บทที่ 465 การต่อสู้ปะทุขึ้น
บทที่ 465 การต่อสู้ปะทุขึ้น
เฉินซีขณะนี้ได้ถือพัดนกยูงเพลิงไว้ในมือ เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ด้วยสีหน้าสงบนิ่งไร้ความกลัว โดยมีฉากหลังเป็นห้องโถงโบราณอันเงียบสงัดซึ่งเสียหายอยู่เบื้องหลัง ในขณะที่หวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจวกำลังเดินเข้าไปข้างใน
“เวรล่ะ! สองคนนั้นกำลังจะเข้าดินแดนเร้นลับ!” ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของหวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจว และตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้ทุกคนในที่นั้นตื่นตัวขึ้นมา
ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตอบสนอง ด้วยก่อนหน้านี้เฉินซีได้ใช้พัดนกยูงเพลิงเพื่อดึงความสนใจ และสร้างโอกาสให้กับสหายทั้งสองนี่เอง!
“รนหาที่ตาย!” ทันใดนั้นผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะคนหนึ่งก็เคลื่อนตัวออกมาจากกลุ่มของฉินเซียว ส่งกระบี่บินที่แหลมคมสองเล่มพุ่งเข้าใส่หวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
กระบี่บินกรีดผ่านดั่งสายฟ้าฟาด และปลดปล่อยเสียงแหลมระคายหูออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามันรวดเร็วเพียงใด บางทีมันอาจไม่สามารถฆ่าหวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจวได้ในทันที แต่ความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ก็มากพอจะหยุดฝีเท้าของพวกเขาไว้ได้แล้ว
ฉินเซียวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเช่นนั้น เพราะคนที่ปล่อยกระบี่พวกนั้นออกไปคือไจ๋ตี๋จากราชวงศ์ต้าฉิน
ไจ๋ตี๋ผู้นี้เลื่องชื่อด้านปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วและความเร็วของกระบี่บิน ความสามารถในการรับมือสถานการณ์เฉพาะหน้าของเขายังทำให้ฉินเซียวต้องรู้สึกอาย
ดังนั้นเมื่อเห็นไจ๋ตี๋ลงมือ เขาจึงคิดแล้วว่าคงหยุดหวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจวได้
ครืน!
ทว่าฉินเซียวก็ต้องหรี่ตาลงในพริบตาต่อมา เมื่อกระบี่สีดำสนิทและเรียบง่ายเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือขวาของเฉินซี ต่อมามันก็ซัดเข้าใส่ด้านข้างของห้องโถงที่อยู่ไกลออกไปอย่างดุดันในเสี้ยวอึดใจ
เสียงครวญกระบี่ดังชัด แสงกระบี่เส้นหนาพุ่งขึ้นมา จากนั้นก็ทิ้งตัวลงจากที่สูงราวกับดาราร่วงหล่น ภายในกระบวนท่ายังมีเสียงฟ้าคำราม วารีเพลิงเวียนวน หยินหยางไหลเวียน และภาพอันงดงามนี้ก็ราวกับผสานด้วยมหาเต๋า ทำเอาผู้คนทั้งนับถือและหวาดผวา
“บัดซบ!” ไจ๋ตี๋ที่อยู่กลางอากาศรั้งตัวกลับอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกหวาดกลัวผุดขึ้นในใจ และรู้สึกว่าพลังกระบี่นี้ไม่อาจสู้ซึ่ง ๆ หน้าได้ ทั้งยังต้านทานไม่ได้ด้วย
แม้แต่การเคลื่อนไหวของคนอื่น ๆ ที่ตั้งใจจะพุ่งเข้ามาก็ยังดูอืดอาดเมื่อเห็นพลังของการโจมตีในครั้งนี้
ตู้ม!
แสงกระบี่เส้นหนาฟาดลงมา ทำให้กระบี่บินของไจ๋ตี๋จมลงไป และพวกเขายังเห็นปรากฏการณ์ดาวฤกษ์ร่วงหล่นลงมาจากปราณกระบี่ อีกทั้งเต๋ารู้แจ้งที่อยู่ภายในนั้นก็น่าตกตะลึงนัก มันฉีกพื้นหน้าโถงโบราณแยกออกจากกัน จนเกิดช่องว่างสีดำขนาดใหญ่ขึ้นมา
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือน เกิดเป็นรอยแตกนับไม่ถ้วนเหมือนใยแมงมุม หวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจวฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้ามาในห้องโถงทันที
ครู่ต่อมา โถงโบราณก็ปกคลุมด้วยพลังผันผวนที่รุนแรง และมันก็หายไปพร้อมกับหวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจวต่อหน้าทุกคน
การเคลื่อนไหวนี้ว่องไวเหมือนสายฟ้าแลบ ตั้งแต่ไจ๋ตี๋ซัดกระบี่บินออกมา ตลอดจนกระบี่ของเฉินซีซัดลงจากฟ้า และกรีดพื้นเป็นรอยแยกดั่งผาลึกเบื้องหน้าห้องโถง รวมทั้งจังหวะที่ร่างของหวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจวหายไปพร้อมกันนั้น เกิดขึ้นในชั่วพริบตา อย่างไรก็ดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันน่าทึ่งจนทำให้ทุกคนอึ้งไปชั่วระยะหนึ่ง
ช่างเป็นกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวนัก!
นับเป็นครั้งแรกที่คนส่วนมากได้เห็นเฉินซีใช้เต๋าแห่งกระบี่ และได้รู้ว่ากระบวนท่ากระบี่นั้นน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
พวกเขาเคยเห็นเฉินซีเอาชนะตี๋ว่านโหลว หลีจวิ้น และคนอื่น ๆ ที่ข้างนอกประตูขุนเขาของซากโบราณด้วยหมัดเพียงไม่กี่หมัด และคิดว่านั่นคือไพ่ตายของเฉินซี
ทว่าเมื่อเห็นเฉินซีหยิบพัดนกยูงเพลิงออกมา พวกเขาต่างก็พากันคิดว่าสมบัติกึ่งอมตะคงเป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของชายหนุ่มแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ของเขาก็น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน
คนผู้นี้ยังมีไพ่ตายอะไรซุกซ่อนไว้อีกบ้าง?
ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้
ครู่ต่อมา ทุกคนก็หลุดออกจากภวังค์มึนงง มองไปยังห้องโถงที่หายวับไป เผยสีหน้ามืดมนไม่น่ามอง ก่อนหน้านี้พวกเขาปล่อยให้เหยื่อหนีไปใต้จมูกโดยแท้ นับว่าเสียหน้าอย่างมาก!
เพื่อชิงผนึกยันต์เข้าดินแดนเร้นลับ พวกเขาจึงเคลื่อนกำลังพลทั้งหมดเข้าโต้ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เดิมทีสมบัติชิงนั้นชิงได้ไม่ยาก ดินแดนเร้นลับก็ไม่ได้ไปยากเสียทีเดียว แต่ตอนนี้ทุกอย่างหายไปแล้ว ความพยายามอันทรหดของพวกเขาเปล่าประโยชน์
ความรู้สึกนี้ทำให้ทุกคนแทบบ้า อยากกลืนเฉินซีลงท้องไปเสียให้ได้
ครู่ต่อมา ทุกคนก็จ้องไปทางตัวต้นเหตุเขม็งโดยไม่ซ่อนความโกรธและจิตสังหารแม้แต่น้อย หากสายตาฆ่าคนได้ เฉินซีก็คงตายไปนับพันครั้งแล้ว
“ฆ่ามัน!” นัยน์ตาของเผยอวี่มืดมิด สีหน้าโกรธเกรี้ยว จิตสังหารพลุ่งพล่านราวคลื่นสมุทร ดินแดนเร้นลับที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมกลับหายไปทั้งอย่างนั้น ทำเอาเขาเกลียดชังเฉินซีถึงขีดสุด
“สังหารมันเสีย!” ชุยซิวหงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังเผยอวี่ กลุ่มของฉินเซียว และกลุ่มของปี้หลิงอวิ้นก็ไม่อาจระงับความโกรธและจิตสังหารได้เช่นกัน
“สังหารมัน!” ภายในฝูงชนที่อยู่ห่างไกล ผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์เทียนหลาง ราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์ตงเซี่ย ราชวงศ์ต้าเฉียน และราชวงศ์ต้าเสวียนคำรามขึ้นพร้อมกัน
ทันใดนั้น เสียงการต่อสู้ก็ดังสนั่นสั่นฟ้าดิน จิตสังหารเดือดพล่าน แสงต่าง ๆ จ้าสว่างฟ้า เคล็ดวิชาจำนวนมากซัดลงมา สมบัติวิเศษระเบิดพลัง ทุกคนลงมือโจมตี ทำให้วิชาทั้งหลายซัดกันเต็มฟ้า ทว่าพุ่งไปยังทิศทางเดียว
ครืน!
แผ่นดินราวกับจะระเบิดออกมา เมื่อสมบัติวิเศษ กระบวนยุทธ์ และพลังอิทธิฤทธิ์ต่างกระหน่ำลงมาดั่งพายุ ดั่งหินหลอมเหลวร้อนกรุ่น พุ่งเข้าหาเฉินซีพร้อมกันเป็นพลังหนาแน่นที่ไม่อาจต่อต้านได้
เฉินซีหรี่ตาลง แม้แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับพลังที่น่าเกรงขามเช่นนี้โดยตรง อย่างไรนี่ก็คือพละกำลังรวมกันของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ประสานการโจมตีตรงมายังตน
หากถูกโจมตีเข้าจริง ไม่ต้องพูดถึงพลังบ่มเพาะปัจจุบัน แม้เขาจะมีพลังต่อสู้แกร่งกว่านี้ก็ไม่อาจต้านทานได้แน่
เฉินซีรีบเปลี่ยนตำแหน่งทันที เมื่อร่างของเขาเคลื่อนไหว ดาราทั้งหลายพลันควบแน่น เกิดเป็นปีกศักดิ์สิทธิ์ สองปีกกระพือครั้งหนึ่งก็พุ่งหลบการโจมตีทั้งหลายได้
ตู้ม!
คลื่นอากาศอันน่าสะพรึงกวาดออกไปรอบข้าง จุดที่เฉินซีเคยยืนอยู่เมื่อครู่เกิดเป็นหลุมลึก หินหนักเป็นพันจินกระจายไปทั่ว เป็นภาพที่น่ากลัวนัก
ฟิ้ว!
ยันต์ศัสตราของเฉินซีร่ายรำอยู่บนฟ้า เต๋ารู้แจ้งขู่คำราม พลันเกิดแสงกระบี่นับไม่ถ้วนขึ้นมา พวกมันเป็นดั่งศรศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนที่กำเนิดขึ้นจนเต็มฟ้า จากนั้นก็ซัดเข้าใส่กลุ่มคนที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างรุนแรง
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงดังก้องสะท้อนเป็นทอด ๆ เมื่อปราณกระบี่ผสานกันทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เกิดเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ซัดลงมาดั่งฟ้าผ่า
ฉัวะ! ฉัวะ!
คนหกคนถูกสังหาร พวกเขากรีดเสียงร้องผวาออกมาก่อนจะสิ้นใจ
“อ๊าก!”
“ไม่!”
แสงกระบี่เส้นนั้นทั้งดุดันและรวดเร็ว ทั้งยังมีมหาเต๋าทั้งหลายผสานอยู่ เช่นสายฟ้า นภา ลม และอื่น ๆ มันกรีดผ่านอก ศีรษะ ช่วงท้อง ส่งผลให้เลือดสีแดงก่ำพุ่งออกมา
ภาพเช่นนี้น่ากลัวเกินไปจริง ๆ พลังบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ที่เฉินซีฝึกฝนมาหลายสิบปีได้เผยอิทธิฤทธิ์ออกมา แค่กระบวนท่าเดียวก็สังหารผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะไปหกคนแล้ว
แน่นอนว่าก็ยังมีคนอีกมากที่หลบการโจมตีได้ ส่วนพวกที่มีพลังบ่มเพาะด้อยกว่าก็โชคร้ายไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำให้พวกเขามีโทสะมาก
“แนวทางใจหลอมรวมกระบี่ มิน่าล่ะ กระบี่ของเขาจึงดุดันและรวดเร็วนัก! น่าเกรงขามจริง!”
“แต่การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ว่าเฉินซีจะแข็งแกร่งเพียงใด หากถูกคนล้อมมากเช่นนี้ย่อมไม่มีทางรอด”
คนที่ชมการต่อสู้จากระยะไกลล้วนประหลาดใจ ระหว่างพวกเขาไม่มีความเป็นปฏิปักษ์กัน ที่มาในครั้งนี้ก็เพื่อรับชมเรื่องสนุก ไม่ได้หวังจะเข้าดินแดนเร้นลับแต่อย่างใด เพราะกลุ่มของเผยอวี่ ฉินเซียว และปี้หลิงอวิ้นก็แข็งแกร่งเกินไป ทั้งยังไม่มีราชวงศ์ใดที่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้
กรร!
อย่างที่ทุกคนคาดไว้ ชั่วพริบตาต่อมา ผู้บ่มเพาะอสูรจากราชวงศ์ไป่เจ๋อก็กระโจนเข้ามาพร้อมกับแสงสีเงินสว่างจ้า เปลี่ยนร่างเป็นอสูรดุดันที่มีขนาดตัวเท่าขุนเขา เกล็ดประกายโลหะปกคลุมทั่วร่าง แผ่แสงเย็นเยียบออกมา
ปากกว้างเต็มไปด้วยเขี้ยว บนศีรษะคือเขาหนึ่งเขา ร่างประหนึ่งพยัคฆ์ไม่ก็เสือดำ ทว่ากลับมีหางเป็นจระเข้ทั้งยังมีปีก นี่คือเสือดำเกล็ดเงินกลืนจันทร์ เรียกอีกอย่างว่าเสือดำเกล็ดเงิน ซึ่งเป็นทายาทของอสูรดุร้ายยุคโบราณ มีสายเลือดบริสุทธิ์ ทำให้มันแข็งแกร่งมาก
“เสือดำเกล็ดเงิน! มันพัฒนาเกล็ดมังกรขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงเป็นสายเลือดที่น่าสะพรึงนัก! ความแข็งแกร่งของมันน่าเกรงกลัวมาก แม้จะด้อยกว่าอสูรบินกระเรียนโลกันตร์อยู่เล็กน้อยก็ตาม” หลายคนตกใจนัก
“โฮก~” เสือดำเกล็ดเงินมีร่างกายขนาดมหึมาประหนึ่งขุนเขา มันเปล่งลมปราณอันน่าผวาออกมา ผลักผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะทั้งหลายที่ล้อมเฉินซีอยู่ไปทางด้านข้าง ขายกขึ้นกระทืบอากาศพลางพุ่งเข้าหาเฉินซี มองจากระยะไกลก็ดูเหมือนภูเขาลูกหนึ่งกำลังบินอยู่กลางอากาศ แล้วทิ้งเงาดำใส่เฉินซีเบื้องล่าง
‘ความแข็งแกร่งของเจ้านี่ไม่ธรรมดา ข้าไม่ควรสู้กับเขานานไป’ เฉินซีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น
หากถูกมัดตัว เพียงนิดก็อาจถึงชีวิตได้ ดังนั้นเขาจึงเก็บพัดนกยูงเพลิงทันที ทำให้แสงสีแดงจ้าออกมา
ตู้ม!
ชายหนุ่มพัดมันเพียงแผ่วเบาก็เกิดเพลิงโหมขึ้นสู่ฟ้า ก่อนจะพุ่งออกไปเหมือนภูเขาไฟระเบิดหินหลอมเหลวออกมาทั่วพื้นที่
“โฮก~” เสือดำเกล็ดเงินร่างใหญ่เหมือนขุนเขาก็จริง ทั้งยังดุร้ายป่าเถื่อน ทว่าเมื่อถูกหินหลอมเหลวล้อมกายไว้เช่นนี้ มันก็คำรามโกรธ ทั้งยังร้องเสียงหลงออกมาเช่นกัน
“สมบัติกึ่งอมตะ พัดนกยูงเพลิง!” สีหน้าของคนอื่น ๆ พลันมืดมน นัยน์ตาส่องประกาย บางคนที่หมายลอบโจมตีเฉินซีก็ทิ้งความคิดนั้นไปชั่วคราว
ก็นี่มันสมบัติกึ่งอมตะเชียวนะ หากเฉินซีตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง ต่อสู้เอาชีวิตรอด เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อยากเห็นภาพนั้น แต่ด้วยความประหลาดใจของทุกคน เสือดำเกล็ดเงินตัวนั้นก็แข็งแกร่งโดยแท้ เกล็ดที่ปกคลุมร่างกายของมันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา จากนั้นพุ่งออกมาจากทะเลหินหลอมเหลว
ตอนนี้ทั่วร่างของมันปกคลุมด้วยเพลิงสีแดง เนื้อหนังไหม้จนน่ากลัว แต่ความดุร้ายกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย มันอ้าปากที่โชกเลือดออกกว้าง พ่นแสงสีเงินระเบิดออกมาดั่งดาวนับพัน
เมื่อเห็นว่าอสูรดุดันสามารถต้านทานการโจมตีจากพัดนกยูงเพลิงและหมายเข้าประชิดตัว เฉินซีก็ไม่กลัวสักนิด เขาเปล่งเสียงคำรามลั่นออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าไปพร้อมกับปราณจ้าววิญญาณที่ลุกโชนขึ้นมา พายุฝนฟ้าคะนองส่งเสียงดังก้อง ขณะซัดหมัดออกไปเร็วดั่งสายฟ้าฟาด มันผสานพลังผันผวนเอาไว้ภายใน ระเบิดอุ้งเท้าของเสือดำเกล็ดเงินทันที
ตู้ม!
เสือดำเกล็ดเงินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างกายที่มีขนาดมหึมาดั่งเนินเขาถูกหมัดนี้ซัดเข้าจนซวนเซ เกือบจะกระเด็นลอยไปด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น เกล็ดบนอุ้งเท้าขนาดใหญ่ยังแตกเป็นรู เลือดไหลออกมาเป็นทาง