บทที่ 470 ทัณฑ์สวรรค์มาคู่
บทที่ 470 ทัณฑ์สวรรค์มาคู่
จิตสังหารลุกโชนอยู่ในใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลาย ซึ่งหมายจะสังหารเฉินซี เพราะต่างรู้ดีว่าวันนี้คงได้เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับชายหนุ่ม หากปล่อยให้อีกฝ่ายรอดไปได้ ไม่รู้ว่าต่อไปจะเก่งกล้าสามารถขึ้นอีกเท่าไร? แค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
ฮึ่ม!
ยันต์ศัสตราในมือส่งเสียงคำรามก้อง เฉินซีกวาดสายตามองดั่งสายฟ้าฟาด มุมปากระบายรอยยิ้มเย็น เขาเป็นฝ่ายเริ่มลงมือโจมตีก่อน ประกาศิตเซียนสวรรค์เขาก็ต่อกรมาแล้ว มีอะไรให้ต้องกลัวอีกเล่า?
ศึกจึงปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน
พละกำลังทั้งหมดของเฉินซีฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นเขาย่อมไม่ยั้งมืออีก ทั้งยังไม่ความเมตตาปรานี เขาพุ่งเข้าไปในหมู่คนก่อนจะเกิดฝนโลหิตสาดกระเซ็นขึ้น
อาจกล่าวได้ว่าหากไม่ใช้อาวุธขั้นประกาศิตเซียนสวรรค์ เฉินซีก็สามารถสังหารทุกคนที่มีพลังเท่ากันทิ้งได้ และตัวเขาก็แทบฆ่าไม่ตาย ยิ่งไม่ต้องถามถึงผู้เยี่ยมยุทธ์จากหลากหลายราชวงศ์ กระทั่งตัวตนขอบเขตจุติเขายังลงมืออย่างไม่ลังเล! ในพริบตาเดียว ศีรษะโชกเลือดหลายหัวก็กระเด็นขึ้นฟ้า สิ้นใจพร้อมกับความเสียใจไปชั่วนิรันดร์
ตอนนี้เฉินซีเป็นดั่งปีศาจ สาดการโจมตีออกไปอย่างความไร้ปรานี กวาดล้างศัตรูจนหมดสิ้น เขาจำทุกสิ่งที่ประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้ได้ จำรอยยิ้มเย็นที่คนพวกนี้มีเมื่อครั้งหมายสังหารเขาได้ จิตสังหารภายในใจจึงยิ่งลุกโชน
ตู้ม!
เฉินซีตวัดกระบี่ฟันคนตรงหน้าจนร่างแยก จากนั้นก็เข้าประชิดตัวชุยซิวหงแล้วเสือกกระบี่เข้าใส่
ก่อนหน้านี้เมื่อเห็นเฉินซีขัดขืนประกาศิตเซียนสวรรค์และรอดพ้นมาได้ ชุยซิวหงก็ตกใจจนอึ้ง สะพรึง และไม่สบายใจไปแล้ว ในตอนนี้มีหรือจะกล้าต่อกรกับชายหนุ่มได้? เขาจึงรีบหันกลับแล้วโดดหลบไปด้านข้างทันที
“คิดจะหนีหรือ? ให้ข้าได้ดูสิว่าวันนี้ใครจะช่วยเจ้าได้!” เฉินซีกัดฟันด้วยความเกลียดชัง จะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน? ชายหนุ่มพลิกมือซ้ายทันที พัดนกยูงเพลิงพลันปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็สะบัดมันอย่างรุนแรง
ครืน!
ทะเลเพลิงพลุ่งพล่านดั่งหินหลอมเหลว กลายเป็นคลื่นน้ำซัดเข้าใส่ชุยซิวหง กระทั่งคนขอบเขตจุติยังเกรงกลัวอำนาจของสมบัติกึ่งอมตะชิ้นนี้ ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงชุยซิวหงเลย
อย่างไรคลั่งกระบี่น้อยหรือไท่ชูฮวาหรงก็บรรลุขอบเขตจุติแล้ว ทั้งยังเป็นอันดับหนึ่งในรุ่นเยาว์ของราชวงศ์เสวี่ยหง ทว่าก็ยังต้องสิ้นใจอย่างน่าสมเพชด้วยเปลวเพลิงจากพัดนกยูงเพลิงอันนี้
แม้ว่าชุยซิวหงจะมาจากราชวงศ์ระดับสูง แต่มีหรือพละกำลังจะเทียบเท่าได้กับไท่ชูฮวาหรง? เขาจมลงสู่ทะเลเพลิงทันที ร่างถูกคลอกขณะกรีดร้องออกมา
ร่างของชุยซิวหงมอดไหม้ไม่เหลือสิ่งใด เขามีจิตคิดร้าย ชอบเสี้ยมให้คนทะเลาะกัน ทั้งชั่วและเลวทราม เฉินย่อมไม่รู้สึกสงสารเมื่ออีกฝ่ายตายในทะเลเพลิง
“สังหาร!” เฉินซีที่มีสีหน้าเรียบเฉยยังคงพุ่งต่อไปแล้วฟันผู้คนนับไม่ถ้วน ศพกองกันอยู่เบื้องหลัง ส่วนเขามุ่งหน้าสังหารต่อ
“เจ้ามันเย่อหยิ่งเกินตัว ต้องถูกสังหารด้วยน้ำมือคนจากราชวงศ์เสวี่ยหงของข้าแน่!” ผู้เยี่ยมยุทธ์คนหนึ่งตะโกนลั่น เขาเป็นศิษย์คนสุดท้ายแห่งราชวงศ์เสวี่ยหงที่เข้ามายังเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นในครั้งนี้ สหายทั้งหลายล้วนตายตกกันไปก่อนเหมือนไท่ชูฮวาหรงที่ตายด้วยน้ำมือเฉินซี หรือไม่ก็เพิ่งถูกสังหารโหดไปเมื่อครู่ ตอนนี้จึงเหลือเพียงเขา
ตู้ม!
ร่างของเฉินซีรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดเมื่อปีกนภาดารกะกระพืออยู่ด้านหลัง ชั่วพริบตาเดียวเขาก็มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ออกหนึ่งกระบวนท่าทะลวงลำคอ โลหิตสาดกระเซ็น ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณจะล้มลงกับพื้น
ถึงตอนนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ราชวงศ์เสวี่ยหงที่เข้ามายังเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นจึงถูกกำจัดสิ้นแล้ว
ผู้เยี่ยมยุทธ์ราชวงศ์เทียนหลาง ราชวงศ์ตงเซี่ย และราชวงศ์อื่น ๆ ต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม ราชวงศ์เสวี่ยหงประสบภัยเช่นนี้ดูเป็นลางไม่ดี ไม่รู้ว่าหากพวกตนถูกเฉินซีตามล่าจะถูกกำจัดสิ้นเลยหรือไม่
“ฆ่ามัน!” คิดได้แล้ว ทุกคนก็สู้แบบเอาชีวิตเข้าแลกอย่างสิ้นสติ
ทว่าด้วยความสิ้นหวัง เพราะเฉินซีมีกำลังที่แข็งแกร่งเกินไป อีกทั้งยังมีสมบัติกึ่งอมตะอย่างพัดนกยูงเพลิงอยู่ในมือก็หาผู้ใดเทียบได้ ไม่เพียงแต่สังหารไม่ได้ เขากลับยังใช้โอกาสนี้สังหารคนเพิ่มอีกต่างหาก
ภายในไม่กี่ช่วงอึดใจก็เหลือผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์เทียนหลางอยู่เพียงสองคน
ผู้รับชมที่อยู่ไกล ๆ เห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกหนังศีรษะชา ไม่คิดเลยว่าเฉินซีจะรอดพ้นความตายไปได้อย่างหวุดหวิด ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก คนจากราชวงศ์เสวี่ยหงและราชวงศ์เทียนหลางเกือบถูกทำลายสิ้นแล้ว ความแข็งแกร่งเช่นนี้น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ!
ตอนนี้เหลือเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์สองคนสุดท้ายจากราชวงศ์เทียนหลาง พวกเขาเผยสีหน้าแน่วแน่ จ้องมองเฉินซีแล้วก็กระโจนเข้าใส่ พร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง “หากจะต้องตาย ก็ลากมันไปให้หมดทุกคน!”
ตู้ม!
ฟ้าดินพลันระเบิด ส่งคลื่นอากาศสะท้านฟ้า ปราณแท้คำรามเสียงเหมือนภูเขาไฟสองลูกพลันปะทุขึ้นพร้อมกัน กลุ่มควันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่เพียงแต่เฉินซีจะถูกดีดกระเด็นไปด้วยแรงระเบิด กระทั่งผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์อื่นที่อยู่ใกล้เคียงก็ยังถูกระเบิดจนร่างแยก ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกองเลือดด้วยซ้ำ
“เหี้ยมจริง!” จิตใจของทุกคนสั่นคลอน พากันตัวสั่น สองคนนั้นระเบิดแกนทองคำในร่าง ยอมเอาชีวิตเข้าแลก ใช้วิธีที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ย่อมทำให้ใจคนสะท้านได้
“ตายหรือยังเนี่ย? หากยังก็เผยตัวออกมา!” ฉินเซียวคำรามอย่างมีโทสะ แรงระเบิดเมื่อครู่พัดร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งราชวงศ์ต้าฉินหายไปแล้ว มีหรือเขาจะไม่โกรธ?
เผยอวี่มีอาวุธชั้นยอดเหมือนดั่งประกาศิตเซียนสวรรค์ในครอบครอง ส่วนตัวเขาฉินเซียวย่อมมีเช่นกัน แต่มันไม่ใช่ประกาศิตเซียนสวรรค์ กลับเป็นเข็มศักดิ์สิทธิ์ล้างวิญญาณที่กลั่นโดยเซียนสวรรค์ มันมีพลังกล้าแกร่ง ซึ่งสามารถทำลายจิตวิญญาณคนได้ จนทำให้คนพวกนั้นไม่สามารถเกิดใหม่ได้อีก
เฉินซีถูกแรงระเบิดจนได้รับบาดเจ็บหนัก ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด กายเกือบจะแยกออกจากกัน เหมือนมีใยแมงมุมกระจายไปทั่วทั้งร่าง กระทั่งผู้มีร่างกายแข็งแกร่งดั่งหินผาอย่างเขายังบาดเจ็บหนักเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าการระเบิดแกนทองคำภายในร่างนั้นน่ากลัวแค่ไหน
เฉินซีกัดฟันแน่น นึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าตนเองประมาทเล็กน้อย คิดว่าหลังจากทำลายประกาศิตเซียนสวรรค์ได้ คนอื่น ๆ ก็คงไม่น่ากลัวอะไร เกือบสิ้นชีวิตในการสู้ศึกเสียแล้ว
ใช่แล้ว บาดแผลเขาสาหัสมากจนดูแทบไม่ได้ แขนขาเกือบแยกออกจากกัน ไม่สามารถฟื้นฟูร่างด้วยทักษะแปรสภาพร่างในระยะเวลาสั้นได้
“ดีมาก ในเมื่อเจ้ายังไม่ตาย ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ข้าจะได้ใช้เข็มศักดิ์สิทธิ์ล้างวิญญาณสังหารเจ้าทิ้ง ให้เจ้าได้หายไปจากใต้หล้านี้ตลอดกาล!” องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉินผู้มีนามว่าฉินเซียวเอ่ยเสียงเย็น
ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่ห่างไกลถึงกับชะงัก ไม่คิดว่าการต่อสู้จะพลิกผันได้เช่นนี้ ครั้งนี้ก็พลิกกลับมาอีก เฉินซีที่เดิมทีมีโอกาสรอดน้อยนิด สุดท้ายกลับรอดมาได้ แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาบาดเจ็บสาหัส และตกที่นั่งลำบากอีกครา
“อยากสังหารข้าหรือ? เป็นไปไม่ได้หรอก!” เฉินซีไร้ความเกรงกลัวสิ่งใด แก่นพลังภายในร่าง จิตวิญญาณ และพลังทั่วร่างลุกโชน ปราณจ้าววิญญาณกระจายออกมาซ่อมแซมร่างกาย พลังทั้งหลายพลุ่งพล่านออกมา
ตู้ม!
พร้อมกันนั้น เมฆดำหมู่ใหญ่ที่ดำสนิทราวกับหมึกพลันลอยสูงขึ้นสู่ฟ้า หมุนเวียนวนไปเรื่อยไม่รู้จบ ลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะของเฉินซี สายฟ้าสีเลือดเหมือนดอกไม้ไฟผสานกันอยู่ในหมู่เมฆทมิฬ ปลดปล่อยพลังทำลายล้างออกมาทำเอาใจเต้นระรัว
“เอ๊ะ นั่นมัน…”
“สวรรค์โปรด! มันเกิดอะไรขึ้น? นี่มันเมฆแห่งทัณฑ์สวรรค์! หรือคนผู้นั้นอยากเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ระหว่างการต่อสู้หรือ?”
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ถึงกับตกตะลึง แม้ทั่วร่างเฉินซีจะมีบาดแผลปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน จนแทบจะแตกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ แต่ภายในร่างกายก็ยังมีขุมพลังดุดันและกว้างใหญ่กำลังคุกรุ่นอยู่
ที่น่าตกใจก็คือ พลังนั้นคือเพลิงลงทัณฑ์ที่อยู่ภายในร่าง สอดคล้องกับเมฆแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่ปรากฏอยู่บนฟ้า มีหรือที่คนอื่นจะคาดเดาไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น? นี่คือทัณฑ์สวรรค์สองประการที่ต้องเผชิญเมื่อคิดจะก้าวขึ้นสู่ขอบเขตจุติ!
กระทั่งตัวเฉินซีเองก็ยังตกตะลึง เขาไม่คิดว่าการปลดปล่อยพลังทั้งหมดภายในร่างจะเรียกทัณฑ์สวรรค์แห่งการจุติมาได้ แต่เขาก็มองออกตั้งแต่เริ่มสู้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้น ในใจจึงไม่ได้กระวนกระวายนัก
ใช่แล้ว เขาวางแผนไว้นานแล้วว่าหากทัณฑ์สวรรค์มาถึงตอนกำลังต่อสู้อยู่จริง ตนก็จะฆ่าสังหารและเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ไปพร้อมกัน!
หงส์เพลิงต้องอาบร่างด้วยเพลิงเพื่อเกิดใหม่ ดักแด้ขดตัวในรังไหมเพื่อเปลี่ยนเป็นผีเสื้อ ตัวเขาเฉินซีย่อมต้องท้าทายฟ้าดินอย่างไร้ความเกรงกลัว หากใจไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง มีหรือที่ต้องกังวลว่าทัณฑ์สวรรค์จะเกิดขึ้นในสถานที่ใด?
“เขาเสียสติไปแล้วหรือ!?” ทุกคนร้องเสียงตกใจออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น
ปกติแล้วคนอื่น ๆ จะหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ให้ได้ และออกปากขอให้ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่นคอยเฝ้าระวังให้ ด้วยกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันมารบกวน ทว่าเฉินซีกลับทำตรงกันข้าม หมายจะเอาชนะทัณฑ์สวรรค์แห่งการจุติระหว่างถูกคนจำนวนมากล้อมไว้เช่นนี้ การกระทำแบบนี้ต่างจากการรนหาที่ตายหรือไร?
คิดอย่างไรทุกคนก็ไม่อยากเชื่อว่าเฉินซีจะโง่จนกล้าทำแบบนั้นได้ หรืออีกฝ่ายจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ?
“เร็วเข้า! ฉวยโอกาสนี้จัดการมันเลย!” ฉินเซียวดีใจเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกได้ว่าสวรรค์คงไม่อาจทนมองความเย่อหยิ่งของเฉินซีได้อีกต่อไป เขาจึงตะโกนออกมาเสียงดัง เรียกคนอื่น ๆ ให้เข้าไปจัดการชายหนุ่มเสีย
“มีบางอย่างผิดปกติ! ดูเขาจะมั่นใจในการเอาชนะทัณฑ์สวรรค์มาก หากสามารถทำได้จริงและบรรลุสู่ขอบเขตจุติ เช่นนั้นความวิบัติก็มาถึงแล้ว แม้จะมีโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่เราก็ต้องกันไว้ดีกว่าแก้!” นัยน์ตาใสกระจ่างของปี้หลิงอวิ้นส่องประกายด้วยแววเฉลียวฉลาด เหมือนนางอ่านความคิดของเฉินซีออก จึงพูดออกมาด้วยเสียงจริงจัง
เมื่อได้ยินดังนี้ทุกคนก็ตกตะลึงไป ใช่แล้ว หากเฉินซีสามารถก้าวขึ้นสู่ขอบเขตจุติในศึกครั้งนี้ได้จริง พละกำลังของเขาก็คงพุ่งขึ้นสูง ถึงตอนนั้นจะจัดการกันอย่างไร? พวกเขาไม่กล้าคิดอีกต่อไปแล้ว
ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายต่างตกตะลึงและรู้สึกว่าคำพูดของปี้หลิงอวิ้นช่างเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันของเฉินซียิ่งนัก เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ถึงจะฝืนต่อสู้ไป ก็อาจเลี่ยงความตายไม่พ้น ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเรื่องนี้ อีกฝ่ายจึงคิดจะเอาชนะทัณฑ์สวรรค์แห่งการจุติเพื่อหาโอกาสรอดในสถานการณ์สิ้นหวังกระมัง?
ครืน!
บนท้องฟ้าคือเมฆดำกำลังลอยตัว ขณะส่งเสียงคำรามลั่นไร้ที่สิ้นสุด สายฟ้าสีโลหิตซัดอยู่ภายใน เหมือนอสรพิษเริงระบำอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอันน่าผวา สะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างไม่รู้จบ
นี่คืออำนาจที่แท้จริงของสวรรค์ บทลงโทษของเต๋าแห่งสวรรค์ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ใต้หล้าคงถูกทำลาย มีแต่แรงกดดันเป็นแน่
ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเฉินซีปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายเร่าร้อนราวกับไฟโหม คลื่นความร้อนที่แผ่ออกมาทำเอาพื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยวไม่ชัดเจน
“เร็วเข้า ฆ่ามันซะ! ไม่ว่าอย่างไรการฉวยจังหวะนี้สังหารมันก็ไม่ผิดอะไร ไม่เช่นนั้นหากมันโชคดีเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ไปได้ พวกเราก็ไม่มีใครรอดไปได้แน่!” ฉินเซียวเห็นภาพนั้นแล้วจึงตะโกนเสียงดังลั่น
“ฆ่ามัน!” ทุกคนจึงซัดการโจมตีออกมา เพราะรู้ดีว่าไม่สามารถประวิงเวลานานกว่านี้ได้แล้ว พวกเขาจำเป็นต้องขัดขวางเฉินซีไม่ให้เอาชนะทัณฑ์สวรรค์ไปได้ หากอีกฝ่ายไม่ตายตกด้วยฝีมือพวกเขา ก็จะถูกทัณฑ์สวรรค์แห่งการจุติสังหาร ดังนั้นพวกเขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายข้ามผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด
ทันใดนั้น ทั้งสมบัติพิเศษ กระบวนยุทธ์ทั้งหลาย และพลังอิทธิฤทธิ์มากมายก็รวมตัวกันเหมือนสายรุ้งพาดผ่านดวงตะวัน ผสมผสานเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นตาข่ายแสงแน่นหนา หมายสังหารเฉินซี