารกะด้วยแรงที่มีทั้งหมด พริบตาต่อมาเขาก็กลายเป็นเส้นแสง หลบหนีไปเป็นการชั่วคราว
หากเป็นในเรื่องความเร็วและวิชาเคลื่อนย้าย ก็คงมีอยู่ไม่กี่คนที่ได้เข้าสู่สมรภูมิบรรพกาลที่จะอาจหาญเทียบกับเฉินซีได้ คนจากราชวงศ์ต้าเสวียนทั้งหมดล้วนตามไม่ทัน ได้แต่ยอมแพ้ไปอย่างไม่ยินดี
แต่หากกระทั่งตัวเขายังถูกลอบโจมตีไม่น้อย ไม่รู้ว่าสถานการณ์ฝั่งองค์หญิงน้อยกับนายน้อยโจวจะเป็นอย่างไรบ้าง…?
หลายวันถัดมา เฉินซีเดินออกมาจากถ้ำลับ สายตาทอดมองไปไกล ในใจรู้สึกหนักอึ้ง
หลายวันที่ผ่านมา เขาถูกลอบโจมตีจากราชวงศ์ตงเซี่ย ราชวงศ์ต้าเสวียน ราชวงศ์ต้าเฉียน ราชวงศ์เสวี่ยหง และอื่น ๆ ไม่จบไม่สิ้น แม้จะสังหารคนส่วนมากไปได้ แต่ก็มีหลายครั้งที่ตกอยู่ในอันตราย เกือบเอาชีวิตไม่รอด กล่าวได้ว่าทุกย่างก้าวต้องคอยระแวดระวัง
เรื่องนี้ทำให้เขาอดรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจวไม่ได้
‘พวกบัดซบเหล่านี้เหมือนภูตผีปีศาจที่คอยตามหลอกหลอน ข้าต้องหาโอกาสกวาดล้างมันให้สิ้น!’ พอนึกถึงสภาพที่ดูไม่ได้ของตนเองเมื่อหลายวันก่อน แววตาก็ส่องประกายเย็นยะเยือก
‘หืม?’ เฉินซีประหลาดใจ ตอนนี้ คลื่นแสงสว่างจ้าแผ่ออกมาจากหุบเขาภายในซากปรักหักพัง เหมือนจะมีสมบัติล้ำค่าของเทพถูกซ่อนเอาไว้ที่นั่น เฉินซีเคลื่อนตัวเข้าไปอย่างเงียบเชียบทันที
หุบเขาแห่งนั้นแห้งแล้งโดยสมบูรณ์ มีเพียงกำแพงที่พังทลายและอาคารทรุดโทรมหลายแห่ง เห็นกระทั่งเสาหินสูงลิบ แต่ทั้งหมดล้วนเหลือเพียงซาก มีรอยกะดำกะด่างอยู่มากมายด้วยกาลเวลาที่ผ่านไป
สถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวังที่มีขนาดกว้างขวางของสมัยโบราณ ทว่าคล้ายกับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นที่นี่ ทำให้มันตกอยู่ในสภาพผุพังเช่นนี้
เฉินซีค่อย ๆ เดินเข้าไป กวาดสายตามองครู่หนึ่งแล้วก็ต้องหรี่ตาลง มีสมบัติที่เทพทิ้งไว้จริงด้วย!
สมบัติชิ้นนั้นเป็นเครื่องประดับหยกสีขาวบริสุทธิ์ มันลอยอยู่ใจกลางซากโบราณ มีแสงสว่างเรืองรองออกมา ปลดปล่อยปราณมงคลสีขาวนวลออกมาหลายชั้น ดูน่าตกใจทั้งยังดูสูงส่งยิ่งนัก
เครื่องประดับหยกเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นสิริมงคล และมันก็ได้สร้างภาพอันน่าประทับใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นคงจะเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เฉินซีพลันมีกำลังใจขึ้นมา ถึงกับระวังไม่ให้ปลุกสมบัติชิ้นนั้นขึ้นมา และกังวลตนจะไม่อาจสยบมันได้
ฟิ้ว!
ชั่วพริบตาต่อมา เฉินซีก็ใช้ปีกนภาดารกะเต็มกำลัง พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็เกิดเสียงฟ้าลั่นขึ้นรอบกาย มันควบรวมเป็นบ่อพลังที่กลืนกินพื้นที่โดยรอบ ผลักให้เครื่องประดับหยกชิ้นนั้นเข้าไปในวงล้อมที่กางกั้นไว้
ครืน!
ภายในหุบเขาเกิดฟ้าผ่าลงมา ลำแสงหลายสายยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งยังมีปราณมงคลสีขาวผสมอยู่ในแสงศักดิ์สิทธิ์ ดูเป็นภาพสว่างกระจ่างตาไปทั่วทั้งหุบเขา
ณ ภูเขาที่อยู่ห่างออกไปคือชายหนุ่มสามคนที่กำลังค้นหาบางอย่างอยู่
หนึ่งในนั้นสวมชุดเนื้อหยาบ มีกระดูกหนารูปร่างใหญ่ ท่าทางดูธรรมดา ทว่าแววตากลับลึกล้ำและเฉียบคมดั่งกระบี่ เขาก็คือผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับหนึ่งในศิษย์รุ่นเยาว์ของราชวงศ์เสวี่ยหง ไท่ชูฮวาหรง ที่มีฉายาว่าคลั่งกระบี่น้อยนั่นเอง
“หืม? เป็นปรากฏการณ์ที่น่าตกใจโดยแท้! สมบัติล้ำค่าจะต้องปรากฏตัวขึ้นเป็นแน่! ไปกันเถอะ! ไม่ว่าจะเป็นใคร เราจะฆ่ามันทิ้งแล้วชิงสมบัติมาเสีย!” ไท่ชูฮวาหรงพลันหันกลับ นัยน์ตาฉายแววน่าสะพรึงกลัว พาอีกสองคนบินมุ่งหน้าไปยังหุบเขานั้นด้วยความรวดเร็ว
ตู้ม!
คนทั้งสามมุ่งหน้าเต็มความเร็วจนมาถึงที่ กระบวนยุทธ์ขั้นสูงทั้งหลายและพลังสมบัติกระจายไปทั่วจนหุบเขาแทบจะระเบิดและถล่มลงมา
เฉินซีหรี่ตาลง โทสะคุกรุ่นอยู่ภายในใจ จังหวะสำคัญเช่นนี้กลับมีคนเข้ามาขัดเสียได้ ซัดพลังเข้ามาไม่สนใจสิ่งใด ขัดขวางไม่ให้เขาสยบเครื่องประดับหยกชิ้นนั้นได้ ทำเอาใจของชายหนุ่มโกรธเป็นฟืนไฟ!